05 มกราคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 5/01/2024

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เหตุเพราะนิสัยเคยตัวที่ไม่ดีของคนนั้นแก้ไขยาก
คนโบราณจึงต่างเรียกมันว่า #สันดานไม่ดี กันไป
ที่โบราณเรียกว่าสันดานไม่ดีนั้นก็เพราะเหตุว่า
“สันดาน” มาจากคำว่า “สัน” อันหมายถึงขอบหรือริม
ซึ่งเป็นลักษณะของ “ลิ่ม” ที่ยกตัวขึ้นหรือยกมุมขึ้นมา
เป็นทรงเรขาคณิตรูปสามเหลี่ยมนั่นเอง

คุณสมบัติของรูปสามเหลี่ยมที่สำคัญอย่างแรกก็คือ
เป็นรูปทรงเรขารูปธรรมแรกที่เกิดขึ้นใน “เอกภพ”

ตัวอย่างเช่น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
ก็เกิดจากรูปทรงเรขาคณิตสามเหลี่ยมจำนวนสองรูป

วงกลมก็เช่นกัน
นี่ก็เกิดจากรูปทรงเรขาคณิตที่เป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า
สิบสองรูปที่มียอดสามเหลี่ยมอยู่บนเส้นรอบวงเดียวกัน
โดยมีจุดศูนย์กลางร่วมกันเป็นจุดเดียวนั่นแหละ

เพราะสามเหลี่ยมเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่แข็งแกร่ง
จึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายเลย
เช่น ตัวถังรถยนต์ที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
ผู้สร้างจะยกสันหรือขอบขึ้นทำเป็น “จีบ” หรือ “ครีบ”
เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถังบริเวณนั้นให้มากขึ้น
ไม่ให้บุบสลายหรือยุบตัวง่ายเกินไปถ้าเป็นพื้นเรียบ

คนโบราณจึงนำคำว่า “สัน” นี้มาใช้นำคำว่า #ดาน
คำว่า “ดาน” นี้มันสึกกร่อนมาจากคำว่า “ไม้กระดาน”
ซึ่งจงใจเน้นที่ “ความกระด้าง” ตามคุณสมบัติของแผ่นไม้
เมื่อนำเอาทั้งสองคำที่ว่านี้มาประสมกันเป็น “สันดาน”
คำประสมที่ว่านี้จึงหมายถึงนิสัยไม่ดีที่หยาบกระด้าง
อันหมายถึงเป็นนิสัยไม่ดีที่แก้ไขได้ยากนั่นเอง
คนโบราณจึงเจาะจงเรียกนิสัยไม่ดีที่แก้ไขยากว่า
“สันดานไม่ดี” ซึ่งหมายถึงนิสัยที่ไม่ดีแบบถาวร

สาเหตุที่พวกคุณแต่ละคน
เคยชินหรือเคยตัวกับการแสดงพฤติกรรมที่มีปัญหา
ต่อคนใกล้ตัวที่เป็นคนรอบข้างกันอยู่เนืองๆก็เพราะว่า

1.แสดงออกหรือกระทำต่อผู้อื่นไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเผชิญกับเงื่อนไขสถานการณ์แบบนั้นเมื่อไหร่
ตนก็จะแสดงออกหรือกระทำตอบสนองแบบนั้นเสมอ
โดยไม่สนใจว่าผู้ยื่นเงื่อนไขนั้นจะเป็นใคร

2.แสดงออกหรือกระทำต่อผู้อื่นไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อถูกยั่วยุด้วยเงื่อนไขด้านลบให้เกิดอาการขาดสติ
จนถูกกิเลสมารเข้าแทรกทำให้จิตเสียสมดุลหรือจิตตก
จึงตกเป็นทาสทางอารมณ์ด้านลบไปในที่สุด
จิตที่เสียสมดุลไปในทางต่ำในปัจจุบันขณะนั้น
มันจะชิงขับเคลื่อนพฤติกรรมทางอารมณ์ออกมาแทน
เพื่อทำการตอบสนองผู้ที่เป็นเงื่อนไขของตนนั้น
จนไม่อาจเข้าถึงความรักเพื่อให้คือเมตตาของจิตได้
รวมทั้งเข้าถึงการใช้เหตุผลด้วยสติปัญญาก็ไม่ได้
เพราะจิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ต่ำเกินไป
จึงไม่อาจสั่นสะเทือนเซลล์สมองให้เกิดปัญญาได้

3.แสดงออกหรือกระทำต่อผู้อื่นไปโดยไม่รู้ตัว
เพราะเคยตัวกับการยึดถือตนเองเป็นใหญ่กว่าใคร
เนื่องจากปกติแล้วเป็นคนชอบใช้อำนาจเหนือนำผู้อื่น
ซึ่งเป็นความวิปริตทางจิตที่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก
จากการใช้อำนาจกดข่มพี่ๆน้องๆในครอบครัวตัวเอง
ด้วยอุปนิสัยเอาแต่ใจตัวเองใครขัดคอขัดขวางไม่ได้
นึกถึงตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวคนเดียว
ไม่เคยเห็นใจใครไม่คิดถึงความรู้สึกต้องการของใคร
จึงมุ่งทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการตนเอง
จนกลายเป็นบุคคลที่มีสันดานเห็นแก่ตัวหรือบ้าอำนาจ
ที่มักจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อผู้อื่นอยู่เนืองๆ

