ตอบคำถาม: #บัว_คนคล่อง
"ยังไม่เข้าใจค่ะ
แล้วทำไมพุทธถึงใช้คำว่า
นิพพาน
กับพระพุทธเจ้า"
#อ้างถึง:
เพราะเรากล่าวว่า
"นิพพาน" กับการ
"หลุดพ้น" ไม่เหมือนกัน
คุณบัวจึงมีคำถามดังกล่าวนี้
Answer:
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สภาวะ "นิพพาน"
นั้นมี 2 ระดับ คือ
1. #นิพพานดิบ
หมายถึง
การมุ่งปฏิบัติธรรม
โดยมีเป้าหมายเพื่อการ
"หนีทุกข์" พ้นทุกข์
ลักษณะอยากจะไปสวรรค์คนเดียว
จึงเน้นการปลีกวิเวกแยกตนเองออกจากสังคม
เพราะมองว่าสังคมเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ของตน
เพราะต้องการดับการมีสังสารวัฏ
เนื่องจากมองว่าการเกิดแก่เจ็บตาย
เป็น "ทุกข์"
อย่างยิ่ง
หากดับการเวียนว่ายตายเกิดในโลกเสรีนี้ได้
ตนเองก็จะพ้นทุกข์
บริบทในการดำเนินชีวิตของท่านเหล่านี้
จึงเน้นที่การทำทุกสิ่งให้ตนเอง
มิพักต้องย้อนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
เพื่อดับการมีภพชาติใหม่ให้ได้
ดังนั้น
สิ่งที่ท่านเหล่านี้เน้นกระทำ
คือ
การพยายามไม่สร้างกรรมใหม่เพิ่ม
ด้วยการครองศีลอย่างเคร่งครัด
จะได้ไม่ก้าวล่วงใครให้เกิดกรรม
จึงเน้นการปลีกวิเวกอยู่คนเดียว
เพื่อการปิดอายตนะทั้งห้าของตนไว้
มิให้มีสิ่งแวดล้อมลอดผ่านเข้าไปกระทบจิต
เพื่อฝึกสอนจิตตนเองให้รู้จักความสงบ
เน้นการสวดมนต์
เพื่อฝึกจิตให้สงบและมีสมาธิ
เน้นการปฏิบัติกรรมฐานสมาธิ
ให้เข้าถึงพลังจิตจากสมถะกรรมฐาน
ให้เข้าถึงปัญญาจากวิปัสนากรรมฐาน
นอกจากนั้นก็ฝึกการแผ่เมตตา
ฝึกการให้ทานอธิษฐานภาวนา
เพื่อสอนจิตให้สั่นสะเทือนด้านบวกไว้
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
มรรควิถีหนีทุกข์
โดยอ้างว่าจะดับทุกข์มุ่งให้ตนพ้นทุกข์
ตามบริบทที่เรากล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้น
จึงยังผลให้
"กรรมใหม่" เกิดขึ้นน้อย
หรืออาจไม่เกิดกรรมใหม่เพิ่ม
แต่ทว่า
"ผลกรรมเก่า" ที่จิตวิญญาณ
ถือติดตัวมาเกิดในภพชาตินี้มันจึงยังมีอยู่ครบ
ดังนั้น
เมื่อตายแล้ว
จิตวิญญาณจึงยังมีกรรมเก่าเหลืออยู่อีก
ยังผลให้น้ำหนักมวลของจิตวิญญาณ
ยังคงมากกว่าภพชาติแรกที่บริสุทธิ์อยู่
จิตวิญญาณของท่านเหล่านี้
จึงถูกแรงดึงดูดของโลกเหนี่ยวรั้งเอาไว้
มิให้ออกไปจากโลกและอนันตจักรวาลได้
ท่านเหล่านี้จึงทำได้แค่
จิตวิญญาณ
"หลุดลอย"
ไปติดค้างอยู่ในแดนเทพ
พรหม
ซึ่งเป็นสวรรค์มายาแทน
โดยไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อ
ได้แต่รอให้ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆเท่านั้น
ขึ้นไปลอยค้างอยู่นานเป็นล้านโกฏปี
ก็ยังไม่รู้ว่าปลายทางสุดท้าย
จะไปถึงไหน
หรือจะไปที่ไหน
ความมีตัวกู
ของกู และทำเพื่อกูเอง
ล้วนยังเป็นคุณสมบัติทางจิตอยู่ครบถ้วน
จิตจึงยังมิอาจเข้าถึงสภาวะแห่งสุญตา
อันเป็นคุณสมบัติสำคัญ
ของผู้หลุดพ้นได้เลย
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เนื่องจากเป้าหมายการปฏิบัติธรรม
ยังมุ่งที่ดับการเวียนว่ายตายเกิดของแก่นแท้
ยังมุ่งที่จะปฏิเสธการเกิดใหม่มีภพชาติใหม่
ยังมิได้ใส่ใจที่จะนำพาจิตวิญญาณ
ให้หลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาล
เพื่อคืนกลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณ
จึงยังผลให้ท่านเหล่านี้มิอาจหลุดพ้นได้จริง
เพราะขาดสัจธรรมระดับอนุตรธรรม
