10 ธันวาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 10/12/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

 

การปฏิบัติตนตามมรรควิถี "จิตจักรวาล"

เพื่อนำพาจิตวิญญาณแก่นแท้กลับบ้าน

โดยหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาล

ผ่านประตูมิติ คือ #ด่านนภาลัย นั้น

ท่านทั้งหลายต้องปฏิบัติตนหลายประการ

เพื่อสร้างคุณสมบัติที่สอดคล้อง

 

หนึ่งในนั้นที่ท่านต้องใส่ใจก็คือ

ทั้งร่างกายและจิตใจของท่าน

จักต้องผ่านการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วย

ท่านจะปล่อยให้จิตและกายโสโครกสกปรก

รกรุงรังไปด้วยสารพิษและขยะพลังงานไม่ได้

 

คำว่า "สารพิษ" ที่ว่านี้เราหมายถึง

สิ่งใดก็ตามที่ท่านนำเข้าสู่ระบบร่างกายแล้ว

มันมิได้เกิดประโยชน์ต่ออวัยวะร่างกาย

แถมยังทำตัวเป็นดั่งสารพิษ

เข้าไปทำลายเครื่องยนต์แห่งกรรม

รูปธรรมมนุษย์ของท่านด้วย

 

สารพิษหรือสิ่งที่เป็นพิษทั้งหลาย

หมายถึงสารเคมีที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร

ที่ติดมาตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูกแล้ว

 

เมื่อท่านนำมันมาปรุงอาหาร

สารพิษเหล่านี้ก็จะทำตัวเป็นยาพิษ

ทำให้ผู้บริโภคมันเข้าไปได้รับพิษแบบสะสม

จนถึงจุดหนึ่งท่านก็จะถึงแก่ชีวิตด้วยสารพิษนั้น

ซึ่งมันจะไปทำลายตับไตอวัยวะภายในต่างๆ

ให้เกิดการล้มเหลวแบบเฉียบพลันทันทีก็มี

ค่อยๆออกฤทธิ์บ่อนทำลายสังขารนานนับปีก็มี

 

พิษภัยจากสารเคมีที่เป็นพิษที่เรากล่าวนี้

ท่านทั้งหลายต่างระวังตนเองกันอยู่แล้ว

เพราะทางการก็ประกาศเตือนให้รู้อยู่เนืองๆ

 

แต่มันยังมีสิ่งที่ทำตัวเหมือน "สารพิษ"

ที่เป็นภัยร้ายแรงไม่ต่างกันอยู่อีกประเภทหนึ่ง

ซึ่งจะเข้าไปทำลายกายสังขารของท่านโดยตรง

จากการบริโภคกันเข้าไปในรูปของอาหารนี่เอง

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

"สารพิษ" ซึ่งเป็นโทษต่อเครื่องยนต์แห่งกรรม

ที่เป็นกายสังขารมนุษย์ของท่านทั้งหลายก็คือ

อาหารที่ปรุงจากเลือดเนื้อของสัตว์ทุกชนิด

ที่พวกท่านนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานกัน

ด้วยการผัด ต้ม ปิ้ง ย่าง เผา นึ่ง แกง ยำ ฯลฯ

รับประทานกันอยู่ทุกวันในทุกมื้ออาหารนี่แหละ

 

คำถามที่ต้องการคำตอบมันมีอยู่ว่า

เลือดเนื้อของสัตว์ทุกชนิดมันเป็น "สารพิษ"

ที่เป็นโทษต่อร่างกายของมนุษย์ได้อย่างไร

 

คำตอบก็คือ...

เป็นเพราะในเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่มนุษย์กินเข้าไป

จะมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ

ซึ่งโปรตีนในเนื้อสัตว์กับในร่างกายของมนุษย์นั้น

ประกอบด้วย DNA และ RNA ชนิดเดียวกัน

เมื่อท่านกินเข้าไปแล้วจึงท้องอืดเพราะย่อยยาก

เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้

เป็นกรดชนิดที่มิได้สร้างขึ้นไว้

เพื่อย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์นั่นเอง

 

เมื่อย่อยโปรตีนจากสัตว์ที่กินเข้าไปไม่ได้

มันจึงเข้าไปบูดเน่าอยู่ในกระเพาะและลำไส้

ทำให้ท้องไส้ของท่านกลายเป็น "สุสาน"

