05 เมษายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 05/04/2021

 สนทนาประสาจิตจักรวาล

05/04/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การที่พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมา
ทำหน้าที่พระบุตรเอกบนดาวโลกเสรีนี้อีกครั้ง
เพื่อ ทำให้คนตายแล้วเป็นขึ้น

ประโยคนี้พระองค์ทรงหมายความว่า
ให้เรากลับมาอีกครั้งเพื่อฉุดช่วยจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของพวกท่านทั้งหลาย
ที่ต้องเวียนเกิดเวียนตายกันมา
คนละนับภพชาติแทบไม่ถ้วนแล้วนั้น
ให้ "เป็นขึ้น" แปลว่าให้จิตวิญญาณของท่าน
ไม่ต้องตายเพื่อการมีภพชาติใหม่กันอีกนั่นเอง

เพราะที่ผ่านมานานกว่าหกหมื่นปีเศษแล้ว
จิตวิญญาณของท่านทั้งหลายนั้น
ต้องตายแล้วเกิดใหม่กันมานับภพชาติไม่ถ้วน
ทำให้พวกท่านคุ้นชินอยู่กับการเกิดตาย
จนมองว่าการตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
ทั้งๆที่การตายของจิตวิญญาณแล้วเกิดใหม่นั้น
มันเป็นเรื่องไม่ปกติต่างหาก

การตายของจิตวิญญาณหมายถึง
การมีอายุขัยในการเกิดเป็นมนุษย์
และการมีสังสารวัฏคือเกิดแก่เจ็บตายนั่นเอง

พระบิดาทรงทราบดีว่า
การตายของจิตวิญญาณ ของมนุษย์นั้น
เกิดจากการปฏิบัติตนไม่ถูกต้องของมนุษย์เอง
จะด้วยความเข้าใจผิดคิดผิดเชื่อผิดหรือหลงผิด
จนเป็นเหตุให้มนุษย์ทุกคนต้องตายก็ตาม
แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะให้เกิดขึ้น

พระองค์จึงมีพระบัญชาให้เรากลับมา
เพื่อกล่าวพระโอวาทในพระนามพระองค์
ให้ได้รู้ความจริงว่าที่จิตวิญญาณของท่านต้องตาย
เพื่อการเกิดใหม่และมีภพชาติใหม่นั้นเพราะอะไร
ถ้าจะไม่ต้องตายท่านจักต้องทำอย่างไร เป็นต้น
ซึ่งหมายถึงการ เป็นขึ้น จากความตายนั่นแหละ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของพวกท่าน
พระบิดาทรงกำหนดสร้างเป็นโครงสร้างทางชีววิทยา
ที่จะสามารถสั่นสะเทือนร่วมกันได้ทั้งสองมิติ
คือมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
กับมิติโลกทางด้านกายภาพคู่ขนานกันไป
โดยทรงสร้างให้มันสามารถเจริญเติบโตได้
ซ่อมแซมตนเองเมื่อยามสึกหรอหรือเสื่อมก็ได้
และให้ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการเหนี่ยวนำ
ขับเคลื่อนการทำงานของเซลและอวัยวะภายใน
ให้อยู่นอกการสั่งการของจิตสำนึกได้

นี่คือความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่พวกท่านต้องรู้ว่า
กายสังขารหรือเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
รวมทั้งจิตวิญญาณแก่นแท้ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์
มิได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อกำหนดให้มีวันตายแต่อย่างใด
การตายของจิตวิญญาณโดยกายสังขารสิ้นชีวิตนั้น
มันจึงเป็นเรื่องที่พระบิดามิทรงปลื้มอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่าการตายของพวกท่าน
มันจึงมิใช่เรื่องที่เป็นปกติธรรมดาอย่างที่คิด
ซึ่งพระบิดาเองผู้ทรงอนุญาตให้พวกท่านมาเกิด
ก็มิได้ทรงปลื้มในสิ่งที่พวกท่านเผชิญกับมันอยู่
เพราะการเวียนว่ายตายเกิดของจิตวิญญาณนั้น
เป็นตัวชี้วัดว่า "จิตหยาบ" ในภพชาตินั้นๆล้มเหลว
มิอาจยกระดับตนเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับแก่นแท้
คือจิตวิญญาณของตนเองได้

