10 พฤษภาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 10/05/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

10/05/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่าน
เป็นผู้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ปรารถนาให้ จิตหยาบ ทำหน้าที่แทนให้ดีที่สุด
ในการเกิดเป็นรูปธรรมมนุษย์ในระบบโลกเสรีนี้
โดยท่านทั้งหลายจักต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า

1.จะเป็นมนุษย์โลกให้เป็นต้องปฏิบัติตนเช่นไร
2.จะดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นที่แตกต่างกันได้อย่างไร
3.จะใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณในสองมิติได้อย่างไร

ถ้าจะได้คำตอบในสามประการที่กล่าวนี้
เพื่อนำคำตอบที่ได้มาสู่การปฏิบัติจริงให้เป็นรูปธรรม
ท่านทั้งหลายก็จะต้องเป็นผู้ใฝ่ที่จะ เรียนรู้ เท่านั้น
ไม่ว่าจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงของตนเอง
หรือเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของพี่ๆน้องๆคนอื่นๆ
โดยท่านต้องใช้ความฉลาดทางจิตปัญญา
ร่วมกับความสามารถในการใช้กลไกอายตนะทั้งห้า
เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่มีอยู่ในตน
ที่สำคัญคือท่านต้องมีสังคมอยู่ในสังคม
จะแยกตนเองออกไปจากฝูงไม่ได้

หากท่านต้องการจะรู้ว่า
ถ้าจะเป็นมนุษย์โลกให้เป็นต้องปฏิบัติตนเช่นไร
ท่านก็อาจใช้วิธีเรียนรู้จากธรรมชาติแวดล้อม
ด้วยตัวท่านเองก็ได้ว่า

สัตว์ประจำโลกทั้งหลายและต้นหญ้าป่าไม้
เขามีคุณสมบัติภายในและคุณลักษณะภายนอก
ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามอย่างไรกันบ้าง
และสิ่งที่เป็น คุณ ของพวกเขานั้นตัวเรามีหรือยัง
ถ้าพบว่าเรายังไม่มีก็ให้นำมาทำตามเยี่ยงอย่าง
เพราะสัตว์พืชและมนุษย์ล้วนอยู่ในระบบเดียวกัน
มนุษย์มีปัญญาก็สามารถเรียนรู้จากกันและกันได้

นอกจากนั้น
ท่านอาจพบเห็นความแตกต่างของสัตว์กับมนุษย์
ตรงที่สัตว์ทั้งหลายจะใช้ชีวิตไปตามสถานการณ์
ไม่มีการคิดวางแผนการอะไรไว้ล่วงหน้า
เมื่อเผชิญปัญหาจะใช้สัญชาตญาณในการแก้ไข
มีประสบการณ์ดีร้ายอะไรก็จะจำไว้เป็นบทเรียน
เมื่อไม่พึงพอใจก็จะแสดงความก้าวร้าวตอบโต้
เนื่องเพราะพวกเขาไม่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์
มีแต่ความรักกับความก้าวร้าวเป็นคุณสมบัติเท่านั้น

ถ้าท่านจะเป็นมนุษย์
ท่านจึงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความรักให้ได้
ท่านจึงต้องเรียนรู้ที่จะใช้สมองให้เป็น
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ชั้นสูง
เวลายืน นั่ง เดิน จะเอาศีรษะชี้ขึ้นฟ้าหาพระบิดา
โดยมีพระบิดาทรงประทับอยู่บนศีรษะของทุกคน
ศีรษะของพวกท่านจึงมิต่างจากพระแท่นที่ประทับ

หากท่านเทอดทูนพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
จิตวิญญาณกับความฉลาดทางปัญญาของสมอง
และกลไกอายตนะที่อยู่รายรอบศีรษะของท่าน
ที่เป็นดั่งเครื่องประดับรอบๆพระแท่นของพระบิดา
จึงเป็นสิ่งที่ท่านสมควรจักต้องเทอดทูนและรู้ค่า
ด้วยการนำมาใช้ดำเนินชีวิตให้เป็นและมีศรัทธา
โดยต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันอย่างถูกต้องให้จงได้