สำหรับกักเก็บซากสัตว์เน่าเหม็นไปในที่สุด

เมื่อขับถ่ายเป็นอุจจาระออกมาจึงเหม็นเน่า

เมื่อปล่อยเป็นแก๊สออกมาจึงมีกลิ่นเน่าเหม็น

จนคนใกล้ตัวถึงกับสำลักกลิ่นและรังเกียจ

 

เหตุที่พระบิดาไม่สร้างน้ำย่อยโปรตีนจากสัตว์

เอาไว้ในลำไส้และในกระเพาะอาหารมนุษย์

ก็เพราะป้องกันมิให้ลำไส้กับกระเพาะอาหาร

ถูกน้ำย่อยของตนกัดทำลายตนเองนั่นเอง

 

เมื่อกระเพาะลำไส้ย่อยโปรตีนจากสัตว์ไม่ได้

จึงทรงสร้างน้ำย่อยโปรตีนจากพืชไว้แทน

เพราะโปรตีนในพืชต่างจากโปรตีนในสัตว์

และต่างจากโปรตีนในมนุษย์ด้วย

เพราะเป็น DNA และ RNA ต่างชนิดกัน

ถ้ามนุษย์กินพืชที่มีโปรตีนเข้าไปก็ไม่มีปัญหา

เพราะร่างกายมีน้ำย่อยโปรตีนจากพืชอยู่แล้ว

และร่างกายก็สามารถรับเอาโปรตีนจากพืช

มาใช้ประโยชน์ได้ก็เพราะว่า

เป็นสารประกอบของโปรตีนต่างชนิดกัน

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ถ้าท่านกินเลือดเนื้อของสัตว์เข้าไป

ก็ไม่ต่างจากการที่ท่านเติมน้ำมันรถยนต์

เป็นคนละชนิดกันกับที่เครื่องยนต์ต้องการ

ไม่ทำตามที่ผู้ผลิตรถยนต์เขากำหนดไว้

มันก็จะทำให้เครื่องยนต์ชำรุดเสียหาย

หรือทำให้เครื่องยนต์เดินสะดุดจนเครื่องดับ

ที่เรียกกันเป็นภาษาชาวบ้านว่า "รถตาย"

 

สำหรับเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์

ที่กินโปรตีนจากสัตว์เข้าไปก็ไม่ต่างกัน

นอกจากจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ยังเกิดโทษอีก

ที่สำคัญก็คือมนุษย์จะมีอายุขัยสั้นลง

ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ตายเร็ว"

เพราะประสิทธิภาพในการซ่อมแซมที่สึกหรอ

และประสิทธิภาพในกระบวนการเจริญเติบโต

ด้อยลงจากปกติที่พระบิดาทรงกำหนดไว้

เพราะมนุษย์กินโปรตีนผิดชนิดกินไม่ถูกต้อง

 

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า

 

โปรตีนจากสัตว์มันจับคู่กันกับโปรตีน

ที่เป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายท่านไม่ได้

เมื่อกินเข้าไปแล้วมันจึงไม่เกิดประโยชน์

ทั้งยังจะกลายเป็นของเน่าเสียที่ร่างกายรับไว้

จนเป็นโทษแทนอีกต่างหากด้วย

 

ดังนั้น

ถ้าท่านต้องการให้ลูกหลานของท่าน

มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

มีสุขภาพพลานามัยดีไม่ขี้โรค

ต้องการให้เขามีอายุขัยยืนยาวสุดๆ

ก็จงอย่าสอนลูกหลาน

ให้ริอ่านกินเลือดเนื้อของสัตว์เด็ดขาด

 

ถ้าท่านต้องการให้คนชราที่เจ็บป่วย

ไม่ว่าจะด้วยโรคาพยาธิสภาพใดก็ตาม

มีอายุขัยยืนยาวกว่าที่แพทย์ระบุไว้

ก็ลองงดให้อาหารประเภทโปรตีนจากสัตว์

ด้วยการงดให้กินเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาดดูก็ได้

คนชราที่ท่านอาลัยรักรายนั้น

จะมีอายุขัยยืนยาวกว่าเดิมได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

ท่านทั้งหลายจงระลึกเอาไว้เสมอว่า

ในจักรวาลนี้มีกฎเกณฑ์ที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่ง

ซึ่งท่านทั้งหลายจะละเมิดกันไม่ได้นั่นคือ

 

