พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่กับคนรอบข้างนั้น
คุณใช้ #จิตสามนึก สั่นสะเทือนขับเคลื่อนมโนกรรม
ก่อนแสดงออกมาภายนอกเป็นวจีกรรมและกายกรรม
เพื่อกระทำต่อคนทั้งหลายเหล่านั้นตลอดเวลา
จิตสามนึกก็คือ นึกออก นึกเอาและนึกเองที่ว่านี้
จะมีตัวที่เรียกว่า #ทัศนคติ เป็นเครื่องกำหนดการนึก
ว่าจะนึกลบหรือนึกบวกต่อเขาหรือต่อเหตุการณ์นั้นๆ
คำว่า “ทัศนคติ” นี้หมายถึงตัวต้นเหตุก็คือความรู้สึก
โดย “ความรู้สึก” ซึ่งเป็น #กิเลส ที่ถูกมอดมาร
ถ่ายทอดเอาไว้ให้ด้วยวิธีปิดกั้นการใช้สติปัญญาไว้
เพื่อทำให้มนุษย์ขาดสติสัมปชัญญะเมื่อสัมผัสรู้สิ่งเร้า
ด้วยการจูงใจให้เกิดความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบแทน
เพราะมอดที่มีชีวิตและมารหรือจิตวิญญาณผีโสโครก
พวกนี้รู้ว่า “จิตมนุษย์” หรือจิตปัจจุบันของพวกคุณนั้น
มันสามารถจะสั่นสะเทือนเพื่อทำหน้าที่ได้ทีละอย่าง
หากคุณถูกจูงใจให้ไขว้เขวไปทางกิเลสได้ก่อนแล้ว
จะทำให้การนึกด้วยจิตเพื่อคิดรู้ด้วยปัญญาของสมอง
เป็นการนึกไปตามกิเลสที่ปกปิดกีดกั้นการมองสิ่งนั้น
ให้มันผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปได้ทันทีโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งเรียกว่า #กิเลสทำให้คุณขาดสติ ไปชั่วคราวนั่นเอง
มิใช่เพียงเท่านี้
พวกมอดมารผีโสโครกทั้งหลายยังรู้ดีอีกด้วยว่า
สำหรับมนุษย์แล้วถ้าทำให้ขาดสติได้เมื่อไหร่
ความสามารถในการใช้สติปัญญาก็จะย่อหย่อนตาม
เนื่องจากถูกกิเลสที่เป็นความรู้สึกคอยควบคุมไว้
จนทำให้นึกคิดไปตามอำนาจของกิเลสอยู่อย่างนั้น
นั่นคือกิเลสทำให้คุณมองโลกหรือมองคนอื่นบิดเบี้ยว
อันหมายถึงการมองโลกที่ผิดแปลกไปจากความจริง
นอกจากนั้นจิตหยาบที่ตกเป็นทาสของกิเลสไปแล้ว
มันจะสั่นสะเทือนต่อเนื่องในทางลบมากขึ้นได้อีกด้วย
จากความรู้สึกชอบไม่ชอบจะเปลี่ยนเป็นอยากไม่อยาก
ซึ่งจากความรู้สึกที่เป็นกิเลสก็จะเปลี่ยนเป็น #ตัณหา
เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้วมนุษย์ที่คนตนเองยังไม่สำเร็จ
จะไม่อาจกำกับควบคุมสภาวะจิตของตนเอาไว้ได้
เนื่องจากตัวตัณหาทั้งอยากหรือไม่อยากมันสั่นแรงมาก
ถ้าใครเผลอตัวปล่อยตนจนเกิดตัณหาขึ้นมาในจิตแล้ว
จะเป็นรถยนต์ที่เบรกไม่อยู่ถ้าไม่ชนปะทะก็จะแหกโค้ง
จนเกิดอันตรายทั้งต่อตนเองและรถยนต์คันอื่นๆได้
พระพุทธเจ้าจึงทรงเรียกว่า “กิเลสมาร”
พระบิดาทรงเรียกว่า #มารภายใน เพราะมารภายนอก
เป็นผู้หลอกให้มนุษย์เสพติดมันจนโงหัวไม่ขึ้นตลอดมา
