31 พฤษภาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

31/05/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระผู้เป็นเจ้าหรือพระผู้สร้าง
ทรงออกแบบเครื่องยนต์แห่งกรรมเป็นรูปธรรมต้นไม้
โดยทรงมีพระประสงค์ให้เป็นต้นไม้ประจำโลก
จึงทรงออกแบบให้ต้นไม้ทุกต้นมีรากหยั่งลงดิน
แม้จะผลิดอกออกผลหรือแตกหน่อ
ต้นไม้ของพระองค์ที่จะงอกเงยขึ้นมาใหม่
ก็จะมีส่วนรากยึดรั้งไว้กับแผ่นดินโลกเสมอ
แม้แต่ "ต้นไม้บนต้นไม้" ที่ยึดเกาะอยู่บนต้นไม้อื่น
ก็ต้องได้รับสารอาหารผ่านรากของต้นที่ยึดเกาะ

ที่สำคัญคือต้นไม้ใหญ่ทุกต้น
รวมทั้ง "ต้นไม้บนต้นไม้" ต้องชูยอดใบและดอก
เข้าหาพระสุริยเทพตลอดเวลาด้วย
เพราะพระสุริยเทพเป็นตัวแทนของพระเจ้า
ที่จะคอยค้ำจุนการดำรงอยู่ของทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
ด้วยการมอบพลังงานความรักเพื่อสร้างพลังชีวิต
ให้แก่เครื่องยนต์แห่งกรรมต้นไม้และไดโนเสาร์
ในรูปของคลื่นพลังงานความร้อนแรงกับแสงสว่าง

ทั้งนี้ยังจะช่วยให้ต้นไม้รู้ด้วยสัญชาตญาณว่า
พวกตนจะขาดพระบิดาหรือพระผู้สร้างไม่ได้
พวกเขาจึงต้องหันเครื่องยนต์แห่งกรรมเข้าหาแสง
พวกเขาจึงต้องเจริญเติบโตสูงขึ้นๆสู่ฟ้าเบื้องบน
ซึ่งเป็นทิศทางที่พระบิดาทรงประทับอยู่เสมอ
เพราะถ้าต้นไม้ไม่รับแสงอันเป็นความรักจากพระองค์
ต้นไม้ก็จะใช้สารอาหารที่ซึมซับผ่านรากมาจากดิน
ไปใช้ปรุงอาหารเพื่อสร้างพลังงานชีวิตในการดำรงอยู่
ด้วยกระบวนการ สังเคราะห์แสง ที่ใบซึ่งมีสีเขียวมิได้

เพราะเหตุนี้เอง
ต้นไม้ทุกต้นที่พระองค์ทรงกำหนดสร้างขึ้นมา
จึงพากันชูลำต้นกิ่งก้านใบดอกผลและหน่อใหม่
ทะยานขึ้นฝั่งฟ้าเข้าหาแสงพระสุริยะทั้งสิ้น
ต้นไม้ทุกต้นแม้พวกเขาพูดสรรเสริญพระเจ้าไม่ได้
แต่พฤติกรรมที่พวกเขาแสดงต่อพระสุริยเทพ
ก็มิได้ต่างจากการมีสำนึกถึงพระผู้สร้างนั่นเอง

จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจอะไรเลย
เมื่อต้นไม้ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นบนโลก
จะเติบโตไปในทิศทางสูงขึ้นในแนวดิ่งทั้งสิ้น
ยิ่งกาลเวลาโลกผ่านไปยาวนานมากเท่าใด
ต้นไม้จะอ้วนขึ้นและสูงขึ้นเป็นสัดส่วนกันมากเท่านั้น