ท่านจะต้องนำเอาความแตกต่าง

มาสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดเป็น "สิ่งใหม่"

ที่มันยิ่งใหญ่กว่าเดิม ดีกว่าเดิม

และให้มันแปลกใหม่กว่าเดิม

โดยท่านต้องฉลาดที่จะเลือกจับคู่กัน

 

ตัวอย่างเช่น

 

1. ถ้าท่านจับคู่กันระหว่างชายกับชาย

สองคนนี้ก็ไม่สามารถตั้งท้องมีบุตรได้

ที่สร้างสิ่งใหม่ร่วมกันไม่ได้

ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นเพศเดียวกัน

 

แต่ถ้าท่านจับคู่กันระหว่างชายกับหญิง

สองคนนี้ก็จะสามารถสร้าง "ลูก"

ซึ่งเป็นการสร้างสิ่งใหม่ร่วมกันขึ้นมาได้

เพราะว่าพวกเขา "ต่างเพศ" กันนั่นเอง

 

2. ถ้าท่านนำสีแดงมาผสมกันกับสีแดง

ท่านจะไม้ได้สีใหม่เกิดขึ้น

นอกจากได้สีแดงเหมือนเดิม

 

แต่ถ้าท่านนำสีแดงมาผสมกับสีอื่น

ท่านก็จะได้สีใหม่ที่สวยงามเกิดขึ้นมาได้

เช่น ถ้านำแดงผสมกับเหลืองก็จะได้สีส้ม

ถ้านำแดงผสมกับน้ำเงินก็จะเกิดสีม่วง

ถ้านำแดงผสมกับขาวก็จะเกิดสีชมพูขึ้นมาได้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ร่างกายของท่านถูกสร้างขึ้น

โดยไม่มีวันตาย

แปลว่ามันไม่มีหน้าที่ต้องตาย

เพราะพระองค์กำหนดให้เจริญเติบโตได้

และให้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอเองได้ด้วย

ถ้าท่านกินโปรตีนที่ร่างกายต้องการ

จากพืชผักและเมล็ดธัญพืชทั้งหลาย

โดยไม่แตะต้องเลือดเนื้อของสัตว์ทุกชนิด

 

มนุษย์ก็จะมีอายุขัยยืนยาว

เหมือนการเจริญ "เติบโต" ของต้นไม้ใหญ่

มนุษย์จะไม่เจริญ "เติบตาย" คือโตเพื่อตาย

อย่างที่เป็นกันอยู่ตลอดมาจนทุกวันนี้แน่นอน

ยิ่งกระหน่ำกินเนื้อสัตว์มากเท่าไหร่

กายสังขารของท่านก็จะมีอายุสั้น

นั่นคือจะตายเร็วขึ้นกว่าเดิม

 

นอกจากนั้น

การไม่กินเลือดเนื้อของสัตว์

ยังจัดเป็นการให้ทานชีวิตแก่สัตว์ด้วย

สิ่งที่ท่านจะได้รับก็คือ "การต่ออายุขัย" ตนเอง

ในอันที่จะทำให้ท่านมีอายุยืนยาวยิ่งขึ้น

ตามกฎแห่งการสะท้อนกลับ

นั่นคือ ถ้าท่านกระทำสิ่งใด

ก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทนกลับคืนเสมอ

 

ดังนั้น

นอกจากการปฏิบัติบำเพ็ญ

เพื่อการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณแล้ว

ท่านยังจักต้องดูแลเครื่องยนต์แห่งกรรม

ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านใช้อาศัย

ในการปฏิบัติภารกิจทั้งหลายด้วย

 

ซึ่งภารกิจแต่ละอย่าง

จักต้องใช้เวลาโลกค่อนข้างยาวนานมาก

หากมีอายุสั้นกายสังขารเสื่อมเร็วแล้ว

มันก็จะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติบำเพ็ญ

เพื่อให้บรรลุมรรคผลสูงสุดคือหลุดพ้น

เพราะโชคร้ายที่ต้องมาตายก่อนกำหนด

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

10-12-2019