สนทนาประสาจิตจักวาล
20/04/2021
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การที่คนนำทางตาบอดตอกสลักความเชื่อ
แก่ท่านทั้งหลายเรื่องของ นิพพาน เอาไว้ว่า
หมายถึงการ ดับอัตตา ตัวตนของตนได้สิ้น
เมื่อทำให้จิตวิญญาณของตนไม่มีตัวตนแล้ว
จึงเชื่อว่ามันก็คือการตายทางจิตวิญญาณนั่นเอง
ดังนั้น
เมื่อเชื่อว่าจิตวิญญาณของตนตายไปแล้ว
จิตวิญญาณของตนก็ย่อมไร้ซึ่งตัวตน
เมื่อไร้ตัวตนก็ไม่มีจิตวิญญาณที่จะต้องทุกข์อีก
พวกเขาจึงสรุปกันดื้อๆว่าสภาวะเช่นนี้นั้น
แสดงว่า จิตวิญญาณนิพพานแล้ว
เมื่อตั้งโจทย์เอาไว้ผิดตั้งแต่แรก
โดยตีความว่าจิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์
แล้วติดอยู่ในสังสารวัฏนั้นเป็นความทุกข์อย่างยิ่ง
พวกเขาจึงจับเอาตัวทุกข์กับเหตุแห่งทุกข์
มาเป็น "จำเลย" ที่จะต้องพิพากษาประหาร
วิธีประหารทุกข์กับสังสารวัฏของพวกเขาก็คือ
การ "กำจัด" เหตุที่มาแห่งทุกข์และสังสารวัฏ
จนพวกเขาพบว่าเหตุแห่งทุกข์ก็คือ กิเลส
ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดตัณหา ราคะ อารมณ์ขยะ
ซึ่งทำให้จิตไม่สงบหรือเกิดทุกข์ทั้งสิ้น
เมื่อพวกเขาคนนำทางตาบอดเชื่ออย่างนี้
แนวทางการปฏิบัติธรรมของพวกเขา
จึงมุ่งหาหนทางดับกิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์
จนสามารถเอาชนะกิเลสได้ละวางได้ในระดับหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่มาของการนิพพานเทียมเท็จ
เพราะ "หลงผิด" คิดว่าตนเองดับอัตตาได้สิ้น
ตามที่เรากล่าวมาแล้วตั้งแต่ต้นของบทเรียนนี้
ทั้งๆที่การมีสำนึกรู้ว่าตนยังมีตนเองอยู่นั้น
ท่านไม่มีวันที่จะถอดรหัสนี้ทิ้งไปจากจิตได้
นอกจากนั้นจิตวิญญาณของมนุษย์เป็นกล่องพลังงาน
ยังไงๆก็ไม่สามารถที่จะดับสูญหรือดับหายไปไหนได้
ท่านลองใช้สติปัญญาตรองดูเถิดว่า
สิ่งที่ท่านดับมันจนหายไปได้ก็คือ "กิเลส" กับบริวาร
ถ้าดับได้จนสิ้นเชื้อเลยแสดงว่ากิเลสนั้นดับสูญ
เมื่อท่านดับสูญกิเลสได้จริงแสดงว่า
สิ่งที่นิพพานแท้จริงนั้นมันคือคือกิเลสต่างหาก
กิเลสที่เป็นคุณสมบัติของจิตนั่นแหละ
แสดงว่าท่านนั้นนิพพานกิเลส
ท่านนิพพานสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์เท่านั้น
จิตวิญญาณของท่านไปเกี่ยวข้องกับขั้นตอนนี้
จนไม่มี "ตัวตน" อีกแล้วที่ตรงไหน
ใครมีปัญญาก็ลองคิดพิจารณาเอาเถิดว่า
จริงหรือ...
ถ้าท่านสามารถละวางความโลภได้สิ้น
แล้วตีความว่า "ตัวตน" ของท่านนั้นไม่มีแล้ว
เพราะท่านไม่มีใครที่เป็นผู้โลภอีกต่อไปแล้ว
จริงหรือ...
ถ้าท่านสามารถละวางความโกรธได้สิ้น
แล้วตีความว่า "ตัวตน" ของท่านนั้นไม่มีแล้ว
เพราะท่านไม่มีใครที่เป็นผู้โกรธอีกต่อไปแล้ว
จริงหรือ...
