พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะบอกความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่าน
ในการมาเกิดเป็นมนุษย์บนดาวโลกเสรีนี้นั้น
ต่างได้รับการแบ่งภาคทางพลังงานออกมา
จากตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของตนเอง
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
11 เหลี่ยมมุม
โดยพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ให้กำเนิดขึ้นมา
และทรงเรียกพระนามว่า
#พระบุตร
พระบุตรที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมานี้
มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
ต่างล้วนดำรงอยู่บนสนามพลังงานจิตจักรวาล
ซึ่งเสมือนดำรงอยู่บนพระอุระของพระองค์
โดย "พระบุตร"
ที่เป็น "จิตจักรวาลดวงเล็ก"
ล้วนมีคุณสมบัติเป็น
#สุญญตา ด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้น
สนามพลังงานจิตจักรวาลจึงเป็นเสมือนไข่ขาว
ที่มีพระบิดาหรือพระเจ้าเป็นนิวเคลียสคือไข่แดง
และพระบุตรก็คือประดาลูกๆของพระองค์
ที่ดำรงตนเองอยู่ในอาณาบริเวณไข่ขาวนั่นแหละ
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เพราะอาณาบริเวณที่เป็นเสมือนไข่ขาว
ซึ่งมีประดาพระบุตรที่เป็นจิตจักรวาลดวงเล็ก
ต่างล้วนมีคุณสมบัติสำคัญ
คือ เป็นสุญญตา
ดำรงตนเองกันอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
พระบิดาจึงทรงเรียกตรงนี้ว่า
#แดนสุญญตา
แดนสุญญตา
จึงหมายถึง
"ดินแดนของผู้อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง"
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
มีพระบุตรหรือจิตจักรวาลดวงเล็กจำนวนหนึ่ง
มิใช่จำนวนทั้งหมดที่ทรงให้กำเนิดไว้
ได้ขันอาสาพระผู้เป็นเจ้าหรือพระบิดาว่า
จะเข้ามาจุติเป็น
"คนสองมิติ" บนโลกเสรีนี้
เพื่อทำหน้าที่สำคัญ
6 ประการ
ซึ่งเราเรียกว่า
#พันธะสัญญา6 นั่นเอง
สาระสำคัญของพันธะสัญญา
6 นี้
ที่ผู้มาเกิดทุกๆรูปธรรม
จักต้องรักษาสัญญากันก็คือ
1. เป็นสัญญาที่ผู้เข้ามาเกิดเป็นคนสองมิติ
ได้ให้สัจจะไว้กับองค์จิตจักรวาลหรือพระเจ้า
ว่าจะเข้ามาทำหน้าที่ทั้ง
6 ให้ลุล่วง
โดยจะไม่บิดพลิ้ว
จะไม่ละเลยเหลวไหล
ดังนั้น
บุตรคนใดจะทำตัวเหลวไหลละเลย
หรือ
ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์
ถือเป็น
"ผิดสัจจะ" ต่อพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้
2. เมื่อมาเกิดเป็นคนสองมิติแล้ว
อันประกอบด้วยมิติของกายหยาบ
กับมิติของจิตที่เป็นพลังงาน
คือจิตหยาบหรือจิตมนุษย์กับจิตวิญญาณ
ท่านผู้ได้รับโอกาสให้มาเกิดทุกรูปธรรม
จักต้อง
"คนตนเอง" ให้เป็น "มนุษย์" ให้ได้
แน่นอนว่า
ภารกิจของการคนตนเองให้เป็นมนุษย์
ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่สำคัญนี้
ท่านทั้งหลายจักต้องถือเป็นหัวใจสำคัญ
เป็นลำดับแรกของการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม
อย่าไปหลงเดินตามคนนำทางตาบอดว่า
อริยสัจสี่กับมรรคมีองค์แปดกันอยู่อีก
เพราะการคนตนเองให้เป็นมนุษย์
ก็คือ #การหมุนธรรมจักร
ในตนเองให้สำเร็จ
มิใช่การหนีทุกข์หัวซุกหัวซุนแต่อย่างใด
เนื่องจากมันเป็นคนละเรื่องกัน
ถ้าท่านมัวแต่ปฏิเสธความทุกข์
วุ่นวายอยู่กับทุกข์กับสุขไปวันๆ
ท่านจะไม่ว่างหมุนธรรมจักรกันหรอก
และคงไม่รู้ด้วยว่าต้องหมุนธรรมจักรยังไง
หมุนเพื่ออะไรอีกต่างหากด้วย
