24 ตุลาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 24/10/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ในความเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้

มีวันสำคัญของตนเอง

อยู่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

ที่ตนเองควรให้ความสำคัญ

เช่น วันเกิด วันโกน วันแต่ง และวันตาย

 

ตัวอย่างเช่น...

วันที่ 23 ตุลาคม คือ วันนี้ในภพชาตินี้

ก็เป็นวันคล้ายวันเกิด

ของเครื่องยนต์แห่งกรรมของเรา

ท่านทั้งหลายที่รักเรา

ก็ส่งการ์ดอวยพร

พร้อมของที่ระลึกน่ารักๆมาให้ก็มี

ส่งคำอำนวยพรให้ทางไลน์บ้าง

ส่งให้ผ่านมาทางห้องเรียนนี้บ้าง

 

ทั้งคำอำนวยพรที่ดีๆ

คำกล่าวที่ไพเราะ

บวกกับความจริงใจและความรัก

ที่ท่านทั้งหลายส่งให้แก่เรารวมๆกันแล้ว

มันทำให้เราและจิตวิญญาณของเรา

รู้สึกปิติเบิกบานและมีความสุขยิ่ง

 

อีกทั้งยังช่วยให้เรามีพลังใจเพิ่มขึ้น

ในอันที่จะช่วยแกะแงะแซะประดาลูกแกะ

คือพี่ๆน้องๆทั้งหลายที่ยังยึดติดอยู่กับโลก

จนหลุดพ้นกลับบ้านทางจิตวิญญาณไม่ได้

โดยไม่รู้ตัวไม่รู้สติไม่รู้ตื่นกันมานานแล้ว

ให้เกิดสติทางวิญญาณแล้วรีบก้าวตามเรามา

แทนที่จะหลับตาเดินตามคนนำทางตาบอดอีก

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ในวันครบรอบวันเกิดของเราและท่านนั้น

มันสื่อถึงอะไรๆที่เราๆท่านๆจักต้องจดจำ

มันสื่อถึงอะไรๆที่เราๆท่านๆจักต้องระลึกถึง

โดยเฉพาะสิ่งที่เมื่อจำได้และระลึกถึงแล้ว

ทำให้ตนเองมีความสุขสดชื่นขึ้นมาได้

ก็นับเป็นสิ่งที่ดีๆ

 

เราจึงจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

สิ่งอันควรจดจำและระลึกถึง

เมื่อครบรอบวันคล้ายวันเกิดแห่งปีมีดังนี้

 

1. นึกถึง "ประสบการณ์" ดีๆในรอบปีที่ผ่านมา

ทั้งสิ่งดีๆที่ตัวท่านเองเป็นผู้กระทำ

และสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตของท่าน

ถ้านึกถึงสิ่งดีๆได้มากเท่าไหร่

ท่านก็จะเกิดความปิติสุขมากเท่านั้น

 

ดังนั้น

การที่ท่านระลึกนึกถึงสิ่งดีๆของตนในรอบปี

มันจึงไม่ต่างจากการส่งความสุขให้ตนเอง

ที่เป็นเรื่องจริงมิใช่เพ้อฝันหรือจินตนาการ

 

ไม่เหมือนกับคำอวยพรหรูๆจากการ์ด

ที่เต็มไปด้วยคำอธิษฐานเพื่อการสานฝัน

ซึ่งคนที่เขารักท่านหยิบยื่นมาให้

ที่เต็มไปด้วย "ความปรารถนา" ของผู้ให้

แม้จะทำให้ผู้รับเช่นท่านอ่านแล้วมีความสุข

แต่มันก็ยังมิใช่ความจริงที่จับต้องได้

 

2. นึกถึงการเฉลิมฉลอง

ส่วนใหญ่ก็จะจัดงานรื่นเริงแสดงความดีใจ

ที่ตนเองมีอายุขัยผ่านเพิ่มมาอีกขวบปีแล้ว

แปลว่ามีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นอีกปีหนึ่งนั่นเอง

ไม่ว่าจะจัดงานเองแล้วชักชวนเพื่อนพ้องน้องพี่

รวมทั้งญาติพี่น้องมาร่วมแสดงความยินดีด้วย

หรือพรรคพวกเพื่อนฝูงจัดเลี้ยงเฉลิมฉลองให้

เป้าหมายก็คือ "แสดงความยินดี"

 

