07 มกราคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 7/01/2024

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณก็คือ #องค์จิตจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงที่ทรงสร้างไว้ในเอกภพ
เพราะทรงกำหนดให้ “เอกภพ” เป็นห้องทดลองใหญ่
เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าพระองค์สามารถจะทำสิ่งใดได้บ้าง
นับตั้งแต่รับรู้ว่าพระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาด้วยตนเองแล้ว

พวกคุณก็เป็นอีกสรรพสิ่งหนึ่งที่ทรงกำหนดสร้างขึ้น
ให้เป็นคนสองมิติคือมิติทางพลังงานและมิติเนื้อหนัง
ทรงกำหนดให้จิตหยาบมีหน้าที่สั่นสะเทือนทั้งสองมิติ
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยกระบวนการ 5 ขั้นตอน
เมื่อรับรู้สิ่งเร้าที่เป็นเงื่อนไขผ่านอายตนะจากภายนอก
เข้าไปกระทบกับจิตหยาบตรงตาที่สามที่อยู่ข้างใน
โดยใช้ความรักเพื่อให้กับความว่างเป็นตัวขับเคลื่อน

เพราะ #รักเพื่อให้ ทำให้จิตสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด
เปรียบเหมือนดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานออกจนสุดที่จะบาน
ไม่ต่างจากสภาวะปกติที่จิตว่างไปจากสิ่งถ่วงรั้งทุกสิ่ง
ซึ่งทำให้จิตหยาบสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดได้เช่นกัน

แรงสั่นสะเทือนสูงสุดของจิตที่เกิดขึ้นในขั้นตอนที่ห้า
ที่เรียกว่า #วิญญาณขันธ์ อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายนี้นั้น
จะเกิดขึ้นตรงต่อมไร้ท่อที่มนุษย์เรียกว่า “พิทูอิทารี”
ซึ่งเป็นต่อมที่ตั้งอยู่ใต้สมองค่อนไปทางท้ายทอย
อันเป็นพิกัดที่ตั้งของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของคุณ
โดยกระบวนการของขันธ์ห้าเมื่อมีการสั่นสะเทือนขึ้นมา
จะเริ่มจากอายตนะภายนอกคือตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส
แล้วส่งข้อมูลการสัมผัสไปให้ต่อมไพเนียลหรือตาที่สาม
เพื่อให้จิตหยาบสั่นสะเทือนให้เกิดการรับรู้เป็นเบื้องต้น
ว่าตนกำลังสัมผัสรู้ดูเห็นสรรพสิ่งใดอยู่ในขณะนั้นบ้าง

โดยจิตหยาบตรงตาที่สามนั้นมันจะทำหน้าที่นี้ไม่ได้
ถ้าหากคุณแกล้งทำเป็นคนตาบอดหูหนวกและเป็นใบ้
ตามที่คนนำทางตาบอดถูกผีโสโครกหลอกให้ทำตาม
ซึ่งทำให้คุณบกพร่องด้านการเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
พระศาสดาจึงไม่ทรงอนุญาตให้คนพิการด้านอายตนะ
เข้า “บวชเรียน” เหมือนผู้ชายคนอื่นๆโดยทั่วไปได้
ก็เพราะคนตาบอดหรือหูหนวกจะมีปัญหาในการเรียนรู้

ดังนั้น
การรับรู้เพื่อเรียนรู้ของจิตหยาบ
คือสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดเอาไว้ให้มันเป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าคุณจะเรียนรู้ด้วยความรักเพื่อให้หรือด้วยจิตที่ว่าง
มันคือการสั่นสะเทือนของจิตทางด้านบวกสูงสุดทั้งสิ้น
คุณจะสามารถเห็นโลกและทุกสิ่งตามความเป็นจริง
ทำให้การรับรู้เพื่อเรียนรู้นั้นไม่ผิดพลาดไปจากความจริง
ที่สำคัญคือด้วยพลังขับเคลื่อนด้านบวกสูงสุดของจิต
จะทำให้คุณหมุนธรรมจักรในตนเองได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

