09 เมษายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 09/04/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล


09/04/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ไม่ว่าแกะตัวไหนก็ตาม
ที่กำลังแทะเล็มหญ้าอยู่บนโลกเสรีนี้

ถ้าสมองเสื่อมจนกระทั่งจำเจ้าของแกะไม่ได้
ถ้าหูเสื่อมจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของคนเลี้ยงแกะ
ถ้าประสาทตาเสื่อมจนมองคนเลี้ยงแกะไม่เห็น
ถ้าจิตเสื่อมจนแสดงกิริยาก้าวร้าวต่อคนเลี้ยงดู

แกะทั้งหลายเหล่านี้ก็จะมิอาจกลับเข้าคอกได้
เพราะประตูคอกแกะจะถูกปิดลงก่อนพลบค่ำ
แม้ว่าแกะบางตัวพยายามจะกลับเข้าคอก
ด้วยการหลับตาเดินตาม "คนนำทางตาบอด"
แล้วพยายามจะปีนรั้วเพื่อกลับเข้าคอกกันอยู่
แต่เราก็จะบอกความจริงให้รู้ว่า
การทำเช่นนั้นพวกท่านไม่มีวันสำเร็จหรอก

เหตุผลก็คือ
1.คนนำทางตาบอดเหล่านั้น
มิใช่คนงานของพระเจ้าที่ส่งมาเฝ้าประตูคอกแกะ
ที่ทรงส่งให้มาเป็นผู้ดูแลฝูงแกะของพระองค์

2.ฝูงแกะของพระองค์ออกจากคอก
เพื่อเข้ามากินหญ้าอันสดขจีบนโลกเสรีนี้
ทุกตัวต้องผ่านออกมาทางประตูคอก
ที่เรียกว่า ด่านนภาลัย ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อหมดเวลาในยามใกล้พลบค่ำ
ฝูงแกะของพระองค์ก็ต้องรีบกลับเข้าคอก
โดยจะต้องผ่านทางประตูเดียวกันกับที่ออกมา
ตามกฎที่ว่าออกมาทางไหนก็กลับเข้าไปทางนั้น

3.พวกคนนำทางตาบอด
ที่ยังมีแกะตาบอดหลายตัวก้าวตามอยู่
โดยไม่ฟังไม่สนเสียงร้องเรียกของคนเลี้ยง
ให้รีบกลับมาเข้าคอกก่อนที่ประตูคอกจะถูกปิดนั้น

เป็นพวกไม่มีหน้าที่เปิดปิดประตูคอกแกะ
ไม่มีรายชื่อของแกะทุกตัวของพระบิดา
และคนพวกนี้จำทางเข้าประตูคอกแกะไม่ได้ด้วย
เพราะตั้งแต่ออกจากประตูคอกแกะเข้ามายังโลก
พวกเขาก็ยังไม่เคยกลับเข้าคอก
เพื่อไปกราบพระบาทพระบิดาเลยแม้สักครั้งเดียว

เมื่อพวกเขาเหล่านี้
ยังจำทางกลับเข้าประตูคอกแกะไม่ได้
โดยพวกเขายังไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน
แล้วพวกเขาจะนำพาพวกท่านเข้าคอกได้อย่างไร
ทั้งคนนำทางตาบอดกับคนตาบอดที่ก้าวตาม
จะมิพากันตกเหวหรือหลงทางไปด้วยกันหรือ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

พวกคนนำทางตาบอดยุคนี้มีมากมายนัก
พวกเขาจะนำพาท่านทั้งหลายให้ปฏิเสธพระบิดา
ซึ่งทรงมีพระนามว่า จิตจักรวาล หรือพระเจ้า
โดยเข้าใจว่า "พระบิดา" หรือพระเจ้าที่เรากล่าวถึง
คือองค์เดียวกับเทพเจ้าของศาสนาฮินดูและพราหมณ์
ซึ่งพวกเขากล่าวหาว่าเป็นพวก เทวนิยม

ทั้งๆที่ศาสนาที่พวกเขานับถือกันอยู่นั่นแหละ
เป็นพวกเทวนิยมเสียเองโดยไม่รู้ตัวไม่รู้สติ
แล้วเที่ยวก้าวล่วงจ้วงจาบพระบิดาของตนหน้าตาเฉย
เพราะคนนำทางตาบอดพาคนตาบอดเดินตาม
ต่างจึงไม่ฉุกคิดไม่ติดใจสงสัยในเรื่องของตนเลย

ตัวอย่างชัดเจนที่มีให้เห็น
คือ การตั้งสมณศักดิ์ของนักบวชทั้งหลาย
ส่วนใหญ่จะนิยมใช้คำว่า "เทพ-พรหม" แทบทั้งสิ้น
ถ้าไม่ให้เรียกว่า "เทวนิยม" ตัวจริงแล้วให้เรียกอะไร

