27 เมษายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 27/04/2021


สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตัวตนแก่นแท้ของท่านผู้มาเกิดเป็นมนุษย์
ก็คือรูปธรรมทางพลังงานที่เรียกว่า จิตวิญญาณ
เมื่อเข้ามาปฏิสนธิทางวิญญาณกับกายสังขาร
ตัวตนแก่นแท้ของท่านจะแบ่งภาคตนเองออกมา
เป็นกลุ่มพลังงานที่เรียกว่า จิตหยาบ
เพื่อมอบอำนาจให้ "จิตหยาบ" ทำหน้าที่แทนท่าน
ในขณะมีภพชาติเป็นรูปธรรมมนุษย์ชายหญิง
หน้าที่ของ "จิตหยาบ" ก็คือ
ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ให้เกิดการสั่นสะเทือนเป็นการกระทำในสองมิติ
คือ มิติของจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้เอง
กับมิติของกายหยาบในด้านของกายสังขารคู่กัน
โดยทุกๆการกระทำจะต้องสอดคล้องกัน
กับความต้องการทางจิตวิญญาณของท่านเอง
ท่านทั้งหลายจงอย่าสับสนว่า
ทำไมจิตหยาบของท่านจึงรู้สึกในความเป็นตัวกู
ทำไมจิตหยาบจึงสำนึกรู้อยู่ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของกู
ถ้าเราบอกท่านว่าจิตหยาบของท่านขณะเป็นมนุษย์
มิใช่ "จิตวิญญาณ" ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของท่าน
เราจะบอกความจริงให้ท่านรู้ว่า
เมื่อจิตวิญญาณคือตัวตนแก่นแท้ของท่านเอง
ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์ในทุกภพชาติ
การแบ่งภาคตนเองออกมาเป็น 2 จิตดังกล่าวนี้
พระผู้สร้างทรงออกแบบกำหนดไว้เช่นนี้เสมอ
ในการมอบหมายให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนนั้น
พระบิดาได้ทรงมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนด้วย
อำนาจที่จิตหยาบได้รับในฐานะผู้รับมอบอำนาจ
จากจิตวิญญาณก็คือตัวจริงของท่านเองมีดังนี้
1.อำนาจแห่งการสำนึกรู้ว่าเป็นตัวกูของกู
2.อำนาจแห่งการสำนึกรู้ในการมีอยู่ของตัวกู
3.อำนาจในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
เพื่อแสดงออกและกระทำในบทบาท คนสองมิติ
4.อำนาจในการปฏิบัติภารกิจทางจิตวิญญาณแทน
ตามที่แก่นแท้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาทำให้ลุล่วง
นั่นคือการมอบความรักให้โลกและทุกสรรพสิ่ง
5.มีหน้าที่ปฏิบัติตาม พันธะสัญญา_6
ตามที่จิตวิญญาณได้ให้สัจจะไว้กับพระบิดาว่า
ถ้าได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้แล้ว
จะปฏิบัติตามพันธะสัญญา 6 โดยมิให้ขาดพร่อง
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ท่านจึงต้องรู้ว่า
เพราะอำนาจที่จิตหยาบผู้เป็นตัวแทนจิตวิญญาณ
ได้รับมอบหมายมาตามที่ระบุไว้ในข้อ 1 และ 2 นั้น
มันจึงยังผลให้ "จิตหยาบ" ที่เป็นเพียงแค่ "ตัวแทน"
แต่กลับมีสำนึกในความเป็นตัวกูของกูอย่างชัดเจน
และมีสำนึกในการมีอยู่ของตัวเองอย่างเต็มร้อย
ดังนั้น
ตั้งแต่อดีตกาลนับพันปีที่ผ่านมา
ความจริงที่พระบิดาในฐานะแห่งพระผู้สร้าง
ผู้ทรงออกแบบสิ่งที่เราเปิดเผยต่อท่านเหล่านี้
จึงเป็นความลับเบื้องหลังจิตวิญญาณตลอดมา
เพราะมันเป็นสัจธรรมความจริงที่ไม่มีใครรู้เองได้
มีแต่องค์จิตจักรวาลพระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง
ซึ่งทรงสถิตย์ประทับอยู่นอกอนันตจักรวาล
ที่เป็น "ห้องทดลอง" ของพระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้
สัจธรรมความจริงเหล่านี้
จึงเป็นสัจธรรมระดับ อนุตรธรรม ล้วนๆ
ที่พระศาสดาของท่านทั้งหลายผู้เกิดจากโลกเอง
ไม่สามารถใช้ปัญญาจากสมองสองซีกเข้าถึงได้
จึงไม่มีพระองค์ใดเคยกล่าวให้พวกท่านรู้
อย่างเช่นพวกท่านไม่เคยรู้ว่า
ท่านมีจิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ในทุกภพชาติที่มาเกิดกายเป็นมนุษย์
โดยท่านเข้าใจว่าผู้มาเกิดคือจิตวิญญาณ
ผู้ดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์ก็คือจิตวิญญาณ
ผู้ที่ตายเมื่อสิ้นอายุขัยก็คือจิตวิญญาณ
ผู้ลงนรกตกสวรรค์ก็คือจิตวิญญาณ
ผู้กลับมาเกิดภพชาติใหม่ก็คือจิตวิญญาณ