แต่ปรากฏว่าพวกคุณที่เป็นมนุษย์โลก
ถูกหลอกให้เสพติดกิเลสด้วยการหลงมายารูปลักษณ์
ยึดติดความสุขจนถูกหลอกให้กลัวความทุกข์มากที่สุด
โดยไม่รู้ว่าการอยากมีความสุขกับการกลัวทุกข์นั้น
แท้แล้วจิตหยาบมันก็ยังยึดติดทุกข์ยึดติดสุขอยู่นั่นเอง
พวกคนนำทางตาบอดกรรมกรแสงชราของผีโสโครก
หลอกวางยาคนชอบธรรมเอาไว้ตรงขั้นตอนนี้มาตลอด

สถานที่ปฏิบัติธรรมอันควรสงบสงัด
กลับเต็มไปด้วยแสงสีเสียงวิจิตรพิสดารและครื้นเครง
จากการสนับสนุนให้มีมหรสพมาบรรเลงเพื่อยั่วกิเลส
จึงทำให้ทั้งนักบุญนักบวชเกิดอาการจิตตกไปตามๆกัน
ทำให้นักบุญคือชาวบ้านและนักบวชล้วนเสพติดกิเลส
จนไม่อาจหมุนธรรมจักรในตนเองให้สำเร็จกันได้ง่ายๆ
เพราะมี #กิเลส คอยครอบงำจิตหยาบเอาไว้นั่นแหละ

นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า #นิพพาน ของพระศาสดาท่าน
จนมารหรือผีโสโครกทำให้คนนำทางตาบอดสับสนว่า
นิพพานคือแดนสวรรค์มายาที่พระเจ้าไม่ได้สร้างเอาไว้
เมื่อใครตายแล้วจิตวิญญาณหลุดลอยไปค้างอยู่บนนั้น
ไม่อาจกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกได้นั่นคือถึงนิพพานแล้ว
จนพระพุทธองค์ต้องทรงติดเบร็กเพื่อให้ทุกคนฉุกคิดว่า
เป็นการ “นิพพานแบบตาลยอดด้วน” ที่ไร้เหตุผลไร้สาระ
เพราะตามปกติแล้วต้นตาลที่เติบโตขึ้นมาบนแผ่นดินโลก
จะไม่มีต้นไหนที่เติบโตสูงใหญ่แล้วจู่ ๆยอดตาลหายไป
โดยไม่รู้ว่ายอดตาลที่ด้วนหายไปนั้นมันหายไปอยู่ที่ไหน
ทรงเตือนให้ทั้งนักบวชและชาวบ้านที่เป็นนักบุญได้ฉุกคิด
จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่พบว่าคนทั้ง 2 นักมีใครฉุกคิดได้บ้าง
ยังเห็นย่างตามกันอย่างสะเปะสะปะเหมือนอยู่ในความมืด

พวกคุณจักต้องรู้เอาไว้ว่า
เมื่อจิตหยาบรับรู้แล้วถ้าเอาชนะกิเลสมารในจิตไม่ได้
การรับรู้แล้วรับเอาด้วยกิเลสมันก็จะเกิดขึ้นตามมาเสมอ
การนึกลบนึกบวกแทนการคิดด้านลบกับการคิดด้านบวก
ที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีวิเคราะห์ด้วยสมองซีกซ้าย
มันก็จะตื่นตัวขึ้นมาทำหน้าที่ของมันตามปกติไม่ได้เลย
แถมกิเลสมารยังพาคุณไปหมุนกรรมจักรแทนอีกต่างหาก
เมื่อจิตหยาบถูกกิเลสมารครอบงำเอาไว้เป็นประจำแล้ว
เท่ากับว่าความรักในจิตคุณจะเป็นดั่งน้ำในเขื่อนที่ถูกกักไว้
ความฉลาดทางปัญญาของสมองแม้จะมีแต่ก็เหมือนไม่มี
เพราะนำมาใช้คิดรู้เรียนรู้ไม่ได้สมองจึงมีไว้แค่คั่นหูเท่านั้น

