พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คุณคิดว่าจะขอพรที่เป็นสิ่งดีๆจากใครผู้ใดกันดีหนอ
พรนั้นจึงจะศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิผลสมดั่งใจปรารถนาได้
พรที่ร้องขอนั้นจะเป็นความจริงได้ในชีวิตของคุณแน่ๆ
โดยมิได้เป็นแค่เพียง #ความหวัง แบบลมๆแล้งๆ
ด้วยการรอคอยความเมตตาจากสิ่งที่คุณมองไม่เห็น
ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นท่านมีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า
จับต้องตัวตนก็ไม่ได้หรือมิได้อยู่ในมิติเดียวกันกับคุณ
ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคุณนั้นท่านจะมีพลังญาณถึง
คุณจะพึ่งพลังฌานบารมีของท่านได้บ้างหรือเปล่า
เพราะใครๆต่างล้วนร้องขอพึ่งพาบารมีของท่านทั้งนั้น
ประดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงต้องสิ้นเปลืองบารมีกันไปไม่น้อย
เนื่องจากบุญบารมีนั้นเป็นพลังงานที่แบ่งปันให้กันได้
แต่ถ้ายกให้ใครเขาไปแล้วพลังบุญนั้นมันก็จะมีเจ้าของ
พลังบุญที่อยู่ในรูปของพลังงานด้านบวกแต่มีเจ้าของ
มันก็จะกลายเป็น #พลังงานขยะ ไปในทันทีนั้นเลย
เนื่องจากโลกอันหมายถึงดาวโลกและทุกสิ่งในระบบโลก
จะนำเอาพลังงานบวกนั้นไปใช้ประโยชน์ไม่ได้แล้ว
เพราะมันเป็นพลังงานที่เสียความบริสุทธิ์ไปแล้วนั่นแหละ
โดยพลังงานดีๆที่ไม่บริสุทธิ์ก็คือ #พลังงานที่มีเจ้าของ
ซึ่งสำหรับดาวโลกแล้วมันคือ #พลังงานขยะ โดยแท้
การตั้งจิตอธิษฐานขอความเมตตาหรือขอพรจากใครก็ไม่รู้
ซึ่งคุณปฏิบัติทำกันมาและร้องขอกันอยู่ในทุกๆปีทุกโอกาส
เคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่าที่ได้ผลกับไม่ได้ผลตามที่ขอนั้น
คุณได้รับผลในบั้นปลายอย่างไหนมากน้อยกว่ากันบ้าง
คำตอบที่คุณจะได้รับว่าผลการร้องขอนั้นมันเป็นเช่นใดก็คือ
ในทุกสิ้นปีและทุกเทศกาลตัวคุณก็ยังไม่เคยหยุดการร้องขอ
ไม่เคยหยุดการ “เสี่ยงโชค” ไม่เคยหยุดขอรอ “ลาภผล”
จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งสากลจักรวาลอะไรของคุณนั่นแหละ
โดยไม่เคยคิดว่ารูปธรรมเหล่านั้นท่านจะมีอยู่จริงหรือไม่
ไม่คิดว่าเขาจะช่วยดลได้จริงในสิ่งที่คุณร้องขอหรือเปล่า
เพราะพฤติกรรมแบบนี้มันจะเป็นตัวชี้วัดว่า
1.คุณอาจจะเคยได้รับผลบ้างตามที่ร้องขอแต่ยังไม่พอ
2.คุณอาจจะได้รับผลตามที่ร้องขอไว้กันอยู่บ้าง
แต่ที่ยังต้องร้องขออยู่ต่อไปเพราะได้รับแล้วแต่ยังไม่พอ
3.ขอไว้เท่าไหร่คุณก็ยังไม่เคยได้รับผลตามที่ขอนั้นเลย
จึงต้องก้มหน้าร้องขอกันอยู่ต่อไปร้องขอกันจนเคยตัวแล้ว
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