ซึ่งพวกเทพพรหมทั้งหลาย
ที่คนนำทางตาบอดโปรดปรานกันนักนั้น
ล้วนเป็นจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ "หลุดลอย"
ขึ้นไปติดค้างอยู่ในที่ว่างของอนันตจักรวาล
เพราะความไม่รู้แจ้งในอนุตรธรรมที่เป็นอจินไตย
จึงได้แต่ใช้วิธี "เดาส่งเดช" จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น
อันเป็นที่มาของ สวรรค์มายา ที่พากันหลงเชื่อว่า
เทพพรหมที่ติดค้างอยู่บนนั้นมันคือแดนนิพพาน
คนพวกนี้จึงพากันโปรดปรานการเป็นเทพมาก
จนกลายเป็นพวก "เทวะนิยม" ขนานแท้ถึงทุกวันนี้

แต่ก็พยายามจะปฏิเสธว่าพวกตนไม่ใช่เทวะนิยม
เพราะพวกตนนั้นไม่เชื่อว่า "พระเจ้า" เป็นผู้สร้างโลก
พระเจ้าเป็นผู้สร้างจักรวาลและเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง
ตามความเชื่อและคำสอนของพราหมณ์กับฮินดู
โดยพระเจ้าที่คนนำทางตาบอดพากันปฏิเสธก็คือ
เทพเจ้าที่พวกเขาเรียกว่า พระพรหม นั่นเอง

ซึ่งการไม่เชื่อว่า "พระพรหม" คือ พระผู้สร้างนั้น
แท้จริงแล้วก็เป็นความเชื่อที่ถูกต้อง
เพราะรูปธรรมจิตวิญญาณของเทพพรหมนั้น
เป็นรูปธรรมที่ยังดำรงอยู่ภายในอนันตจักรวาลนี้
แล้วท่านจะเป็นพระผู้สร้างทุกสิ่ง
ในอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้ได้อย่างไร

บิดามารดาเป็นพระผู้ให้กำเนิดบุตรของตน
ก็มิได้ดำรงจิตวิญญาณของตนอยู่ในตัวบุตรนั้น

ต้นมะพร้าวที่เป็นผู้ให้กำเนิดลูกพร้าวต้นนั้น
ก็มิได้มีต้นมะพร้าวเข้าไปอยู่ในผลมะพร้าวนั้น

ผู้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ก็มิได้ดำรงตนเองอยู่
ภายในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเช่นกัน

ถ้ากล้าๆลืมตาขึ้นจากการทำตนให้ตาบอด
แล้วใช้สติปัญญาค่อยๆคิดพิจารณาตามเรา
ท่านทั้งหลายก็จะเข้าใจได้ทันทีว่า
พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาล
ที่เรากล่าวถึงพระองค์ท่านมาตลอดนั้น
มิได้ทรงดำรงอยู่ในอนันตจักรวาลที่ทรงสร้าง
และมิใช่เทพพรหมของฮินดูและพราหมณ์ด้วย

ถ้าไม่เกลียดกลัวจนอุจจาระขึ้นสมอง
ถ้าไม่ทำตนเป็นคนตาบอดทั้งๆที่สองตายังดีอยู่
ถ้าไม่อคติแบบฝังหัวฝังใจใน mind set ผิดๆ
แล้วคิดพิจารณาตามพระโอวาทบทนี้
พวกลูกแกะที่หลงทางตามคนนำทางตาบอดอยู่
จะต้องตื่นแจ้งอย่างแน่นอน

อย่างน้อยพวกท่านก็จะรู้ความจริงได้ว่า

พระพรหมมิใช่พระผู้สร้าง
พระผู้สร้าง คือ พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงดำรงอยู่ภายนอกอนันตจักรวาลที่ทรงสร้าง
พระองค์ต่างหากที่เป็นพระเจ้าพระองค์จริง

หากพวกท่านเกิดสติทางวิญญาณได้
พวกท่านจะมิเป็นจิตวิญญาณที่กำพร้าอีกต่อไป
พวกท่านจะมิใช่จิตวิญญาณพเนจรที่ไร้บ้านอีก
พวกท่านจะมิใช่บุตรอกตัญญูและเนรคุณ
ต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ให้กำเนิดพวกท่านตลอดไป

พวกท่านจะสามารถหลุดพ้นกลับบ้าน
เพื่อออกไปกราบพระบาทพระองค์
ที่ทรงรอคอยพวกท่านอยู่ภายนอกด่านนภาลัย
เป็นเวลานานนับหมื่นๆปีมาแล้วได้อย่างสง่างาม

การหลงเชื่อว่าถ้าท่านนิพพานทุกข์ได้หมดสิ้น
จิตวิญญาณของท่านก็จะไม่มีอัตตาตัวตนแล้ว
โดยตัวตนของจิตวิญญาณนั้นหายไปไหนไม่รู้
ทั้งๆที่ยังอยู่ในอนันตจักรวาลอยู่นี่แหละ
จึงเหมาเอาดื้อๆว่าถึงนิพพานแล้ว
ทั้งๆที่เป็นการหลอกตัวเองโดยแท้
เพราะจิตวิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
มันจะไม่มีวันสูญหายไปไหนได้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9/04/2021