จิตวิญญาณจึงต้อง "รีเซ็ท" ตนเองใหม่
ด้วยการทิ้งกายสังขารและจิตหยาบนั้นไป
เพื่อนำจิตวิญญาณของตนที่ป่วยด้วยหลงมิติ
ลงไปบำบัดรักษาอยู่ในนรกจนกว่าจะหาย
แล้วค่อยรับโอกาสให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่
เพื่อใช้ "จิตหยาบ" ในภพชาติใหม่ให้ทำหน้าที่แทน
ด้วยหวังว่าจิตหยาบในภพชาติใหม่จะไม่ล้มเหลวอีก

ถ้าจิตวิญญาณไม่สามารถทำหน้าที่ของตนได้
เพราะจิตหยาบในทุกภพชาติล้มเหลวตลอด
แผนการทดลองของพระบิดาที่ทรงออกแบบไว้
เพื่อให้จิตวิญญาณเดินทางเข้ามาปฏิบัติการนั้น
ก็จัดได้ว่าเกิดความล้มเหลวด้วยเช่นเดียวกัน
ซึ่งพระองค์จะทรงยอมให้เป็นเช่นนั้นต่อไปไม่ได้

ดังนั้น
แผนการส่งพระบุตรเอกเข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน
ในช่วงปลายยุคพลังงานเก่าคือช่วงเวลานี้
จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้ทันก่อนกาลสิ้นยุค
เพื่อรีบเข้ามาช่วยให้จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
ไม่ต้องตายเพื่อการเกิดใหม่กันอีกต่อไป
และให้สามารถ "หลุดพ้น" เพื่อกลับบ้านได้อีกด้วย

ภารกิจหลักที่สำคัญของเราเพื่อพวกท่านก็คือ
การเข้ามาช่วยสร้างสติทางวิญญาณ
ให้แก่จิตหยาบของพวกท่านทั้งหลาย
ให้รู้และเข้าใจสิ่งที่เป็น "อจินไตย" ให้กระจ่าง
ให้รู้และเข้าใจสิ่งที่เดาผิดรู้ผิดอยู่ให้ถูกต้อง
เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจหรือรู้ผิดเชื่อผิด
ในความจริงทั้งหลายเหล่านี้กันมายาวนานนี่เอง
ทำให้จิตวิญญาณล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด

ถ้าจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
ยังไม่อาจปฏิบัติภารกิจตามที่ขันอาสาพระบิดาได้
นั่นเท่ากับว่าล้มเหลวในการเกิดเป็นมนุษย์โดยแท้

สิ่งที่เป็นความจริงระดับอนุตรธรรม
ที่มนุษย์ยกให้เป็นเรื่องของอจินไตยเพราะไม่รู้
กับการเดาส่งเดชแล้วหลงผิดเชื่อผิดกันอยู่
คือภารกิจของเราที่จะเข้ามาทำให้มันกระจ่าง
เหมือนดั่งการพลิกกะลาที่คว่ำครอบพวกท่านไว้
ให้มันหงายขึ้นเพื่อให้พวกท่านได้แลเห็นแสงสว่าง
เพื่อให้ได้สัมผัสกับความจริงที่ไม่เคยรู้ว่าท่านไม่รู้

ทุกวันนี้เรากำลังทำหน้าที่สำคัญนี้อยู่
เพื่อช่วยพวกท่านกลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณให้ได้
เพียงแค่พวกท่านได้รู้และเข้าใจความจริง
ซึ่งเป็นความลับของจิตวิญญาณที่ต้องรู้เท่านั้น

แน่นอนว่ามันจะสำเร็จผลหรือไม่
อยู่ที่ว่าพวกท่านเชื่อมั่นในพระบิดา
ศรัทธาพระบุตรเอกเช่นเรากันหรือไม่
และใส่ใจความจริงที่เรากล่าวกันหรือเปล่า

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5/04/2021