3. นึกถึงการทำบุญตามประเพณี

ก็จัดพิธีทำบุญวันเกิดให้ตนเองที่วัดหรือที่บ้าน

เป้าหมายที่สำคัญก็คือต้องการสร้างบุญกุศล

และต้องการรับพรจากผู้ทรงศีลหรือนักบวช

เพราะเชื่อว่าถ้าทำเช่นนี้แล้ว

จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นกว่าปีเก่าและมีอายุขัยยืนยาว

 

4. นึกถึงการท่องเที่ยวเดินทางกับครอบครัว

เพื่อเป็นการให้รางวัลตนเอง

จากการเหนื่อยยากตรากตรำทำงานมาขวบปี

จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน

จนแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว

 

จึงใช้โอกาสวันเกิดอันเป็นวันแห่งความสุข

พาตนเองกับครอบครัวท่องเที่ยวดูหนังฟังเพลง

พากันไปทานอาหารที่ตนเองโปรดปราน เป็นต้น

 

5. นึกถึงพ่อแม่บังเกิดเกล้า

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

คนส่วนใหญ่เมื่อถึงวันเกิดของตนเอง

ก็จะนึกถึงแต่สิ่งที่ตนต้องการจะได้

จะนึกถึงแต่สิ่งที่ตนต้องการจะทำกันทั้งนั้น

แต่ไม่เคยมีใครนึกถึงคนที่สำคัญที่สุดของตน

คือพ่อแม่บุรพการีผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่

ผู้ให้ภพชาติใหม่แก่ตนเองเลย

วันเกิดทีหนึ่งก็นึกถึงแต่ความสุขของตัวเอง

นึกถึงแต่การทำอะไรดีๆเพื่อให้รางวัลตนเอง

กี่ปีกี่รอบส่วนใหญ่ก็เป็นประมาณนี้ทั้งนั้น

 

วันหยุดอย่างเป็นทางการ

จึงต้องมีเพิ่มขึ้นอีก 2 วัน

คือ "วันพ่อ" กับ "วันแม่"

 

แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า

คนส่วนใหญ่นึกถึงแต่พ่อหลวงแม่หลวง

ลืมนึกถึงพ่อแม่ตนเองอยู่อย่างเดิม

แม้จะมีอยู่บ้างที่นึกถึงพ่อแม่ของตนด้วย

แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

ส่วนใหญ่จะรู้สึกเฉยๆ

เพราะจัดฉลองจัดกิจกรรมต่างๆ

ในวันพ่อวันแม่จนกลายเป็นประเพณีไป

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ในวันครบรอบวันเกิดของทุกปี

ท่านลองพิจารณาสิ่งที่เราจะกล่าวต่อไปนี้

แล้วให้ถามตนเองดูว่าในทุกวันเกิดของท่าน

ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดในรอบสัปดาห์

หรือว่าวันที่ตรงกับวันที่ในเดือนเกิด

เช่น วันที่ 23 ตุลาคม เป็นต้น

 

ท่านควรจะนึกถึงการฉลองวันเกิดตนเอง

เพื่อให้ตนเองมีความสุขอยู่อย่างเดียว

อย่างในอดีตที่ผ่านมา

โดยละวางผู้ที่ทำให้ท่านเกิดมาอีกหรือไม่

 

10 คำถามชวนคิดของเรามีดังนี้

 

1. พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดกายสังขารลูก

2. พ่อแม่เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ลูกน้อย

3. พ่อแม่เป็นผู้ให้ความรอดแก่ลูก

4. พ่อแม่เป็นผู้ให้ความรักลูก

5. พ่อแม่เป็นผู้ให้บุคลิกภาพแก่ลูก

6. พ่อแม่เป็นผู้ให้อาหารบริโภคแก่ลูก

7. พ่อแม่เป็นผู้ให้อนาคตและโอกาสแก่ลูก

8. พ่อแม่เป็นผู้ให้คำปรึกษาหารือ

9. พ่อแม่เป็นผู้ให้ความคิดความรู้และแบบอย่าง

10. พ่อแม่เป็นที่พึ่งทั้งทางกายและใจ

 

ท่านลองตรึกตรองดูทีละข้อๆ

เพื่อตรวจสอบทัศนคติตนเองที่มีต่อพ่อแม่

ว่ามีประการใดขาดพร่องหรือไม่อย่างไร

ผู้ให้กำเนิดชีวิตกับกายสังขารท่าน

มีความสำคัญต่อลูกเช่นท่านขนาดไหน

ผู้บังเกิดเกล้ามีพระคุณเกินที่จะกล่าวจริงมั้ย

 

