14 มกราคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 14/01/2024

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

อำนาจในตนเองของพวกคุณที่ต้องทำการคนตนเอง
ให้ทั้งสองมิติเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเป็นมนุษย์ให้สำเร็จ
โดยเข้าถึงพลังอำนาจสูงสุดของจิตทั้งสามนึกของตน
เพื่อขับเคลื่อนพฤติกรรมด้านบวกในสองมิติให้จงได้
หมายถึงจะต้องมีมโนกรรมด้านบวกในมิติของแก่นแท้
แล้วขับเคลื่อนมันออกมาเป็นกายกรรมหรือวจีกรรม
ที่เป็นพฤติกรรมภายนอกเพื่อกระทำต่อบุคคลอื่นต่อไป

อำนาจในตนเองของพวกคุณจึงหมายถึง
อำนาจในการใช้ #จิตสามนึก ของตนที่ว่ามานี่แหละ

คำว่า “การใช้” ก็คือ #การกำหนดใช้หรือเจาะจงใช้มัน
โดยไม่ปล่อยให้จิตทั้งสามตัวนั้นนึกกันอย่างสะเปะสะปะ
ในลักษณะคล้ายอาการซุกซนของลิงที่ไม่เคยอยู่นิ่ง
ไม่ว่าจะเป็น “นึกออก นึกเอาหรือนึกเอง” ก็ตาม
ซึ่งคุณจะต้องคอยกำกับควบคุมมันเอาไว้ให้ใกล้ชิดที่สุด
จงอย่ายอมปล่อยลิงหลุดจากการควบคุมดูแลเด็ดขาด
ถ้าหลุดไปเมื่อไหร่คุณจะตามจับลิงตัวนั้นได้ยากมาก
แถมลิงอาจจะไปทำร้ายทำลายข้าวของผู้อื่นให้เสียหาย
จนเจ้าของลิงจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วย

การควบคุมจิตสามนึกตนเองให้อยู่ในโอวาท
จึงเป็นงานยากที่มิใช่งานง่ายๆแต่อย่างใดเลย
เพราะว่าจิตหยาบพวกคุณนั้นมันมีคุณสมบัติสารพัดนึก
คุณจึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนด้วยการกำกับดูแลการนึก
ให้มันมีวินัยในการนึกตามที่คุณต้องการจะนึกเอาไว้เสมอ

ตอนไหนที่คุณต้องการจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
เพื่อหาความสุขหรือหากำลังใจจากความสำเร็จในอดีตนั้น
ตอนไหนคุณต้องการจะนึกถึงงานเก่าที่ได้ทำค้างคาไว้
เพื่อที่จะหยิบยกขึ้นมาคิดต่อทำต่อให้สำเร็จเสร็จสิ้นไป
คุณก็มีหน้าที่จะต้อง “นึกถึงมันให้ออก” ให้จงได้เท่านั้น

เพราะถ้าคุณนึกมันไม่ออกเนื่องจากป่วยด้วยโรคขี้ลืม
หรือนึกไม่ออกเพราะเป็นเรื่องราวในอดีตกาลนานมาแล้ว
อำนาจในตนเองที่จะเข้าถึงความสุขจากอดีตที่ต้องการ
หรืออำนาจในตนเองที่จะหยิบงานเก่ามาสานต่อให้เสร็จ
มันก็จะเกิดขึ้นมาไม่ได้หรือจะบรรลุผลตามต้องการไม่ได้
การสานงานต่อก่องานใหม่กับความสุขจากอดีตอันพึงได้
ล้วนต้องใช้พลังอำนาจภายในตนเองในการปฏิบัติทั้งสิ้น

ถ้าตอนไหนเมื่อไหร่ที่คุณต้องการความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
เพื่อการคิดพูดหรือทำในสิ่งที่ไม่เคยนึกคิดพูดทำมาก่อน
ก็ต้องใช้จิตอีกตัวหนึ่งเพื่อการ “นึกเอา” สิ่งใหม่เรื่องใหม่
ในการเริ่มต้นค้นหาพฤติกรรมใหม่ให้ได้ตามที่ใจต้องการ
โดยไม่ประสงค์จะสานต่อจากงานเก่าที่เคยทำคั่งค้างไว้
แต่ต้องการสร้างงานใหม่คิดเรื่องใหม่หรือพูดเรื่องใหม่
ให้มันแตกต่างไปจากสิ่งเดิมเรื่องเดิมอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น