ถ้าท่านสามารถละวางความหลงงมงายได้สิ้น
แล้วตีความว่า "ตัวตน" ของท่านนั้นไม่มีแล้ว
เพราะท่านไม่มีใครที่เป็นผู้หลงงมงายอีกต่อไปแล้ว
ความโลภ ความโกรธ ความงมงายลุ่มหลง
มันเป็นคุณสมบัติที่เป็นขยะของจิตมนุษย์
การที่ท่านสามารถละวางมันลงได้หรือดับมันได้
มันยังผลให้จิตวิญญาณของท่านทั้งหลายนั้น
ต้อง "ดับหาย" ไร้ตัวตนจนถึงขั้นนิพพานด้วยหรือ
ตกลงแล้วพวกท่านต้องการหยุดการมีสังสารวัฏ
และมีความต้องการที่จะพ้นไปจากทุกข์
ด้วยการทำให้จิตวิญญาณของท่าน "ดับสูญ"
เพื่อทำให้จิตวิญญาณไร้ตัวตนจากมีเป็นไม่มี
ที่เรียกปฏิบัติการนี้ว่า "นิพพาน" กระนั้นหรือ
เพราะปฏิบัติการของพวกท่านนั้น
เป็นเพียงวิธีการนิพพานกิเลสเท่านั้น
ไม่ต่างจากตอนที่ท่านปฏิบัติกรรมฐานสมาธิ
ท่านก็พยายามฝึกจิตไม่ให้อะไรกับอะไร
ที่มันผุดโผล่ขึ้นมาในจิตใจท่านในขณะนั้นๆ
ถ้าท่านไม่อะไรกับอะไรเหล่านั้นจนกั้นกิเลสได้
แสดงว่าจิตของท่านแค่ว่างไปจากกิเลสมิใช่หรือ
การที่จิตของท่านว่างไปจากกิเลสได้แล้ว
จะสรุปเอาว่าจิตของท่านได้ไร้ซึ่งตัวตนด้วยแล้ว
จนเชื่อว่าจิตวิญญาณของท่านเข้าถึงนิพพาน
ตามที่เชื่อกันมานมนานแล้วเช่นนั้นหรือ
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงเอาไว้ท้ายบทเรียนนี้ว่า
ปฏิบัติการดับกิเลสเพื่อดับสังสารวัฏทั้งหมดนั้น
เป็นปฏิบัติการของ "จิตหยาบ" หรือ จิตมนุษย์
ซึ่งถูกกำหนดให้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ขณะที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
ตามที่องค์จิตจักรวาลทรงออกแบบไว้เท่านั้น
จิตวิญญาณแก่นแท้ของพวกท่าน
ถูกปิดกั้นมิติกักกันบริเวณไว้ตรงต่อมพิทูอิทารี
ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งจบสิ้นอายุขัย
ทุกสิ่งที่พวกท่านสั่นสะเทือนให้เกิดการกระทำ
ล้วนเป็นเรื่องของ "จิตหยาบ" ทำเองทั้งนั้น
จิตวิญญาณมีหน้าที่รับผลกรรมที่จิตหยาบกระทำ
ไม่ว่าดีหรือชั่วทันทีที่จบสิ้นอายุขัยหรือตายแล้ว
ดังนั้น
การดับทุกข์ได้ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีก
เพราะไปหลงทางนิพพานอยู่บนสวรรค์มายา
ซึ่งจิตวิญญาณมิได้ปรารถนาแต่อย่างใด
แต่ต้องจำรับกรรมที่จิตหยาบกระทำผิดพลาดไว้
มันจึงมิใช่การดับหายไปของจิตวิญญาณ
เพราะรูปธรรมจิตวิญญาณทั้งหลาย
ยังเสวยทุกข์กับการเป็นเทพทิพยสมมติอยู่
ยังมิได้ว้าปหายไปไหนอย่างที่คิด
จิตวิญญาณเพียงแค่ย้ายที่ออกไปจากโลก
เพื่อหลุดลอยไปเกิดบนสวรรค์มายาเท่านั้น
กราบพระบาทพระบิดา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20/04/2021