30 มกราคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 30/01/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

การมีปากแล้วไม่ยอมใช้พูดเพื่อสื่อสารกันกับคนอื่น

มันจะทำให้คุณสร้างความสัมพันธ์กันในสังคมไม่ได้

 

การมีปากแล้วใช้ปากไม่เป็นโดยนึกจะพูดแล้วก็พูด

ไม่ยอมคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ไม่คิดให้ดีก่อนที่จะพูด

โอกาสพูดแล้วทำให้ผิดหูผิดใจคนอื่นก็มีค่อนข้างสูง

 

การมีหูแล้วใช้หูไม่เป็นโดยไม่ยอมรับฟังคนอื่นเลย

จะทำให้พลาดโอกาสในการรับรู้รับเอาสิ่งดีๆสิ่งใหม่ๆ

จากใครหลายคนที่ปรารถนาดีหยิบยื่นมาให้คุณไปได้

 

การมีตาแล้วใช้ตาไม่เป็นโดยไม่ฉลาดมองโลก

จะทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งดีๆไปมากมาย

ซึ่งโอกาสที่ดีนั้นมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่ย้อนคืน

ยิ่งถ้าคุณสร้างโอกาสดีๆให้ตนเองไม่เป็นด้วยแล้ว

ชีวิตของคุณก็จะเป็นคนเสมือนไร้โอกาสทั้งที่มีโอกาส

เหตุเพราะใช้โอกาสหรือคว้าโอกาสที่มีเข้ามาไม่เป็น

เพียงแค่ตาไม่ไวต่อโอกาสดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ

 

ถ้าคุณเป็นคนที่บกพร่องในด้านการใช้อายตนะ

ที่เป็นกลไกหลักคือปาก ตา และหู รวมสามช่องทางนี้

นั่นคือใช้มันไม่เป็นหรือใช้มันให้เกิดประโยชน์ไม่ได้

ทั้งๆที่เป็นอายตนะที่ดีและพร้อมให้คุณใช้งานอยู่แล้ว

จึงไม่ต่างจากคุณเป็นคนพิการด้านอายตนะเหล่านี้

 

ตัวอย่างเช่น

#ถ้าใช้ปากพูดกับคนอื่นไม่เป็น

#ใช้หูสองข้างรับฟังคนอื่นไม่ได้

#ไม่ใช้ตาสองข้างมองโลกรอบข้างให้กระจ่างใส

ตัวคุณนั้นก็ไม่ต่างจากคนเป็นใบ้หูหนวกและตาบอด

ซึ่งพวกเขาเป็นคนมีเวรมีกรรมติดตัวมาในชาติปัจจุบัน

เพื่อ “ชำระกรรม” ที่จิตหยาบตัวแทนจิตวิญญาณในอดีต

เคยกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเองมาก่อนแล้ว

จึงต้องมารับบทบาทเป็นคนพิการด้านอายตนะในชาตินี้

 

สำหรับใครที่มิได้มีหน้าที่ชำระกรรมจากอดีต

ในแบบของคนพิการด้านอายตนะในภพชาตินี้

แต่ทำตนเป็นเสมือนคนตาบอดเป็นใบ้หรือว่าหูหนวก

ก็นับว่าเป็นคนที่ #เสียชาติเกิด โดยแท้

 

พวกคุณทั้งหลายจักต้องจดจำเอาไว้เสมอว่า

ตาหูจมูกปากหรือลิ้นและกายสัมผัสรวมทั้งจิตปัจจุบัน

จะคอยทำหน้าที่เป็นกลไกอายตนะที่สำคัญ

เพื่อสัมผัสรับรู้สิ่งเร้าต่างๆจากภายนอกรายรอบตัวคุณ

รวมทั้งจะคอยรับรู้สิ่งเร้าต่างๆจากจิตภายในเองด้วย

ซึ่งอายตนะภายนอกและจิตภายในรวมทั้ง 6 อย่างนี้

คุณจะปล่อยให้มันทำงานของมันไปตามปกติไม่ได้

 