คุณว่าการร้องขอความหวังรอความสำเร็จจากผู้อื่น
กับการร้องขอความหวังขอความสำเร็จนั้นจากตนเอง
คุณควรร้องขอจากใครจึงจะมั่นใจว่าได้ผลแน่นอนกว่า
ต้องขอจากใครจึงช่วยให้สิ่งดีๆนั้นมันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้
คำตอบสำคัญมีคำตอบเดียวที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุด
นั่นคือพวกคุณ #ต้องขอจากตัวเอง เท่านั้น
เพราะเหตุว่า
ตัวคุณเองนี้มีตัวตนหรือมีรูปธรรมอยู่จริง
ตัวคุณเป็นผู้มีพลังอำนาจในตนเองอยู่ครบถ้วน
มีพลังกาย พลังปัญญา พลังจิตและพลังสมองอยู่ครบ
ที่สามารถใช้มันสั่นสะเทือนให้เกิดพลังอำนาจขึ้นมา
เพื่อสร้างสรรค์ความสำเร็จให้ตัวคุณเองได้จริง
ในทุกสิ่งสรรพ์ที่ประสงค์อย่างเป็นรูปธรรมเสมอ
ไม่ต้องรอโชคลาภไม่ต้องเปลืองความหวังกับพลังใจ
โดยคุณเพียงแค่ “ใจถึง” ก็พึ่งหนึ่งสมองกับสองมือได้
คำว่า #ใจถึง นี้
ต้องได้จาก #ความเชื่อมั่นในตนเอง
ต้องได้จาก #ความมุ่งมั่นขยันทำ
ต้องได้จาก #ความศรัทธาในสิ่งที่ทำ
ถ้าคุณมีความพร้อมทั้งสามประการนี้เมื่อไหร่
ก็เรียกว่าคุณเป็นคน “ใจถึง” ได้
เพราะมันจะช่วยให้คุณ #กล้าหาญ ไม่ขี้ขลาดไปทันที
ความกล้าหาญที่ว่านี้เราหมายถึง
1.กล้านึก
2.กล้าคิดริเริ่มโดยไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง
3.กล้าแสดงออกหรือกล้าลงมือทำ
4.กล้าที่จะเป็นผู้นำคนอื่นๆ
5.กล้าที่จะตัดสินใจ
6.กล้าที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำนั้น
ถ้าคุณมีทั้ง 6 ประการที่เรากล่าวมานี้
คุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่สามารถพึ่งพาอาศัย
“หนึ่งสมองกับสองมือของตัวเอง” ได้ทุกเมื่อ
แถมยังจะช่วยเหลือสนับสนุนจุนเจือบุคคลอื่นได้ด้วย
เราจึงขอถามคุณว่าปีใหม่นี้หรือปีใหม่ที่ผ่านมา
แทนที่จะร้องขอพรซึ่งเป็นสิ่งดีๆจากใครอื่น
จงเปลี่ยนมาร้องขอจากตนเองกันดีกว่าไหมล่ะ
ไม่ต้องง้อไม่ต้องรอให้ใครเมตตา
ไม่ต้องรอคอยความสมหวังอย่างลมๆแล้งๆ
หันมาพึ่งพาอำนาจในตนเอง
หันมาใช้หนึ่งสมองกับสมองมือของตนเอง
มุ่งมั่นขยันทำเพื่อนำผลลัพธ์ที่ต้องการนั้นมาสู่ตน
เราเชื่อว่า “ชีวิตนี้ดีขึ้นแน่นอน” โดยไม่ต้องรอนาน
ทั้งหมดที่เรากล่าวไว้ในบทนี้เป็นพระพรอันประเสริฐ
จงเร่งปฏิบัติตามเถิดจะบังเกิดผลขึ้นมาได้แน่นอน
ซึ่งเป็นการขอพรจากตัวคุณเองด้วยการทำเอง
คุณจะสมความปรารถนาในทุกสิ่งที่ต้องการแน่นอน
แต่ต้องฉลาดคิดต้องการในสิ่งที่คุณมีความพร้อม
อย่าคิดฝันทำอะไรที่เกินกำลังความสามารถของตน
จนไม่อาจสร้างความสำเร็จให้ตนเองตามต้องการได้