#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การมีปากแล้วไม่ยอมใช้พูดเพื่อสื่อสารกันกับคนอื่น
มันจะทำให้คุณสร้างความสัมพันธ์กันในสังคมไม่ได้
การมีปากแล้วใช้ปากไม่เป็นโดยนึกจะพูดแล้วก็พูด
ไม่ยอมคิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ไม่คิดให้ดีก่อนที่จะพูด
โอกาสพูดแล้วทำให้ผิดหูผิดใจคนอื่นก็มีค่อนข้างสูง
การมีหูแล้วใช้หูไม่เป็นโดยไม่ยอมรับฟังคนอื่นเลย
จะทำให้พลาดโอกาสในการรับรู้รับเอาสิ่งดีๆสิ่งใหม่ๆ
จากใครหลายคนที่ปรารถนาดีหยิบยื่นมาให้คุณไปได้
การมีตาแล้วใช้ตาไม่เป็นโดยไม่ฉลาดมองโลก
จะทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งดีๆไปมากมาย
ซึ่งโอกาสที่ดีนั้นมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่ย้อนคืน
ยิ่งถ้าคุณสร้างโอกาสดีๆให้ตนเองไม่เป็นด้วยแล้ว
ชีวิตของคุณก็จะเป็นคนเสมือนไร้โอกาสทั้งที่มีโอกาส
เหตุเพราะใช้โอกาสหรือคว้าโอกาสที่มีเข้ามาไม่เป็น
เพียงแค่ตาไม่ไวต่อโอกาสดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ
ถ้าคุณเป็นคนที่บกพร่องในด้านการใช้อายตนะ
ที่เป็นกลไกหลักคือปาก
ตา และหู รวมสามช่องทางนี้
นั่นคือใช้มันไม่เป็นหรือใช้มันให้เกิดประโยชน์ไม่ได้
ทั้งๆที่เป็นอายตนะที่ดีและพร้อมให้คุณใช้งานอยู่แล้ว
จึงไม่ต่างจากคุณเป็นคนพิการด้านอายตนะเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น
#ใช้หูสองข้างรับฟังคนอื่นไม่ได้
#ไม่ใช้ตาสองข้างมองโลกรอบข้างให้กระจ่างใส
ตัวคุณนั้นก็ไม่ต่างจากคนเป็นใบ้หูหนวกและตาบอด
ซึ่งพวกเขาเป็นคนมีเวรมีกรรมติดตัวมาในชาติปัจจุบัน
เพื่อ
“ชำระกรรม” ที่จิตหยาบตัวแทนจิตวิญญาณในอดีต
เคยกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเองมาก่อนแล้ว
จึงต้องมารับบทบาทเป็นคนพิการด้านอายตนะในชาตินี้
สำหรับใครที่มิได้มีหน้าที่ชำระกรรมจากอดีต
ในแบบของคนพิการด้านอายตนะในภพชาตินี้
แต่ทำตนเป็นเสมือนคนตาบอดเป็นใบ้หรือว่าหูหนวก
ก็นับว่าเป็นคนที่
#เสียชาติเกิด โดยแท้
พวกคุณทั้งหลายจักต้องจดจำเอาไว้เสมอว่า
ตาหูจมูกปากหรือลิ้นและกายสัมผัสรวมทั้งจิตปัจจุบัน
จะคอยทำหน้าที่เป็นกลไกอายตนะที่สำคัญ
เพื่อสัมผัสรับรู้สิ่งเร้าต่างๆจากภายนอกรายรอบตัวคุณ
รวมทั้งจะคอยรับรู้สิ่งเร้าต่างๆจากจิตภายในเองด้วย
ซึ่งอายตนะภายนอกและจิตภายในรวมทั้ง
6 อย่างนี้
คุณจะปล่อยให้มันทำงานของมันไปตามปกติไม่ได้
คำว่า
“ทำงานตามปกติ” หมายถึงให้มันทำอย่างอิสระ
โดยไม่ใช้จิตกำหนดเพื่อควบคุมสั่งการไม่ได้เลย
แม้ว่าธรรมชาติของอายตนะทั้งหกอย่างเหล่านี้
มันทำหน้าที่ได้เป็นอัตโนมัติตามคุณสมบัติกันอยู่แล้ว
