04 ธันวาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 4/12/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

บัดนี้...แผนการล่าสุดของพระบิดา

ที่ปรารถนาจะฉุดช่วยท่านทั้งหลายให้ทัน

ก่อนวันชำระโลกคาบสุดท้าย

มันได้ล้มละลายไปอย่างไม่เป็นท่า

อีกแผนการหนึ่งแล้ว

โดยเราจะเล่าไว้เป็น "ตำนาน" ให้ท่านฟัง

 

เหตุเพราะ "คนนำทางตาบอด" ที่ถูกเลือกใช้

โดยทรงกำหนดให้เป็น "เบี้ย" ตัวหนึ่ง

ซึ่งต้องทำหน้าที่ร่วมกันกับ "ม้า"

เพื่อภารกิจสนับสนุน "ขุน" บนกระดานหมากรุก

ได้ปฏิเสธเงื่อนไขพระบิดาที่ทรงเมตตายื่นให้

เพื่อช่วยกระตุ้นสติทางวิญญาณให้เกิดการตื่นรู้

ให้เธอจำหน้าที่ทางจิตวิญญาณของตนให้ได้

 

เธอจึงตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์

ด้วยการไม่ยอมทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของตน

เมื่อกาลเวลาที่สำคัญนั้นได้เดินทางมาถึงแล้ว

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เส้นทางเดินแห่งกาลเวลามีสาระสำคัญ

ตามลำดับก่อนหลังดังต่อไปนี้

 

1. กาลเวลาลำดับที่หนึ่ง

 

ฑูตสวรรค์สร้างมายาของ "นกฟีนิกซ์"

ไว้บนก้อนเมฆเหนือฟ้ากรุงริโอเดอบราซิล

ในประเทศ...บราซิล

ประเทศที่มีพระรูปปั้นองค์เยซูคริสต์

ที่เด่นตระหง่านอลังการอยู่บนยอดเขาสูง

 

กาลเวลานี้ทรงมีพระประสงค์ให้

บุตรมนุษย์ในยุคนี้ได้น้อมจิตรำลึกถึง

องค์เยซูคริสต์เจ้าว่าที่เจ้าบ่าวพระองค์นั้น

อันเป็นองค์ต้นเรื่องของแผนการนี้นั่นเอง

 

แต่อนิจจา...น่าเศร้านัก

เมื่อแผนการของพระองค์ต้องล้มเหลว

เพราะมนุษย์ผู้เป็นเจ้าสาวของพระองค์

ถือตะเกียงที่ไร้น้ำมันกันถ้วนหน้า

จึงมิอาจฉุกคิดตามแผนการที่วางเอาไว้ได้

 

2. กาลเวลาลำดับที่สอง

 

พระบิดาทรงสื่อพระโอวาทผ่านเรามา

ให้นิพนธ์พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มแรกขึ้นไว้

ทรงประทานนามว่า #วันพิพากษา

มีชื่อสากลว่า "The Judgment Days"

 

พระคัมภีร์เล่มนี้

ทรงเปิดเผยความเป็นมาและเป็นไปต่างๆ

ที่เกี่ยวข้องกับแผนการชำระโลกและมนุษย์

ที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาอย่างละเอียดว่า

จะเกิดเหตุร้ายหรือภัยพิบัติอะไรขึ้นบ้าง

จะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับใคร

จะเกิดเหตุร้ายขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่

และเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นๆแล้วผลจะเป็นยังไง

 

พระคัมภีร์เล่มนี้

ทรงปรารถนาจะบอกให้บุตรมนุษย์รู้ว่า

บัดนี้โลกได้สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

ทุกคนต้องพาจิตวิญญาณกลับบ้านให้ได้

 

เนื่องจากพระบิดาจะทรงชำระโลก

ด้วยมหันตภัยพิบัติที่รุนแรงสูงสุด

ถึงขั้นเกาะหาย แผ่นดินหาย

และจะมีคนตายมากกว่าคนที่รอดชีวิต

ชนิดที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประวัติศาสตร์

 

หากท่านไม่รีบกลับบ้านในสภาวะนิพพานแท้

คือหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาลให้ได้

โดยยังคงงมงายวกวนแบบคนหลงทาง

เพราะไปก้าวตามคนนำทางตาบอดอยู่อีกล่ะก็

มันจะยังผลให้จิตวิญญาณของพวกท่าน

หมดโอกาสได้หลุดพ้นกลับบ้านไปตลอดกาล

 

พระคัมภีร์เล่มนี้

ทรงปรารถนาจะให้เป็นเครื่องมือ

กระตุ้นจิตสามนึกของพวกท่านทั้งหลาย

ให้ได้ #ฉุกคิด ด้วยปัญญาเบื้องต้นว่า

 

ผู้ที่สามารถ "นิพนธ์" พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้

ผู้ที่สามารถถอดรหัสสำคัญในวิวรณ์โบราณได้

ผู้ที่สามารถสื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้าได้

ผู้ที่กล่าวพระโอวาทในพระนามพระองค์ได้

ผู้ที่กล่าวอนุตรธรรมที่มนุษย์โลกไม่รู้ว่าไม่รู้ได้

 

คือผู้ที่พระองค์ทรงมีพระบัญชา

ให้กลับมาทำหน้าที่ในพระนามแห่งพระองค์

ในยุคจิตจักรวาลในปลายยุคพลังงานเก่านี้

 

แต่อนิจจา...น่าเศร้านัก

เมื่อแผนการของพระองค์ต้องล้มเหลวอีก

เพราะเจ้าสาวส่วนน้อยที่ได้อ่านพระคัมภีร์

อ่านแล้วแต่ไม่เข้าใจ

เพราะเธอถือตะเกียงที่ไร้น้ำมันกันถ้วนหน้า

 