ท่านเห็นหรือไม่ว่าใน 5 บรรทัดข้างบนนั้น
ท่านเข้าใจผิดไปตั้งแต่สามบรรทัดแรกแล้ว
ถ้าหากเราปล่อยให้พวกท่านยังเข้าใจผิดกันอยู่
สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกท่านทุกคนทุกชนชาติ
ผู้เป็นฝูงแกะของพระผู้เป็นเจ้า
หรือท่านทั้งหลายผู้ที่เป็นดั่งเจ้าสาวของเราก็คือ
1.พวกท่านจะพากันหลงทางนิพพาน
เพราะคิดว่าการบรรลุเป็นพระอรหันต์นั้น
มันคือ การนิพพาน ของจิตวิญญาณแล้ว
2.พวกท่านจะพากันเข้าใจผิดว่า
การดับกิเลสเวทนาหรือดับกองทุกข์จนสำเร็จ
มันคือการนิพพานของจิตวิญญาณ
ทั้งๆที่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของจิตหยาบ
ที่จิตวิญญาณเป็นแค่ผู้รับผลการกระทำเท่านั้น
3.พวกท่านจะไม่รู้ว่า
การนิพพานของจิตหยาบขณะเป็นมนุษย์นั้น
มันจะทำให้แก่นแท้คือจิตวิญญาณของท่าน
ผู้มอบอำนาจให้จิตหยาบทำหน้าที่แทน
ได้รับผลการกระทำของจิตหยาบนั้นเท่านั้น
นั่นคือจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะว่างไปจากกิเลส เวทนา ราคะ อารมณ์ขยะ
จนเข้าถึงการสั่นสะเทือนเป็นความรักบริสุทธิ์
มอบให้โลกและทุกสรรพสิ่งได้เสียที
อีกทั้งจิตวิญญาณก็จะอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้
และจะว่างไปจากการมีสังสารวัฏได้อีกด้วย
แต่เราจะบอกความจริงต่อท่านว่า
การนิพพานของจิตหยาบนี้
มันจักต้องบรรลุผลตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ตายนะ
มิใช่ตายแล้วหลุดลอยไปค้างอยู่บนสวรรค์มายา
แล้วโมเมว่าเมื่อท่านดับทุกข์ได้สิ้นเชิงแล้ว
แสดงว่าตัวตนของท่านแม้จะมีก็เหมือนไม่มีแล้ว
เพราะไม่มี "ใครทุกข์" คือ ตัวทุกข์ไม่มี
จิตวิญญาณของท่านจึงดับสูญแล้ว
อย่างที่คนนำทางตาบอดพาหลงทางกันอยู่
เมื่อจิตหยาบนิพพาน "ขยะ" จนสิ้นแล้ว
จิตหยาบของท่านก็จะเป็นหนึ่งเดียวกัน
กับจิตวิญญาณแก่นแท้ได้อย่างสง่างาม
การปฏิบัติภารกิจของจิตวิญญาณคือตัวท่านเอง
มันจึงจะเริ่มต้นที่จะทำพร้อมที่จะทำกัน ณ บัดนั้น
เพราะไม่มีหน้าที่ต้องตายแล้ว
เพราะไม่มีหน้าที่ต้องตกนรกอีกแล้ว
เพราะไม่ต้องตายเพื่อเกิดใหม่ตามกฎแห่งกรรมแล้ว
เพราะจิตหยาบนิพพานกองทุกข์สิ้นแล้ว
เพราะจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณแล้ว
เมื่อทำหน้าที่ของจิตวิญญาณได้แล้ว
ถ้าพวกท่านปรารถนาจะนำพาจิตวิญญาณ
"หลุดพ้น" ออกไปจากอนันตจักรวาล
เพื่อย้อนคืนกลับบ้านยังแดนสุญตา
ท่านก็สามารถร้องขอต่อพระบิดาได้ทุกเมื่อ
หรือจะมีอายุขัยยืนยาวนานแค่ไหนก็ได้
เพราะผู้ที่มีกายใจบริสุทธิ์ผุดผ่องใสแล้ว
จะมีแต่ชีวิตที่เป็นอมตะเท่านั้น
เพราะจิตหยาบในทุกภพชาติเหลวไหล
จึงทำให้จิตวิญญาณคือตัวท่านเองล้มเหลว
จงมีสติทางวิญญาณด้วยการตื่นแจ้งกันเสียที
นี่โลกและพวกท่านสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
พระบิดาทรงเร่งปฏิบัติการชำระโลกอยู่
เชื้อโรคร้ายยังไม่ทันจางหาย
ภัยพิบัติรุนแรงก็กำลังจะถูกส่งเข้ามา
เวลาของท่านทั้งหลายในการมีสำนึก
เหลือน้อยลงไปทุกวันๆ
จงอย่ามองข้ามผ่านความรักจากพระบิดา
ที่ทรงเมตตาส่งผ่านมาทางเรา
ห้องเรียนก็ไม่เข้า เข้าเรียนก็ไม่ตั้งใจ
พระคัมภีร์มีไว้ก็ไม่ค่อยจะอ่าน
จงอย่ามองเราข้ามผ่าน
เหมือนการมองเห็นขี้หมาแห้งก้อนหนึ่งเลย
ถ้าวันหนึ่งเกิดความวิบัติต่อท่านหรือญาติพี่น้อง
แล้วเพิ่งสำนึกรู้ว่าขี้หมาแห้งก้อนนี้มันกินแก้วิบัติได้
จึงค่อยหันมาหยิบมากลืนฝืนกินเพราะกลัวตาย
ท่านทั้งหลายคิดว่าก้อนขี้หมานั้นมันจะศักดิ์สิทธิ์
จนช่วยชีวิตท่านมิให้วิบัติเพราะอับจนแล้วได้หรือไม่
ท่านทั้งหลายจักต้องตระหนักรู้กันไว้ด้วยว่า
คุณค่าของเรากับพระโอวาทพระบิดา
จะเป็นเพียงแค่ก้อนขี้หมาแห้งก้อนหนึ่งเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ขาดความเชื่อและขาดความศรัทธา
ด้วยปัญญาและความจริงใจ
กราบพระบาทพระบิดา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24/04/2021