ปลายยุคนี้พระบิดาจึงทรงให้เราแนะมนุษย์ให้ใช้มหาสติ
คอยกำกับควบคุม “จิตตปัญญา” ของคุณเอาไว้ให้สงบ
ให้พวกคุณตื่นรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อปิดโอกาสการเผลอสติ
มิให้ตกเป็นทาสของกิเลสมารจนเกิดตัณหาขึ้นมาง่ายๆ
เพราะถ้าคุณยอมให้จิตเป็นทาสของตัณหาขึ้นมาเมื่อไหร่
ความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจก็จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อนั้น
ดังนั้น
ทันทีที่จิตสามนึกของคุณเกิดการผิดพลาดบกพร่อง
เพราะกิเลสมารบังตาพาให้คุณไขว้เขวไปจากความจริง
จนทำให้คุณหลงผิดเพราะมองผิดจนนึกผิดและคิดผิด
ไม่ว่าจะต่อตนเองหรือคนรอบข้างหรือใครคนใดคนหนึ่ง
จิตวิญญาณของคุณก็จะต้องรับผลกรรมที่จิตหยาบกระทำ
ในรูปของ #วิบากกรรม ที่เป็น “บุรพกรรมแม่เหล็ก” นั้นไว้
โดยเมอร์คขะบาห์หรือจิตใต้สามนึกเป็นผู้บันทึกกรรมนั้น
การสั่นสะเทือนภายในตนเองในลักษณะที่เรากล่าวมานี้
มันคือการที่คุณ “หมุนกรรมจักร” ภายในตนเองนั่นแหละ
แต่ถ้าคุณขับเคลื่อนผลกรรมนั้นออกมาภายนอก
ในรูปของกายกรรมหรือวจีกรรมที่เป็นลบต่อใครบางคน
จนทำให้เขาสังเกตพบหรือรับรู้ดูเห็นได้เมื่อไหร่
เท่ากับว่าคุณกำลังสร้างเงื่อนไขด้านลบเชิงประจักษ์
เพื่อชวนให้เขาคนนั้น #หมุนกรรมจักร ไปกับคุณ
แปลว่าคุณกำลังชักชวนให้คนอื่นลงนรกไปกับคุณด้วย
ขณะที่การร่วมกันหมุนกรรมจักรก็มิใช่หน้าที่ของมนุษย์
ซึ่งจิตวิญญาณพวกคุณมิได้อาสามาเกิดเพื่อทำหน้าที่นี้
แต่มาเกิดเพื่อใช้ความรักหมุนธรรมจักรร่วมกันต่างหาก
พวกคุณจักต้องรู้ว่า
ทุกครั้งที่คุณหมุนกรรมจักรแล้วสำแดงออกมาภายนอก
จนยังผลให้คนอื่นๆโกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาตคุณ
นั่นคือความผิดพลาดของคุณที่เป็นตัวต้นเหตุก่อกรรมขึ้น
จนเกิด #การเกี่ยวกรรมสัมพันธ์ หรือ “เวรกรรม”
ที่คุณกับเขาคนนั้นหรือพรรคพวกของเขาต้องรับผิดชอบ
ด้วยการตกนรกไปบำบัดจิตวิญญาณที่เสียสมดุลตาม
แล้วยังต้องมีภพชาติในการกลับมาเกิดใหม่เพื่อชำระขยะ
ซึ่งเป็นผลกรรมทางพลังงานที่สกปรกที่โลกไม่ต้องการ
พวกคุณจะเห็นได้ว่า
เพราะพวกคุณโง่ง่ายและงมงายกันใช่ไหม
จึงตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาจนทำหน้าที่ของตนไม่ได้
ทกวันนี้จิตหยาบของพวกคุณทั้งโลกจึงอยู่ที่ 4 มิติเท่านั้น
ไม่อาจยกระดับให้มากขึ้นจนถึง 5 มิติตามที่ควรจะเป็นได้
เพราะถูกปิดบังภารกิจหลักเรื่อง #ธรรมจักร เอาไว้
โดยคนนำทางตาบอดชราซึ่งเป็นกรรมกรแสงของมาร
ถ้าคุณอยากรู้เรื่องมิติที่ห้าหรือเรื่องการหมุนธรรมจักร