ถ้าตอนไหนเมื่อไหร่ที่คุณต้องการคิดใหม่ทำใหม่
โดยหยิบฉวยเอาสิ่งที่สัมผัสรู้ดูเห็นมันอยู่ในปัจจุบันขณะ
มาใช้ #กระตุ้นต่อมคิด เพื่อให้เกิดพฤติกรรม “การฉุกคิด”
คุณต้องใช้จิตตัวที่ทำหน้าที่ “นึกเอา” ดังกล่าวนี้ให้เป็น
เช่น เมื่อเห็นใบไม้ทุกใบมีเส้นแบ่งครึ่งตรงกึ่งกลางใบ
ก็จะ “ฉุกคิด” ได้ทันทีทันใดว่าใบไม้คล้ายสมองสองซีก
เพราะต้นไม้ใช้ใบไม้ทำการสังเคราะห์แสงหรือปรุงอาหาร
จึงไม่ต่างจากสมองสองซีกที่คุณใช้คิดสังเคราะห์ความรู้
เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานและการดำเนินชีวิต

ถ้าตอนไหนเมื่อไหร่ที่คุณต้องการจะทายใจผู้อื่น
ด้วยการอ่านจากภาษาพูดภาษากายหรือภาษาท่าทาง
ซึ่งเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่พวกคุณทุกคนล้วนมีอยู่
คุณก็ต้องกำหนดจิตให้มุ่งไปที่การ “นึกเอง”
อันหมายถึง #การเดาใจผู้อื่น หรือการคิดแทนบุคคลอื่น
โดยจะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงจนโอกาสเดาผิดก็สูงตาม
ทั้งนี้ความเสี่ยงนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการสังเกต
กับความสามารถในการแปลความหมายหรือตีความนั่นเอง

ถ้าคุณแปลภาษาท่าทางภาษากายหรือภาษาวาจาไม่เก่ง
คุณก็อาจจะทายผิดพลาดกลายเป็น “เดาส่งเดช” ไปก็ได้
เท่ากับว่าการนึกเองของคุณนั้นเป็นการทำร้ายผู้อื่นไปเลย

ดังนั้น
อำนาจในตนเองจากการ “นึกออก”
โดยนึกแต่เรื่องชั่วของคนอื่นเพราะคุณจำไม่รู้ลืม
มันก็จะทำให้คุณเป็นคนอาฆาตขาดคุณธรรมได้

อำนาจในตนเองจากจิตที่ “นึกออก”
โดยนึกถึงแต่เรื่องดีๆของเขาเพราะคุณจำได้อยู่เสมอ
มันก็จะทำให้คุณเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน
จะทำให้คุณเป็นคนดีกับเขาได้ด้วย
เพราะคุณจะมีเขาเป็นต้นแบบของการเป็นคนดีนั่นเอง

อำนาจในตนเองจากการ “นึกเอา”
โดยนึกใหม่คิดใหม่ที่เป็นแต่เรื่องดีๆและมีคุณประโยชน์
ซึ่งอยู่ในลักษณะของการ “คิดเพื่อให้” มิใช่คิดเพื่อเอา
หรือการพูดเพื่อให้และการกระทำสิ่งใหม่นั้นเพื่อจะให้
มันจะทำให้คุณเป็นนักคิดสร้างสรรค์หรือการเป็นคนดี
เป็นผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารีมีความเมตตาที่สังคมต้องการ

แต่ถ้าอำนาจในตนเองจากการ “นึกเอา”
โดยการนึกใหม่คิดใหม่แต่เป็นเรื่องไม่ดีและไร้ประโยชน์
หรือมุ่งแต่นึกคิด “เพื่อเอา” มิใช่การคิดเพื่อจะให้
มันจะทำให้คุณกลายเป็นคนโลภเห็นแก่ตัวแล้งน้ำใจได้
ซึ่งคุณจะเป็นคนที่โลกหรือสังคมไม่นิยมและไม่ต้องการ

อำนาจในตนเองจากการ “นึกเอง”
โดยการอ่านใจทายใจของบุคคลอื่นด้วยการสังเกต
ภาษากายภาษาวาจาภาษาท่าทางอย่างใดอย่างหนึ่ง
ถ้าคุณเป็นคนมีนิสัย #มองโลกในแง่ร้าย ก็อันตรายยิ่ง
เพราะคุณจะมองคนอื่นผิดพลาดไปในทางลบเสมอ
เนื่องจากคุณเป็นคนหวาดระแวงไม่ไว้วางใจใคร
กลายเป็นคนนึกลบคิดลบมองคนอื่นในแง่ร้ายไปเสียหมด

ดังนั้น
อำนาจในตนเองจากจิตทั้งสามนึกที่คุณมีอยู่
จึงเป็นเรื่องเบื้องต้นที่สำคัญยิ่งนักจักต้องระวังกันไว้
คุณจะเป็นคนที่สังคมต้องการเพราะโลกยอมรับ
หรือว่าจะเป็นคนที่สังคมไม่ยอมรับเพราะโลกปฏิเสธ
ก็ขึ้นอยู่กับจิตทั้งสามนึกของคุณนี่แหละ

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
14/01/2024