4.แสดงออกหรือกระทำต่อผู้อื่นไปโดยไม่รู้ตัว
เพราะเป็นคนชอบมองโลกในแง่ร้ายเสียจนเคยตัว

การมองโลกในแง่ร้ายในที่นี้เราหมายถึง
การที่คุณมีอุปนิสัย #นึกลบหรือคิดลบต่อบุคคลอื่น
อันเกิดจาก “จิตสามนึก” ตัวที่สาม “บกพร่อง”
นั้นคือทึกทักคนอื่นว่าเขาต้องคิดลบต่อตนเองแน่ๆ
เพียงแค่ฟังคำที่คนอื่นพูดหรือแค่เห็นกิริยาอาการ
แล้วหยิบนำเอาไปสรุปว่าเป็นลบต่อตนเองไปทันที
จนทำให้ตัวเองจิตตกหรือเสียสมดุลไปโดยใช่เหตุ

อาการทางจิตแบบนี้มันคืออาการของคน “ขี้ระแวง”
เพราะคิดมากและคิดลบโดยไม่ยอม #คิดด้านลบ
คำว่า “คิดด้านลบ” คือคิดลบแต่มีเหตุผลรองรับเสมอ
เช่น ไม่คิดว่าเขาจะคิดร้ายเช่นนั้นต่อตนเองไปทำไม
นึกแต่เพียงว่าเขาต้องคิดไม่ดีกับฉันแน่นอนเลย
ซึ่งเป็นการนึกลบแล้วคิดลบเพื่อหมุนกรรมจักรในตน
ทำให้จิตหยาบไม่มีพลังจะยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้เพิ่มสูงขึ้นสู่มิติที่ 5D ได้เลย

ถ้าจะไม่เป็นคนขี้ระแวงผู้อื่นจนทำให้จิตตก
คุณสามารถนึกด้านลบเพื่อคิดด้านลบอย่างมีเหตุผลได้
โดยอย่านึกเองเออเองและทึกทักเอาเองว่า
มันต้องเป็นอย่างที่ฉันนึกลบคิดลบอย่างแน่นอน
โดยยึดมั่นถือมั่นการนึกคิดด้วยจิตที่ไม่สมดุลไว้จนแน่น

5.แสดงออกหรือกระทำต่อผู้อื่นไปโดยไม่รู้ตัว
เพราะเป็นคนมีนิสัยด้านลบคือชอบเพ่งโทษผู้อื่น
แบบว่า “ขนตาตัวเอง” ที่อยู่ใกล้ตามากที่สุดมองไม่เห็น
กลับแลเห็นขนตาเส้นเล็กๆของคนอื่นชัดเจนกว่า

เมื่อเกิดปัญหาขัดข้องจนขัดแย้งกันขึ้นมา
จึงเที่ยวถามหาว่า “ใครทำวะ?” ไม่ก็ “กูไม่ได้ทำเว้ย!”
โดยที่การถามหาตัวคนทำหรือหาตัวคนสร้างปัญหานั้น
นอกจากจะเสียเวลาไปเปล่าๆเพราะไม่มีใครยอมรับแล้ว
ปัญหาข้อขัดข้องที่รอการขัดแย้งนั้นมันก็ยังคงมีอยู่
สู้ใช้เวลานั้นศึกษาว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนมันคืออะไร
แล้วถามตนเองว่าจะมีส่วนช่วยขจัดปัญหานั้นได้อย่างไร
ตนจะช่วยแก้ไขปัญหานั้นได้ไหมเพื่อให้ทุกอย่างมันจบ
โดยไม่ต้องสู้รบปรบมือกันให้มัน #บานปลาย ออกไป

ส่วนมากแล้วสันดานคนที่ขาดความชอบธรรม
มักจะเพ่งโทษแต่คนอื่นทั้งนั้นไม่มีใครยอมรับว่าตนผิด
เรื่องเล็กๆจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปในที่สุดกันอยู่เสมอ
ซึ่งหมายถึง #เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง นั่นแหละคุณ

ทั้งหมด 5 ประการ ที่เรายกตัวอย่างมาข้างต้นนั้น
เป็นหนึ่งในการบกพร่องของจิตสามนึกของมนุษย์โลก
ที่สามารถพบเห็นกันเป็นประจำในทุกครอบครัวทุกสังคม
เพราะพวกคุณยังติดนิสัยที่ไม่ดีเหล่านี้อยู่ คือ

1.เป็นคนไม่ยอมใคร
2.เป็นคนไม่ยอมรับ
3.เป็นคนไม่ยอมปรับตัว
4.เป็นคนไม่รู้ตัว
5.เป็นคนไม่มีมหาสติ
6.เป็นคนไม่มีปณิธานแห่งนิพพาน

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
5/01/2024