แล้วตั้งแต่เกิดจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน

ท่านมองว่าพ่อแม่ของท่านนั้น

ไม่ว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม

มีความสำคัญกับลูกเช่นท่านหรือไม่

ท่านปฏิบัติต่อพ่อแม่เป็นอย่างดีเพียงใด

 

ท่านรู้สึกเสียใจบ้างมั้ยเมื่อพบว่า

ตลอดเวลาที่ผ่านมาตราบทุกวันนี้

ท่านรักพ่อแม่และปฏิบัติต่อพ่อแม่ขาดพร่อง

จนแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่น้อยไป

 

ยิ่งแยกบ้านแยกเรือนจากพ่อแม่แล้ว

ชีวิตประจำวันของท่านก็มุ่งอยู่กับงาน

ยุ่งอยู่กับธุรกิจการค้า

ยุ่งอยู่กับการแสวงหาความมั่นคงมั่งคั่งแห่งตน

ไม่ชิดใกล้ไม่เห็นหน้าอยู่นานครัน

ยังผลให้ท่าน #ลืม คนสองคน

คือ "พ่อพระ" กับ "แม่พระ" ไปจากความทรงจำ

นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

เราเคยกล่าวต่อท่านทั้งหลายมาแล้วว่า

คนที่ท่านควรรักให้มากๆมีอยู่ไม่กี่คนนะ

 

คนแรก คือ กายสังขารที่เป็นตัวท่านเอง

ลำดับสอง คือ จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเอง

ลำดับที่สาม คือ พ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้า

 

วันนี้เราคิดว่าถึงเวลาแล้ว

ที่เราจะเพิ่มผู้ที่ท่านสมควรต้องรัก

และรักให้มากที่สุดกว่าทั้งสามที่กล่าวมาอีกด้วย

นั่นคือ ท่านต้องรักพระบิดา

ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านเอง

 

เพราะถ้าไม่มีพระองค์เป็นผู้ให้กำเนิด

จิตวิญญาณที่เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านก็ไม่มี

เมื่อจิตวิญญาณของท่านไม่มี

ก็ไม่มีใครมาเกิดเป็นกุมารน้อยในครรภ์แม่

เมื่อไม่มีกุมารน้อยในครรภ์แม่

ตัวท่านเองก็หมดโอกาสที่จะเกิดเป็นมนุษย์

 

ดังนั้น

เมื่อรักพ่อแม่ทางโลกของท่าน

เป็นดั่งพระอรหันต์ในบ้านแล้ว

ท่านก็สมควรต้องรักพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

เป็นดั่ง "พระผู้เป็นเจ้า" ในแดนสุญตาด้วย

 

ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดของท่านหรือวันใดๆ

ทุกลมหายใจเข้าออกของลูกเช่นท่าน

ท่านจักต้องรู้ว่า "ลมหายใจ" กับ "ปราณ"

ที่ท่านสูดเข้าไปและเคลื่อนไหลอยู่ในกาย

มันคือลมหายใจอันเป็นพลังทางกายภาพ

และเป็นปราณอันเป็นพลังชีวิตด้านแก่นแท้

ที่ส่งผ่านมาจาก "องค์จิตจักรวาล"

พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของท่านทั้งหลาย

ที่สายสะดือสวรรค์ หรือ "สายทอง" นั้น

สองตาเนื้อท่านมิอาจแลเห็นได้

 

ที่เรากล่าวนี้เป็นความจริง

ใครจะนับถือศาสนาใดไม่สำคัญ

เพราะพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ซึ่งเป็นพระเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง

เป็นพระองค์เดียวกันทั้งนั้น

ทุกสรรพสิ่งทุกคนทุกชนเผ่าดาว

มีพระเจ้าพระองค์เดียวกัน...

 

วันเกิดเรา 23 ตุลาคมที่ผ่านมา

ท่านแสดงความรักต่อเรา

ทำให้เรามีความสุขอย่างยิ่ง

แต่อย่าลืม...แสดงความรักต่อพระองค์ด้วย

ถ้าไม่มีพระองค์ก็ไม่มีท่าน ไม่มีเรา

ไม่มีใคร และไม่มีอะไรทั้งนั้น

 

ด้วยความรักทุกท่านที่อำนวยพรให้เรา

จึงกราบทูลขอพระบิดาทรงเมตตา

โปรดอวยพรอันประเสริฐให้ทุกท่าน

ที่อวยพรเรามาด้วยเช่นเดียวกัน

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

24-10-2019