ก็ให้ย้อนกลับไปอ่านสื่อพระโอวาทบทที่ผ่านๆมาซ้ำได้
เพราะเรานำมาสื่อเอาไว้ให้ทราบตั้งนานแล้วบ่อยครั้งแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณคือ #องค์จิตจักรวาล
จึงทรงให้เราเน้นต่อพวกคุณที่เป็นฝูงแกะของพระองค์ว่า
อย่าริอ่านโง่ง่ายไม่ใช้ปัญญาทำให้พวกผีโสโครกหลอก
ให้ไปยุ่งกับจิตใต้สามนึกที่เป็นพลังทางวิญญาณจนเสื่อม
แทนที่จะระมัดระวังเรื่อง #การใช้จิตสามนึก ไว้ให้มาก
เพราะการใช้จิตใต้สามนึกมากๆยิ่งใช้ยิ่งเสื่อมยิ่งหมดพลัง
จนทำให้จิตวิญญาณ “อ่อนแรง” เมื่อตายไปจากโลกแล้ว
จะไม่มีพลังดีดตัวเองหนีแรงดึงดูดของโลกและจักรวาลได้
จนมิอาจ “หลุดพ้นกลับบ้าน” แดนสุญตาที่อยู่นอกเอกภพได้
แต่การมุ่งสั่นสะเทือนจิตสามนึกให้ได้ใช้มันให้เป็นนั้น
มันจะช่วยให้จิตหยาบค่อยๆยกระดับจาก 4D ไปสู่ 5D ได้
โดยพวกคุณทุกคนบนพื้นที่ 33.33 ตารางกิโลเมตรเดียวกัน
จะได้รับอานิสงส์จากการหมุนธรรมจักรร่วมกันสามคนขึ้นไป
ไม่ว่าครอบครัวไหนทีมงานใดสมาคมใดหมุนธรรมจักรกันได้
ในมิติพลังงานด้านของแก่นแท้ทุกคนจะรับประโยชน์ร่วมกัน
เพราะพระองค์ทรงออกแบบให้มนุษย์เป็น #สัตว์สังคม
คำว่า “สัตว์สังคม” นี้
ในความหมายของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงออกแบบไว้
ทรงหมายถึงจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์โลกเสรีนี้
แต่ละรูปธรรมจะกลับไปสู่สวรรค์นิรันดรนอกเอกภพ
ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณพวกคุณที่จากมา
ที่เป็นพระนิเวศน์ที่ประทับของพระเจ้าคือองค์จิตจักรวาล
ในลักษณะของการ “อยากไปสวรรค์คนเดียว”
โดยต่างคนต่างปฏิบัติธรรมแบบต่างคนต่างไปนั้นไม่ได้
พวกคุณต้องใช้พลังร่วม Σβx = 3x²(β₁+β₂+β₃+…+βx)
คุณต้องรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้
คุณต้องให้อภัยคนที่ทำตัวไม่น่าให้อภัยให้เป็น
คุณต้องทำบุญสุนทานโดยไม่อธิษฐานขอสิ่งตอบแทน
คุณต้องไม่ให้การช่วยเหลือใครอย่างมีเงื่อนไข
คุณต้องทำบุญสุนทานด้วยความเต็มใจ
คุณต้องช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
คุณต้องทำบุญหรือทำดีโดยไม่มีการทำเพื่อเอาหน้า
ถ้าตัว x ในสมการนี้แทนค่าได้ด้วย 3 คนขึ้นไป
สมการนี้จึงจะศักดิ์สิทธิ์เกิดพลังอำนาจฤทธิ์ขึ้นมาได้
พวกคุณทั้งหลายจงจำไว้ว่าอย่าริอ่านไปสวรรค์คนเดียว
แต่ถ้าคุณต้องการสื่อสารกับพระเจ้าหรือพระบิดาแล้ว
แค่ทำสามเหลี่ยมกับพระองค์โดยผ่านมาทางเราเท่านั้น
เราจะนำพาคลื่นจิตของคุณไปกราบพระบาทพระองค์ให้