แน่นอนว่ามนุษย์ทั้งหลาย
จะประสบความสำเร็จในการเป็นมนุษย์
ที่แตกต่างจากสัตว์ประจำโลกไม่ได้เลย
หากท่านยังไม่เข้าใจเรื่องขันธ์ 5 ว่า
มันคือคุณสมบัติของมนุษย์ที่ต้องทำมันให้ถูกต้อง
เพื่อแยกความเป็นมนุษย์ออกมาจากสัตว์

เนื่องจากสัตว์และมนุษย์
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดด้วยกลไกอายตนะแล้ว
จิตสัมผัสจะเกิดอาการสั่นสะเทือนเป็น 5 ขั้นตอน
เพื่อแสดงออกหรือตอบสนองสิ่งเร้านั้นๆทันที
โดยทั้งสัตว์และมนุษย์จะใช้อารมณ์รู้สึกนึกคิด
ที่เกิดจากการถูกเร้าในบัดเดี๋ยวนั้น
ขับเคลื่อนพฤติกรรมออกมาภายนอกเสมอ

หากไม่พอใจก็จะแสดงอาการก้าวร้าวออกมา
ถ้าเป็นมนุษย์จะเรียกอาการพวกนี้ว่า รักเพื่อเอา
ถ้าหากตนพึงพอใจก็จะแสดงอาการวางเฉย
หรือแสดงอาการยินดีกระดี๊กระด๊าไปตามสถานการณ์

ดังนั้น
การเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ชั้นสูงนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องเรียนรู้ที่จะสั่นสะเทือนขันธ์ 5
ให้มันแตกต่างออกไปจากสัตว์ประจำโลก
เพราะสัตว์ประจำโลกมันไม่มีกฎแห่งกรรม
ตายไปแล้วไม่จำเป็นต้องตกนรกไปชำระบาป
แต่พวกเขาจะย้อนกลับสู่การเกิดใหม่ทันที
การตายของสัตว์ประจำโลกทั้งหลาย
จะเป็นไปตามวาระที่พระบิดาทรงกำหนดให้
หรือไม่ก็ตายตามความเสื่อมทรุดของกายสังขาร
สัตว์ทั้งหลายจึงไม่มีสังสารวัฏเหมือนมนุษย์

ด้วยเหตุนี้เอง
มนุษย์อย่างพวกท่านจึงใช้กระบวนการขันธ์ 5
ทำตามธรรมชาติเยี่ยงสัตว์ประจำโลกไม่ได้
เพราะมันเป็นกระบวนการอัตโนมัติที่ไม่ถูกต้อง
ท่านจะไม่สามารถผลิตสร้างพลังงานความรัก
มอบให้โลกและทุกสรรพสิ่งตามหน้าที่ได้เลย

พวกท่านมีกฎแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีสังสารวัฏ มีพันธะสัญญา 6 ที่เป็นกองทุกข์อยู่
เพราะพวกท่านมิใช่สัตว์ประจำประจำโลก
เมื่อจิตวิญญาณตายจากการเป็นมนุษย์เมื่อไหร่
จิตวิญญาณของพวกท่านจักต้องหลุดพ้น
ด้วยการออกไปจากอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้

