28 กรกฎาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 28/07/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การปฏิบัติธรรมในเรื่องหล่านี้ คือ
1. ธรรมจักร
2. คนสองมิติ
3. คนตนเองให้เป็นมนุษย์

ทั้ง 3 กรณีที่ว่านี้ เป็นเรื่องเดียวกัน
เป็นกงล้อที่ต้องหมุนไปในทิศทางเดียวกัน
ต้องหมุนไปในทิศทางที่ถูกต้องเท่านั้น คือ

1. #ธรรมจักร
คือ การหมุนวนอายตนะภายนอกทั้งห้า
ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส
เข้าไปหาจิตที่ติดตั้งอยู่ข้างใน
โดยถ่ายทอด "ผัสสะ" จากอายตนะทั้งห้า
เข้าสู่ภายในตรงไปยัง "จิตหยาบ"
เพื่อให้จิตหยาบ "รับรู้" แล้ว "เรียนรู้"

เรียนรู้ว่า "อะไร" เป็น "อะไร" ด้วยปัญญา
เรียนรู้ว่าจะ "รับเอา" หรือ "ไม่รับเอาอะไร"
ด้วยความฉลาดทางจิตปัญญาที่สูงขึ้นไป
ในอันที่จะนำไปสู่การสั่นสะเทือนจิตใจ
เป็น #ความรักความเมตตา ตอบสนอง
เป็นกายกรรม วจีกรรม ที่เหมาะสมดีงาม

ดังนั้น
คำว่า "หมุนวน" คือ การสับเปลี่ยน
เป็นการหมุนเวียนกันใช้อายตนะ
ผัสสะสิ่งเร้าแวดล้อมจากภายนอก
เพื่อส่งข้อมูลเข้าไปหาจิตกับสมอง
ที่ติดตั้งอยู่ข้างใน

ท่านจักต้องเรียนรู้ที่จะรักให้ได้
ให้อภัยตนเองและผู้อื่นให้เป็นเท่านั้น
ถ้าเขาคนนั้นทำตนเป็นเงื่อนไขด้านลบ
ให้ท่านทุกข์ใจ ท้อใจ เบื่อหน่ายหรือไม่ชอบ
ห้ามท่านคิดก้าวล่วงทำร้ายเขาเด็ดขาด

ที่สำคัญคือจะหลบไปปลีกวิเวก
นั่งๆนอนๆหลบมุมจุ้มปุ๊กอยู่คนเดียว
โดยจะไม่ขออะไรกับอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะ #จิตจักรวาล จะถือเป็นการละทิ้งหน้าที่
และท่านจะเสียชาติเกิดฟรีๆไปอีกหนึ่งภพชาติ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

หากท่านสังเกตให้ดีก็จะเห็นความจริงว่า
การหมุนธรรมจักรที่ว่านี้นั้น
มันจะมีลักษณะพิเศษให้ชวนสังเกตก็คือ

1. ท่านจะเป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการเหวี่ยงหมุน
ด้วยการใช้กลไกอายตนะภายนอก
ในช่องทางใดช่องทางหนึ่งในห้าช่องทาง
จับความเคลื่อนไหวเงื่อนไขภายนอกได้
ที่พวกคนนำทางตาบอดเรียกว่าเกิด "ผัสสะ"

2. เมื่ออายตนะภายนอกทั้งห้า
รับผัสสะส่งเข้าไปหาจิตที่อยู่ข้างใน
จนยังผลให้จิตสั่นสะเทือนเป็นการรับรู้
แสดงว่าท่านกำลังหมุนจากข้างนอกเข้าในอยู่

3. เมื่อจิตท่านรับรู้แล้ว
สั่นสะเทือนเป็นความรักเพื่อให้
สั่นสะเทือนเป็นการรักที่จะเรียนรู้อะไรๆ
สั่นสะเทือนเป็นการสนองตอบ
ด้วยความรักเพื่อให้
ด้วยการใช้ปัญญาของสมอง
เพื่อการตอบสนองออกมาภายนอก
เป็นมโนกรรม วจีกรรม หรือ กายกรรม
ที่เป็นพฤติกรรมทางด้านบวกต่อผู้อื่น