เช่น
ตาสองข้างพระเจ้าทรงสร้างเอาไว้ให้คุณมองเห็น
หูสองข้างพระเจ้าก็ทรงสร้างเอาไว้ให้คุณได้ยินได้ฟัง
ปากที่มีสองลิ้นคือลิ้นคนกับลิ้นไก่มันก็ล้วนมีหน้าที่อยู่
ซึ่งลิ้นคนก็เอาไว้กินอาหารส่วนลิ้นไก่นั้นเอาไว้ใช้พูดจา
ถ้าไม่กำกับควบคุมไว้อายตนะพวกนี้จะมีปัญหาเสมอ
ปัญหาที่เกิดจากความบกพร่องในการใช้งานมันนั้น
ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากต้นเหตุ
2 ประการก็คือ
1.เหตุจากนิสัยทางจิตไม่ดีหรือสันดานเคยตัว
ด้วยการเป็นคนชอบแส่ชอบเสือกชอบสนใจเรื่องคนอื่น
ซึ่งเป็นการ
“เกี่ยวกรรม” กับผู้คนรอบข้างของตนไปทั่ว
ทั้งยัง
“ก่อเวร” ให้กับจิตวิญญาณตนต้องรับผิดชอบด้วย
2.เหตุจากจิตในปัจจุบันขณะตกเป็นทาสกิเลสอยู่
จิตหยาบนั้นมันจะบงการให้อายตนะของคุณ
กระทำไม่ถูกต้องต่อคนรอบข้างได้โดยง่าย
ซึ่งเป็นการกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเองด้วย
ดังนั้น
พวกคุณจักต้องฝึกฝนตนเองในการใช้อายตนะทั้งหก
ด้วยการใช้มันให้ได้
ใช้ให้เป็นและใช้มันให้ถูกต้อง
ด้วยการสร้างนิสัยทางจิตที่เหมาะสมเอาไว้เป็นประจำ
เพื่อการลดละเลิกสันดานทางจิตที่ไม่ดีที่มีอยู่นั้นให้สิ้น
วิธีการฝึกจิตในการใช้งานอายตนะเหล่านี้ก็คือ
#คุณต้องเป็นผู้กำหนดจิตในการเลือกที่จะรับรู้
#สิ่งที่ตาหูจมูกกายสัมผัสและสิ่งที่นึกโดยไม่มีสิ่งเร้า
โดยคุณต้องเลือกที่จะรับรู้เพื่อเรียนรู้สิ่งนั้นให้ได้รู้
ถ้ามันเป็นสิ่งใหม่เรื่องใหม่หรือความรู้ใหม่ในชีวิตคุณ
โดยมีเงื่อนไขว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้นจะต้องเป็นความรู้
ที่อาจเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของคุณได้
มิใช่เรื่องส่วนตัวของเขาหรือมิใช่ความลับของคนอื่น
คุณจะได้ไม่กระทำผิดบาปในข้อหา
“ก้าวล่วง” ผู้อื่น
จงอย่าปล่อยให้ตาของคุณมันมองของมันเอง
จงอย่าปล่อยให้หูของคุณมันฟังของมันเอง
จงอย่าปล่อยให้ปากของคุณมันพูดของมันเอง
โดยให้เป็นไปตามนิสัยสันดานและกิเลสของคุณ
เป็นผู้กำหนดบทบาทให้มันเลือกทำอย่างอิสระเสรี
ซึ่งคุณจะฝึกทักษะมันได้ตั้งแต่วัยสามขวบนั่นแหละ
เพราะกฎแห่งกรรมพวกคุณเริ่มทำงานตั้งแต่บัดนั้น
เนื่องจากการล่วงเกินผู้อื่นด้วยอายตนะโดยจิตคุณนั้น
มันคือการทำผิดด้วยจิตหยาบและกายหยาบ
ในอันที่จะทำให้จิตวิญญาณคุณผิดบาปด้วยเสมอ
ด้วยเหตุนี้เอง
คุณจึงต้องรู้จักการกำหนดจิต
จงอย่าให้จิตเป็นผู้กำหนดคุณ
หากคุณปรารถนาจะนิพพานกิเลสก่อนตาย
เพื่อตายแล้ว
“จิตวิญญาณ” จะได้นิพพานด้วย
คือการหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตาที่คุณจากมา
กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