ถ้าคุณยังหมุนกันได้แต่กรรมจักรด้วยกิเลส
คุณก็จะตกเป็นทาสของกฎแห่งกรรมตลอดไป
คุณจักต้องมีภพชาติและจักต้องมีสังสารวัฏในสามโลก
โดยมีโลกจริงเพียงสองโลกคือโลกมนุษย์กับนรก
กับโลกเทียมเท็จอีกหนึ่งคือสวรรค์มายาของเทพเทวดา
ทั้ง ๆที่ถ้าคุณนิพพานกิเลสในจิตหยาบได้หมดสิ้น
โดยไม่ถูกหลอกให้หลงทางนิพพานกันต่อไปแล้ว
คุณจะมีแค่ 2 โลกเท่านั้นคือโลกมนุษย์กับสวรรค์นิรันดร
บ้านเกิดของจิตวิญญาณที่อยู่นอกเอกภพอันไพศาล
ซึ่งเป็นพระนิเวศน์ของพระบิดาที่คุณเคยอยู่แล้วจากมา

เพราะคุณถูกปิดบังไม่ให้รู้หน้าที่ว่าต้อง “หมุนธรรมจักร”
จึงทำให้พวกคุณยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้สูงขึ้นหลังจากตอนที่อายุครบสามขวบแล้วกันไม่ได้
จิตหยาบของคุณจึงมีแค่ 4 มิติหรือสี่เหลี่ยมมุมกันเท่านั้น
เวียนตายเวียนเกิดจนนับภพชาติไม่ถ้วนมิติก็ยังเท่าเดิม
จิตหยาบตรงตาที่สามไม่สามารถส่งแรงสั่นสะเทือน
ขึ้นไปถึงต่อมพิทูอิทารีอันเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณได้
เพราะแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบนั้นต่ำเกินไป
ซึ่งต่ำเพราะสั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยพลังของกิเลสมาร
รวมทั้งต่ำเพราะใช้ความรักบริสุทธิ์คือรักเพื่อให้ไม่เป็น
โดยสั่นสะเทือนเป็นรักเพื่อเอาแบบดอกไม้ที่หุบเข้า
ในลักษณะของดอกไม้เหี่ยวๆซึ่งรอวันจะร่วงโรยเท่านั้น

ดังนั้น
ขันธ์ห้าของจิตคุณจึงไม่อาจผลิตพลังงานด้านบวก
เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ร่างกายและอวัยวะได้เพียงพอ
พวกคุณจึงมีกายสังขารที่ชำรุดทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ
ความแก่ชราก็เข้ามาเยี่ยมเยือนเร็วขึ้นอย่างที่เป็นอยู่
เดี๋ยวอวัยวะตรงนั้นตรงนี้เสื่อมชำรุดจนทำงานไม่ปกติ
ตรงนั้นตรงนี้เป็นมะเร็งร้ายจากการเกิดเนื้องอกผิดปกติ
จากการกินอาหารที่ไม่ถูกต้องเข้าไปสะสมในร่างกาย
ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของการเสื่อมจากการมีชีวิต “อมตะ”
ที่พวกคุณทำร้ายตัวเองเพราะความโง่ง่ายด้วยกันทั้งสิ้น

นอกจากนั้น
พลังงานด้านบวกที่ผลิตได้น้อยเพราะหมุนธรรมจักร
โลกก็ยังไม่สามารถนำไปใช้บิดแกนแม่เหล็กโลกได้ด้วย
เพราะมีปริมาณน้อยแถมยังเป็นพลังงานที่ไม่สะอาดอีก
พวกคุณเหวี่ยงมันออกมาทิ้งไว้จนกลายเป็นขยะรกโลก
ซึ่งมายาขยะพวกนี้จะเป็นก้อนเมฆสีเทาและสีดำที่ลอยต่ำ
โดยถ้าเป็นพลังงานสะอาดฟ้าจะมีเมฆเป็นสีทองเรื่อเรือง

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
7/01/2024