นี่ก็บ่งชี้ได้ว่า
ท่านกำลังเหวี่ยงหมุนธรรมจักรจากนอกสู่ใน
เมื่อถึงสุดที่เป็นก้นบึ้งแห่งจิตใจแล้ว
ก็เหวี่ยงหมุนเอา "ความรัก" กับ "ปัญญา"
ออกมาตอบแทนผู้ที่เป็นเงื่อนไขบวกลบให้
ซึ่งมันจะทำให้คนอื่นๆรายรอบตัวท่าน
ได้รับโอกาสหมุนธรรมจักรตามท่านไปด้วย

ดังนั้น
ความหมายของการหมุนธรรมจักรก็คือ
การเหวี่ยงหมุนอายตนะด้วยวิธีธรรมชาติ
เข้าไปหาจิตที่เร้นอยู่ข้างใน

เมื่อจิตสั่นสะเทือนตามเพราะถูกปลุกเร้า
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ตรงความต้องการทางจิตวิญญาณแล้ว
จิตก็จะเหวี่ยงหมุนเอาความรักเพื่อให้
กับความคิดสร้างสรรค์อันแสนฉลาดล้ำ
แสดงออกมาเป็นการกระทำด้านบวกต่อผู้อื่น
ให้เป็นพฤติกรรมเชิงประจักษ์สู่โลกภายนอก
จนเป็นธรรมชาติของท่านเองไปในที่สุด
เพื่อจะชวนให้คนรอบข้างของท่าน
พากันหมุนธรรมจักรตามท่านไปด้วย
แล้วก็หมุนต่อเนื่องไปเรื่อยๆไม่รู้สิ้นสุด

กระบวนการง่ายๆธรรมดาที่ว่านี้แหละท่าน
จึงเป็นที่มาของคำว่า "หมุนธรรมจักร"
คือ การเหวี่ยงหมุนธรรมชาติในตนเอง
ร่วมกันกับคนอื่นๆที่อยู่ในสังคมของท่าน
มิใช่แอบไปนั่งหลับตากำหนดจิตเอาเอง
นั่งหลับตาตามดูจิตตนเองเหมือนตาบอด
ได้แต่สร้างมโนภาพเอาเองอยู่ลำพังคนเดียว
เหมือนจะพยายามไปสวรรค์คนเดียว
ตลอดระยะเวลานับหมื่นๆปีที่ผ่านมา
จนเสียเวลาทางจิตวิญญาณไปเยอะแล้ว

ทั้งหมดที่เรากล่าวมา
เป็นเรื่องปฏิบัติการทางธรรมชาติของทุกคน
ที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันทั้งนั้น
ไม่จำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางเท็คนิก
ที่มันดูจะ #ฝืนธรรมชาติ หรือผิดธรรมชาติ
เข้ามาฝืนจริตปฏิบัติกันด้วยซ้ำไป

แท้จริงแล้วธรรมะเป็นเรื่องง่ายๆ
อะไรที่เข้าใจยากจึงไม่น่าจะใช่ธรรมะ
วอนพวกคนนำทางตาบอดทั้งหลาย
ที่ชอบสร้างวาทะกรรมให้ฟังยากเข้าใจยาก
ให้หยุดสร้างวาทะกรรมอำพรางสัจธรรมเสียเถิด
สร้างกันขึ้นใหม่มากๆจะยิ่งทำให้ชาวบ้านสับสน
จนแยกกันไม่ออกแล้วว่าไหนพระวจนะ
ไหนเป็นแค่วาทะกรรมของคนนำทางตาบอด

เราจะกล่าวถึงเรื่องที่ 2
ในตอนต่อไป

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-07-2019