นอกจากนั้น

คนส่วนใหญ่ที่ได้เห็นพระคัมภีร์เล่มนี้

กลับตัดสินใจปฏิเสธที่จะอ่านในทันที

โดยเฉพาะ "คนนำทางตาบอด" ทุกศาสนา

พากันปฏิเสธพระคัมภีร์สำคัญเล่มนี้จนทั่วหล้า

เพราะว่ายึดติดพระศาสดาพระองค์เดียว

ยึดติดพระคัมภีร์เล่มเดียวจนฝังหัวฝังใจ

 

อีกทั้งพวกคนนำทางตาบอดทุกศาสนิก

รวมทั้งศาสนิกชนทั้งหลายเองในยุคนี้

ได้ใช้ความอยากรู้อยากเห็นของตน

ไปกับการสอดรู้สอดเห็นที่เรียกกันว่า "เผือก"

มากกว่าการ "สนใจใฝ่เรียนรู้" ความรู้ใหม่

จึงมิอาจฉุกคิดตามแผนการที่วางเอาไว้ได้

 

3. กาลเวลาลำดับที่สาม

 

พระบิดามีพระบัญชาให้เรา

กล่าวประกาศต่อพี่ๆน้องๆบนโลกเสรีนี้

ในการสื่อพระโอวาทจากองค์จิตจักรวาล

เมื่อวันอาทิตย์ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

เพื่อให้ชาวโลกได้รู้โดยทั่วกันว่า

 

รหัสมายาที่กล่าวไว้ตามข้อ 1. ทั้งหมดนั้น

หมายถึงสัญญาณของฟ้าที่บอกนัยให้รู้ว่า

พระองค์ผู้เคยให้สัญญาว่าจะกลับมา

จะกลับมาเมื่อพระบิดาทรงพิพากษาโลกนั้น

ได้กลับมาวางพระเศียรอยู่บนโลกนี้นานแล้ว

 

แต่อนิจจา...น่าเศร้านัก

เมื่อแผนการของพระองค์ต้องล้มเหลวอีก

เพราะมนุษย์ผู้เป็นเจ้าสาวของพระองค์

ถือตะเกียงที่ไร้น้ำมันกันถ้วนหน้า

จึงมิอาจฉุกคิดตามแผนการที่วางเอาไว้ได้

 

นอกจากนั้น

เจ้าสาวมากมายยังพึ่งพาความเชื่อไม่เชื่อ

มากกว่าการใช้สติปัญญาตนเองพิจารณา

เพราะในตะเกียงยังไม่มีน้ำมัน

 

ดังนั้น

แม้จะได้รับฟังพระโอวาท

ได้รับรู้คำประกาศเรื่องนี้ในวันอาทิตย์นั้น

พวกเขาก็มิมีการสั่นสะเทือนตามแต่อย่างใด

 

4. กาลเวลาลำดับที่สี่

 

ทรงกำหนดแผนการให้

ผู้นำทางจิตวิญญาณระดับโลก

เสด็จมาเป็นพระอาคันตุกะของประเทศ

เพื่อให้ "เบี้ย" ได้ทำหน้าที่ร่วมกับ "ม้า"

ตามที่เรากล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว

 

ปรากฏว่า "เบี้ย" หมกมุ่นทำงานร่วมกับ "ม้า"

โดยทำแต่ภารกิจทางโลกกันเท่านั้น

ไม่ยอมทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ

ตามที่ขันอาสาพระบิดาเอาไว้ว่าจะทำ

ตามแผนการที่พระองค์ทรงกำหนดไว้

เมื่อกว่าสามสิบปีที่ผ่านมาแล้ว

 

หน้าที่ของตัว "เบี้ย" ก็คือ

ต้องเป็นสะพานนำพระวรสาร

อันเกิดจากกาลเวลาลำดับที่สอง

เชื่อมต่อไปยังตัว "ม้า" ที่เป็นพระอาคันตุกะ

แต่ปรากฏว่า "เบี้ย" ทำตนเป็น "เบี้ยหัวแตก"

เข้าใจว่าเธอน่าจะ "ใจแตก"

เหตุเพราะหลงในเกียรติชื่อเสียงจากหน้าที่

ในการที่เบี้ยได้เคียงข้างม้าต่อหน้าศาสนิกชน

จนลุแก่อำนาจตัดสินใจผิดบิดพลิ้วต่อหน้าที่

 

อนิจจา...น่าเศร้านัก

เมื่อแผนการของพระบิดาต้องล้มเหลวอีก

เพราะมนุษย์ผู้เป็น "เบี้ย" ของพระองค์

ไม่ตัดสินใจทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

แต่ตัดสินใจด้วยการคิดแบบจิตมนุษย์ว่า

จะไม่ตัดสินใจทำตามสัจจะที่ให้ไว้ต่อพระบิดา

ด้วยการคิดเอาเองว่า #ไม่เหมาะสม

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ทั้งหมดที่เรากล่าวมาน่าจะพอเป็นตำนาน

ที่จะเล่าขานสืบสู่ลูกหลานในอนาคตได้บ้าง

ท่านทั้งหลายคงพอจะเห็นได้ว่า

คนนำทางตาบอดนั้นไว้วางใจไม่ได้

นอกจากเป็นตะเกียงที่ไร้น้ำมันแล้ว

จิตยังเกรอะกรังด้วยสนิมกิเลสอีกต่างหาก

จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โลกเสียสมดุล

จนพระบิดาต้องชำระโลกด้วยมาตรการรุนแรง

ตามที่เรานิพนธ์ไว้ในพระคัมภีร์ "วันพิพากษา"

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

4-12-2019