ที่พระศาสดาซึ่งตนยึดติดมิได้กล่าวสอนไว้
พระองค์เพียงแต่แสดงให้ผู้มีปัญญาดูไว้ว่า
"นิพพานแท้จริง"
ที่พระองค์ทรงดำเนินไป
คือ
ทางหลุดพ้นที่เรากล่าวนี้ไปทางใด
ลักษณะนี้แหละเป็นนิพพานดิบ
ที่เราจะกล่าววิเคราะห์ให้ท่านเรียนรู้
สำหรับผู้เปิดกว้างได้เกิดสติและปัญญา
2. #นิพพานสุก แปลว่า
"ถึงที่สุดแห่งการดับสูญ" แล้ว
โดยดับสังสารวัฏได้ขณะที่ยังเป็นมนุษย์
ไม่ใช่ก้าวไปตามเส้นทางสวรรค์มายา
คุณสมบัติสำคัญของ
"นิพพานสุก"
คือ
ท่านต้องเป็นผู้ว่างจากชะตากรรม
ว่างจากกิเลสตัณหาราคะ
ว่างจากการยึดติดอัตตาตัวกูของกู
ว่างจากการมีอุปาทานหลงผิดทั้งปวง
นอกจากนั้นท่านยังต้องเข้าถึงอนุตรธรรม
ที่พระบุตรเอกเท่านั้นที่จะกล่าวให้ท่านรู้ได้
โดยท่านต้องเป็นผู้รู้ว่าตนเองเป็นใคร
ตนเองมาจากไหน
มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
ได้รับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
ท่านมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างบนโลกเสรีนี้
พระพุทธองค์ทรงทราบตอนตรัสรู้แล้วว่า
พระองค์มาจุติเป็นมนุษย์
เพื่อ #หมุนธรรมจักรแทนกรรมจักร
มนุษย์ทุกคนมีหน้าที่ที่ว่านี้ทั้งสิ้น
ทรงแสดงธรรมต่อปัญจวัคคีย์ไว้แบบนี้
ทั้งยังตรัสไว้ว่า
"เราคือโลก โลกคือเรา"
และ "เมตตาธรรม
ค้ำจุนโลก"
ทั้งหมดที่เรายกมาอ้าง
ก็เพื่อจะบอกพวกท่านว่า
หน้าที่ๆแท้จริงนั้นมิใช่การหนีทุกข์
มันหนีไม่พ้นหรอกเพราะทุกข์สุขอยู่ที่ใจ
และจะหยุดการเวียนตายเกิดก็ไม่ได้
เพราะหน้าที่ทางจิตวิญญาณยังอยู่
เมื่อไม่อยากมาเกิดอีก
การสร้างทางเบี่ยงผ่านการหลุดลอย
จึงถูกกำหนดสร้างขึ้นเพราะความไม่รู้
ถ้าท่านทั้งหลายรู้ว่า
จิตวิญญาณของท่านมาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
ถ้าท่านรู้ว่าท่านมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
เราเชื่อว่า...
พวกท่านคงจะต้องเสียใจในตนเองมากแน่ๆ
ที่วันๆคิดแต่จะหนีทุกข์
คิดที่จะพ้นทุกข์
โดยพยายามไปให้พ้นจากการเกิดเป็นมนุษย์
อย่างเคร่งครัดเคร่งเครียด
นอกจากนั้น
เพราะความไม่รู้ของพวกท่านนี่แหละ
จึงทำให้เกิดการหลงทางของจิตวิญญาณ
จึงเกิดการเดินผิดทางอย่างคนตาบอด
เพราะพวกท่านตั้งโจทก์ผิด
หรือติดกระดุมเม็ดแรกผิดกันมาตั้งแต่แรก
ขณะที่เราร้องทักชี้ทางที่ถูกต้องให้
ท่านเหล่านี้หลายรายยังกลับก้าวล่วงเรา
โดยมิยอมฟังความให้จบอีกต่างหาก
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ผู้ที่เข้าถึงสัจธรรมเหล่านี้ได้เท่านั้น
จึงจะหลุดพ้นได้อย่างแท้จริง....
ซึ่งเราขอเรียกว่า
"นิพพานสุก"
เพราะจิตวิญญาณหลุดพ้นออกไป
จากอนันตจักรวาลได้จริงๆ
พระพุทธองค์
ก็ทรงดำเนินบนเส้นทางสายนี้
มิได้หลุดลอยไปทางสวรรค์มายา
ไปเป็นเทพพรหมอยู่ตรงนั้นแต่อย่างใด
นอกจากนั้นพระองค์ทรงปรินิพพาน
ในสภาวะการหลุดพ้นได้
ก็ตอนที่ทรงเป็นมนุษย์มิใช่หรือ
พวกท่านจะมัวหลงทางหลงธรรม
ก้าวตามคนนำทางตาบอดกันอยู่อีกทำไม
ขณะนี้โลกกำลังถูกชำระ
ด้วยมหันตภัยพิบัติ
เพราะสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
ใครยังหลงทางนิพพาน
จิตวิญญาณผู้นั้นจักถูกคัดทิ้ง
ใครไม่ยอมหันหน้า
เพื่อหันหูมาฟังเรา
คือแกะนอกคอก
คือแกะหลงทาง
รังแต่จะโดนพยัคฆ์
(ซาตาน)
ขย้ำในบั้นปลายเท่านั้นเอง
เอเมน
สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-7-2019