แต่ในทางกลับกัน
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรม "ไดโนเสาร์"
ซึ่งพระองค์ทรงออกแบบไว้ให้มีลำตัวขนานกับพื้น
เพื่อสะดวกต่อการใช้ชีวิตอยู่กับป่าไม้แวดล้อม
โดยมีเฉพาะส่วนหัวเท่านั้นที่สร้างสัมพันธ์กับฟ้า
ขณะที่ตัวจะอ้วนขึ้นและยาวขึ้นในแนวระนาบ
ยิ่งนานวันเข้าลำตัวก็จะยิ่งอ้วนยิ่งยาวมากขึ้น
ซึ่งเป็นการเติบโตที่สวนทางกันกับต้นไม้นั่นเอง

เนื่องจากไดโนเสาร์ทุกตัวตั้งแต่เมื่อแรกสร้าง
ทรงกำหนดให้กินยอดไม้ หน่อใหม่ของต้นไม้
รวมทั้งใบไม้ และผลไม้เป็นอาหาร
เมื่อต้นไม้เติบโตขึ้นในทางสูง
แต่ไดโนเสาร์เติบโตขึ้นในแนวนอน
จึงยังผลให้พวกเขาหาอาหารกินยากขึ้นทุกวัน
เพราะคอก็สั้นเท้าทั้งสี่ข้างก็สั้นปีนต้นไม้ไม่ได้
น้ำหนักตัวหรือก็มากมายหลายสิบตัน
ในที่สุดไดโนเสาร์ของพระองค์ก็พากันล้มตาย
เพราะพวกเขาเกิดวิกฤตจากการขาดอาหาร

พวกที่ยังรอดชีวิตอยู่ได้
ก็กลายเป็นไดโนเสาร์ที่ "ก้าวร้าว" ดุร้าย
เพราะความหิวโหยเป็นเหตุ
จนในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะเอาชีวิตรอด
ด้วยการไล่จับพวกเดียวกันเองกินเป็นอาหาร

จิตวิญญาณของไดโนเสาร์ตัวที่ดุร้ายมากๆ
เมื่อได้รับโอกาสให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ก็จะพกพาเอานิสัยดุร้ายกลับมาเกิดใหม่ด้วย
พวกนี้จึงมาเกิดใหม่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์
โดยมีตัวตนรูปลักษณ์แปลกเปลี่ยนไปจากเดิม
เพราะจิตวิญญาณพวกเขามีพลังอำนาจมากพอ
ที่จะปรุงแต่งรูปลักษณ์เครื่องยนต์แห่งกรรม
ให้มีเขี้ยว งา กรงเล็บและนิสัยที่ดุร้ายแบบนักล่า
เพื่อจะช่วยให้ตนเองอยู่รอดปลอดภัยได้
ด้วยพลังอำนาจที่ดุร้ายก้าวร้าวกว่าตัวอื่นๆ

เมื่อพระองค์ทรงรับรู้ปัญหานี้แล้ว
จึงต้องทรงเรียนรู้ว่า "ปัญหาที่แท้จริง" คืออะไร
จะได้จัดการแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสมและดีงาม
ปัญหาที่ทรงค้นพบความจริงจากการทดลองนี้ก็คือ

1.ต้นไม้สูงใหญ่ ขึ้นเรื่อยๆ
จนไดโนเสาร์ทั้งหลายปีนป่ายเก็บกินยอดใบไม่ถึง
พวกที่ไม่มีอะไรจะกินจึงพากันล้มตาย
ไดโนเสาร์หลายตัวเริ่มหันมาฆ่ากันกินกันเอง

2.ไดโนเสาร์ ตัวที่ดุร้ายเมื่อตายแล้ว
จิตวิญญาณที่ได้รับโอกาสให้กลับมาเกิดใหม่
พากันผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์เปลี่ยนเป็นมีนิสัยดุร้าย
หันมาไล่ล่าจับตัวที่อ่อนแอกว่ากินเป็นอาหาร
จะมีตัวตนรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากที่ทรงสร้าง
คือมีเขี้ยวยาว มีเล็บแหลมคมและมีงา
ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบที่จิตวิญญาณสร้างเอง