คำว่า “ทำงานตามปกติ” หมายถึงให้มันทำอย่างอิสระ

โดยไม่ใช้จิตกำหนดเพื่อควบคุมสั่งการไม่ได้เลย

แม้ว่าธรรมชาติของอายตนะทั้งหกอย่างเหล่านี้

มันทำหน้าที่ได้เป็นอัตโนมัติตามคุณสมบัติกันอยู่แล้ว

เช่น ตาสองข้างพระเจ้าทรงสร้างเอาไว้ให้คุณมองเห็น

หูสองข้างพระเจ้าก็ทรงสร้างเอาไว้ให้คุณได้ยินได้ฟัง

ปากที่มีสองลิ้นคือลิ้นคนกับลิ้นไก่มันก็ล้วนมีหน้าที่อยู่

ซึ่งลิ้นคนก็เอาไว้กินอาหารส่วนลิ้นไก่นั้นเอาไว้ใช้พูดจา

ถ้าไม่กำกับควบคุมไว้อายตนะพวกนี้จะมีปัญหาเสมอ

 

ปัญหาที่เกิดจากความบกพร่องในการใช้งานมันนั้น

ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากต้นเหตุ 2 ประการก็คือ

 

1.เหตุจากนิสัยทางจิตไม่ดีหรือสันดานเคยตัว

ด้วยการเป็นคนชอบแส่ชอบเสือกชอบสนใจเรื่องคนอื่น

ซึ่งเป็นการ “เกี่ยวกรรม” กับผู้คนรอบข้างของตนไปทั่ว

ทั้งยัง “ก่อเวร” ให้กับจิตวิญญาณตนต้องรับผิดชอบด้วย

 

2.เหตุจากจิตในปัจจุบันขณะตกเป็นทาสกิเลสอยู่

จิตหยาบนั้นมันจะบงการให้อายตนะของคุณ

กระทำไม่ถูกต้องต่อคนรอบข้างได้โดยง่าย

ซึ่งเป็นการกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเองด้วย

 

ดังนั้น

พวกคุณจักต้องฝึกฝนตนเองในการใช้อายตนะทั้งหก

ด้วยการใช้มันให้ได้ ใช้ให้เป็นและใช้มันให้ถูกต้อง

ด้วยการสร้างนิสัยทางจิตที่เหมาะสมเอาไว้เป็นประจำ

เพื่อการลดละเลิกสันดานทางจิตที่ไม่ดีที่มีอยู่นั้นให้สิ้น

 

วิธีการฝึกจิตในการใช้งานอายตนะเหล่านี้ก็คือ

#คุณต้องเป็นผู้กำหนดจิตในการเลือกที่จะรับรู้

#สิ่งที่ตาหูจมูกกายสัมผัสและสิ่งที่นึกโดยไม่มีสิ่งเร้า

 

โดยคุณต้องเลือกที่จะรับรู้เพื่อเรียนรู้สิ่งนั้นให้ได้รู้

ถ้ามันเป็นสิ่งใหม่เรื่องใหม่หรือความรู้ใหม่ในชีวิตคุณ

โดยมีเงื่อนไขว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้นจะต้องเป็นความรู้

ที่อาจเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของคุณได้

มิใช่เรื่องส่วนตัวของเขาหรือมิใช่ความลับของคนอื่น

คุณจะได้ไม่กระทำผิดบาปในข้อหา “ก้าวล่วง” ผู้อื่น

 

จงอย่าปล่อยให้ตาของคุณมันมองของมันเอง

จงอย่าปล่อยให้หูของคุณมันฟังของมันเอง

จงอย่าปล่อยให้ปากของคุณมันพูดของมันเอง

โดยให้เป็นไปตามนิสัยสันดานและกิเลสของคุณ

เป็นผู้กำหนดบทบาทให้มันเลือกทำอย่างอิสระเสรี

ซึ่งคุณจะฝึกทักษะมันได้ตั้งแต่วัยสามขวบนั่นแหละ

เพราะกฎแห่งกรรมพวกคุณเริ่มทำงานตั้งแต่บัดนั้น

เนื่องจากการล่วงเกินผู้อื่นด้วยอายตนะโดยจิตคุณนั้น

มันคือการทำผิดด้วยจิตหยาบและกายหยาบ

ในอันที่จะทำให้จิตวิญญาณคุณผิดบาปด้วยเสมอ

 

ด้วยเหตุนี้เอง

คุณจึงต้องรู้จักการกำหนดจิต

จงอย่าให้จิตเป็นผู้กำหนดคุณ

หากคุณปรารถนาจะนิพพานกิเลสก่อนตาย

เพื่อตายแล้ว “จิตวิญญาณ” จะได้นิพพานด้วย

คือการหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตาที่คุณจากมา

 

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

30/01/2024