ท่านจะอ้างว่านิพพานเป็นเหมือนตาลยอดด้วน
โดยสูญหายสลายอัตตาไปในอนันตจักรวาล
ทันทีที่ เชื่อมั่นว่า ดับขันธ์ 5 ได้สิ้นแล้วไม่ได้
เนื่องจากมันมิใช่ความจริงแต่เป็นแค่ความเชื่อ
เพราะ "นิพพาน" หมายถึงหลุดพ้นกลับบ้าน
นิพพานมิใช่การดับหายสลายอัตตาไปดื้อๆ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การที่ท่านนั่งหลับตาอยู่คนเดียว
เพื่อขับเคี่ยวตัวเองให้ดับสัญญาด้านลบของจิต
ที่เป็นสันดานไม่ดีจากการหมายรู้ไว้ตั้งแต่เด็ก
แล้วติดกับความสงบระงับเพราะไร้สิ่งยั่วยุ
โดยปล่อยให้กระบวนการของขันธ์ 5 แบบสัตว์
สั่นสะเทือนเป็นกรรมจักรกันอยู่ทุกวี่วันนั้น
จิตวิญญาณของท่านก็ต้องตายเพื่อมีภพชาติใหม่
อย่างมิรู้สิ้นสุดยุติกันตลอดไปอยู่เช่นเดิม
เพราะท่านทั้งหลาย เป็นมนุษย์ไม่เป็น

ถ้าท่านจะยกระดับตนเองให้สูงกว่าสัตว์
ท่านจึงต้องหมุน "ธรรมจักร" แทน "กรรมจักร" ให้ได้
โดยมุ่งกระทำที่กระบวนการสั่นสะเทือนของขันธ์ 5
ซึ่งพระบิดาทรงเมตตาเคยให้โอวาทชี้ทางไว้แล้ว

การปลีกวิเวกอยู่คนเดียวอย่างไร้สังคม
การปิดอายตนะที่ดีๆเอาไว้ทั้งหมดทุกบาน
มันคืออวิชชาที่เกิดจากการอุปาทานว่า
จะช่วยทำให้การข่มจิตฝึกจิดของท่านมันง่ายขึ้น
ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องเพราะผิดธรรมชาติ
ท่านจะเป็นมนุษย์ซึ่งต่างจากสัตว์ไม่ได้เลย
ถ้ายังคงหมุนกรรมจักรตามขันธ์ 5 ที่ไม่ถูกต้องนี้

จงไตร่ตรองความจริงที่เป็นอนุตรธรรมนี้ให้จงหนัก
จงอย่าหลับตาเชื่อตามคนนำทางตาบอด
โดยไม่ลืมตาคิดตามก่อนก้าวตามอยู่อีกเลย
เพราะมรรคผลสูงสุดของคนนำทางตาบอด
จะเป็นได้แค่นิพพานแบบตาลยอดด้วน

จะทำภารกิจของจิตวิญญาณให้ลุล่วงก็ไม่ได้
เพราะอยากตายเพื่อหนีทุกข์หรือพ้นทุกข์เท่านั้น
จะหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตาที่จากมาก็ไม่ได้
เพราะพวกเขาปฏิเสธพระบิดาหรือพระเจ้า

จึงทำตนเป็นดั่งบุตรกำพร้ากันอยู่
เพราะปฏิเสธการมีบ้านเกิดในแดนสุญตา
โดยเชื่อมั่นว่าตนเป็นจิตวิญญาณร่อนเร่พเนจร

จึงพยายามจะดับจิตวิญญาณของตน
เพื่อดับอัตตาตัวตนผ่านการดับขันธ์ 5
ทั้งๆที่จิตวิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้สูญสลายหายไปได้
นอกเสียจากพระบิดาจะทรงระเบิดทิ้งเสียเท่านั้น

ชีวิตประจำวันที่คนนำทางตาบอดสั่งสอนไว้
มีแต่สอนให้ท่านทำทุกสิ่งเพื่อตนเองเท่านั้น
สอนให้ท่านทำเพื่อมุ่งไปสวรรค์คนเดียว
สอนให้ท่านเก่งอยู่คนเดียว
สอนให้สร้างสวรรค์วิมานของตนคนเดียว
สอนให้ท่านหมั่นทำบุญสุนทานก็จริง
แต่ท้ายสุดก็เพื่อยังประโยชน์สุขแห่งตนคนเดียว

บริบทในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ยังมองไม่เห็นเลยว่า
ทำตนเป็นสัตว์สังคมกันอย่างไร
ทำอะไรเพื่อโลกใบนี้บ้าง
ทำอะไรเพื่อจิตวิญญาณของตนกันหรือยัง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

10/05/2021