3.ถ้าพระองค์ไม่ทรงจัดการแก้ปัญหานี้
ทุกอย่างจะยิ่งร้ายแรงขึ้น
แผนการของพระองค์ที่จะให้พวกไดโนเสาร์
ผลิตสร้างพลังงานความรักด้วยขันธ์ 5 ให้โลก
จะยิ่งล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าไปในที่สุด

ดาวเคราะห์โลกก็จะเสียสมดุลหนักกว่าเดิม
การสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ดังนั้น
เพื่อที่จะคืนสมดุลให้แก่ดาวเคราะห์โลก
เพื่อให้แผนการทดลองของพระองค์บรรลุผล

ถ้าจะทรงจัดการกับปัญหานี้ในฐานะพระผู้สร้าง
พระองค์ต้องทรงดำริเพื่อตัดสินพระทัยแล้วว่า
พระองค์จะทรงแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร
จึงจะผ่านพ้นปัญหาคาดไม่ถึงทั้งหมดนี้ไปได้

1.จะหยุดการกลายพันธุ์ของไดโนเสาร์
จากเดิมเป็นเด็กดีแล้วเปลี่ยนเป็นพันธุ์ใหม่ที่ดุร้าย
โดยที่พระองค์มิได้ทรงสร้างไว้ได้อย่างไร

2.จะช่วยให้ไดโนเสาร์ทั้งหลายของพระองค์
สามารถเก็บกินยอดไม้ใบไม้ได้ง่ายๆได้อย่างไร
จึงจะไม่อดหยากหิวโหยจนต้องหันมากินกันเอง

3.จะทรงทำอย่างไร
จึงจะช่วยให้ต้นไม้สูงใหญ่ของพระองค์
ยังมีประโยชน์ต่อโลกและไดโนเสาร์ต่อไปได้
โดยไม่ต้องทำลายหรือกำจัดสิ่งที่ทรงสร้างทิ้ง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

แผนการนึกคิดหรือพระดำริของพระเจ้า
ต่อปัญหาวิกฤตโลกที่กำลังเกิดแก่ไดโนเสาร์
คงมีประมาณ 3 ประการที่เรากล่าวไว้นั้น
ผลึกแห่งการคิดของพระเจ้าจึงเป็นดั่งนี้

1.พระองค์ทรงพิจารณาแล้วได้ข้อสรุปว่า
ถ้าจะหยุดการกลายพันธุ์ของไดโนเสาร์
จากน่ารักเป็นสัตว์ดุร้ายได้

พระองค์มีทางเลือกอยู่ 3 ทาง คือ

#หนทางที่ 1.
ต้องลดความสูงของต้นไม้ที่มีอยู่บนโลกทั้งหมด
ให้ย่อต้นต่ำเตี้ยลงมาหาไดโนเสาร์
เพื่อให้พวกเขากัดกินยอดไม้ใบไม้ได้ง่ายๆดังเดิม
จะได้ไม่มีตัวไหนหิวโหยจนดุร้ายอีก

หนทางที่ 2.
ต้องกำหนดสร้างต้นไม้รุ่นใหม่
แทรกต้นไม้ที่สูงใหญ่เกินไปแล้วเพิ่มขึ้นมาอีก
ให้เพียงพอต่อไดโนเสาร์ของพระองค์
ในการเก็บกินเป็นอาหารได้
โดยไม่สนต้นไม้ที่สูงใหญ่เกินไปแล้ว

หนทางที่ 3.
ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบเครื่องยนต์แห่งกรรม
เพื่อให้ไดโนเสาร์ของพระองค์
สามารถเก็บกินยอดไม้ใบไม้ของพระองค์ได้
แม้ว่ามันจะสูงใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม

ในที่สุดวิธีการแก้ปัญหาของพระองค์
ทรงมีบทสรุปที่ตัดสินพระทัยแล้วดังต่อไปนี้

1.พระองค์ไม่ทรงเลือก "หนทางที่ 1."
ในอันที่จะใช้พลังอำนาจของพระองค์ที่มีอยู่
บันดาลให้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้นที่ทรงสร้างไว้
มันย่อความสูงลงมาให้เหมาะกับไดโนเสาร์

ทรงไม่เลือกวิธีเปลี่ยนแปลงที่ต้นไม้
เพราะต้นไม้ของพระองค์มิได้ทำผิดอะไร
พวกเขาทำตามหน้าที่คือ "เจริญเติบโต" เรื่อยๆ

2.พระองค์ทรงเลือกใช้ "หนทางที่ 2."
เพราะทรงเห็นว่าการสร้างต้นไม้เตี้ยๆเพิ่มขึ้น
โดยแทรกเอาไว้ในป่าไม้ใหญ่ของพระองค์
ก็ยังพอมีทางเป็นไปได้อยู่บ้าง
เพราะไม่ทำให้โลกเสียสมดุลในการสร้างใหม่

นี่จึงเป็นที่มาของพืชพันธ์ุไม้จำนวนมากมาย
ที่ทรงสร้างเพิ่มขึ้นไว้บนโลกเสรีนี้ในภายหลัง
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นป่าไม้เบญจพันธุ์นั่นเอง

3.พระองค์ทรงเลือกใช้หนทางที่สาม
ด้วยการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์แห่งกรรม
ให้มันเหมาะสมมากขึ้นตามความจริงที่ปรากฏ

โดยทรงกำหนดให้
ไดโนเสาร์ตัวที่จะเกิดใหม่ที่ยังมีนิสัย
กินพืชเป็นอาหารตามแผนการของพระองค์อยู่

ให้มีส่วนคอที่ยาวขึ้น
เพื่อจะได้ยืดคอเก็บกินยอดไม้บนต้นสูงๆได้

ให้มีขนาดลำตัวที่เล็กลง
จะได้มีน้ำหนักตัวลดลง
เพื่อจะลดปริมาณในการกินยอดไม้ให้น้อยลง

ให้มีขนาดขาหน้าสั้นลงไม่เกะกะ
จะได้ยืดตัวขึ้นในทางสูงได้

นอกจากนั้น
พระองค์ยังทรงสร้างไดโนเสาร์
ให้มีเครื่องยนต์แห่งกรรมที่แตกต่างจากเดิม
คือ มีตัวตนที่เล็กลงและมีปีกสองข้าง
ที่สามารถจะบินไปในอากาศ
เพื่อกัดกินยอดไม้บนต้นสูงๆได้ด้วย

โดยทรงได้แรงบันดาลใจมาจาก
การเคลื่อนที่เดินทางของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ที่เดินทางไปในสนามพลังงานได้
ด้วยพลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์

พระองค์จึงทรงติดปีกให้ไดโนเสาร์ตัวเล็กๆ
ที่เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมด้านกายหยาบ
มีปีกบินได้โดยเพิ่มขีดความสามารถการบิน
ให้แก่จิตวิญญาณของไดโนเสาร์
ด้วยพลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์นั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เมื่อศึกษาพระเจ้าแล้ว
ท่านจะเรียนรู้ความจริงได้เองว่า
นิสัยการเรียนรู้ของพวกท่านที่เป็นธรรมชาติ
ที่กล่าวขานกันอยู่เสมอมาว่า

ไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยพบเจอปัญหา
ไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยทำผิดพลาด
เพราะสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง

ปัญหาทุกปัญหามีไว้เพื่อแก้ไขมิได้มีไว้กลุ้ม
ปัญหาทุกปัญหาช่วยยกระดับการใช้ปัญญา
มิใช่เป็นที่มาของความทุกข์ระทม เป็นต้น

พวกท่านเป็นบุตรของพระเจ้า
ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นหรอกท่าน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31/05/2021