หรือแม้จะได้ฟังคำกล่าวของเรา
พวกคนนำทางตาบอดก็จะพากันปฏิเสธ
เพราะยังหลงผิดติดทุกข์ติดสุขกันอยู่
3. เป็นพันธะสัญญาที่ใครไม่ปฏิบัติ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะ
"ลืม" หน้าที่
ไม่ว่าจะเป็นเพราะ
"จำไม่ได้"
ไม่ว่าจะเป็นเพราะ
"จงใจ" จะไม่ทำ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะ
"ไม่เชื่อเรา"
จิตวิญญาณของท่านผู้นั้น
ก็จะเดินทางกลับบ้าน
เพื่อออกไปจากอนันตจักรวาลนี้ไม่ได้
เพราะภารกิจทางจิตวิญญาณยังล้มเหลว
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
จิตวิญญาณของผู้อาสามาเกิดเป็นคนที่ว่านี้
เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มี
6 เหลี่ยมมุม
ซึ่งแบ่งภาคพลังงานออกมาจาก
"พระบุตร"
ที่มีรูปทรงทางพลังงานเป็น
11 เหลี่ยมมุม
ซึ่งยังดำรงตนเองอยู่ในแดนสุญญตานั่นเอง
เมื่อจิตวิญญาณของพระบุตร
ที่พระบิดาคือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ทรงอนุญาตให้แบ่งภาคตนเองออกมา
จากจิตจักรวาลดวงเล็กแล้ว
ก็จะพากันข้ามมิติผ่านเข้ามาทางด่านนภาลัย
ที่เราเรียกว่า
#ประตูคอกแกะ นั่นแหละ
เพราะจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านแต่ละคน
ล้วนมาจากพระบิดาหรือพระเจ้าทั้งสิ้น
ดังนั้น
เราจึงเปรียบท่านทั้งหลายว่าเป็น
"ฝูงแกะ"
ที่มีพระองค์เป็น
"เจ้าของแกะ"
แดนสุญญตาภายนอกอนันตจักรวาล
เราจึงเปรียบเสมือนว่าเป็น
"คอกแกะ"
ส่วนตัวเราเองก็เสมือนเป็นคนเฝ้าประตูคอก
ที่ต้องคอยเปิดปิดเพื่อให้แกะผ่านเข้าออก
เราจึงบอกความจริงต่อท่านเสมอมาว่า
เราน่ะจำแกะพระบิดาได้ทุกตัว
แม้แต่ตัวที่พยายามจะดันทุรัง
ปีนป่ายรั้วเพื่อจะกลับเข้าคอกด้วยซ้ำ
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ประตูมิติที่ว่านี้ก็คือช่องทางผ่านเข้าหรือออก
ของประดารูปธรรมทางพลังงานทั้งหลาย
เช่น
ฑูตสวรรค์ และจิตวิญญาณผู้ขันอาสา
ที่จะผ่านเข้าออก
#อนันตจักรวาล
หรือ "เอกภพ"
ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นไว้
เพื่อเข้ามาปฏิบัติภารกิจต่างๆของพระบิดา
หรือเข้ามาทำหน้าที่สำคัญๆตามพระบัญชา
ตัวอย่างเช่น...
จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
ผู้ขันอาสาพระบิดามาเกิดเป็นมนุษย์
เมื่อทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา
6 ข้อแล้ว
ก็จะต้องนำพาจิตวิญญาณตนเองกลับบ้าน
คือกลับคืนสู่แดนสุญญตาที่จากมา
ผ่านทางประตูมิติที่เรียกว่า
"ด่านนภาลัย" นี้
ซึ่งด่านนภาลัยที่เป็นประตูมิตินี้
จิตวิญญาณของท่านก็เคยผ่านเข้ามา
ตั้งแต่ชาติแรกที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
ที่เรากล่าวมาพอสังเขปจนถึงบรรทัดนี้
ผู้คนที่ก้าวตามคนนำทางตาบอด
ที่เอาแต่กินขนมปังของพวกเขาที่ยื่นให้
จนไม่ยอมหันมากินยี่ห้ออื่นบ้าง
จะไม่รู้ว่า
"ขนมปัง" ที่กินแล้วไม่มีวันตาย
อันเป็นขนมปังศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
ยังมีอยู่อีกตั้งมากมายในกำมือเรา
การที่ท่านพยายามจะตายไปจากโลกมนุษย์
ด้วยการไม่กลับมาเกิดใหม่อีก
โดยไม่สนใจว่าตายแล้วจิตวิญญาณจะไปไหน
มันก็ไม่ต่างจากการเดินเรือโดยไม่มีหางเสือ
หรือเดินเรือโดยไม่รู้ว่าจะไปแวะท่าเรือที่ไหน
จิตวิญญาณผู้เป็นนักเดินทางไปกับเรือลำนั้น
จึงต้องลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทร
เพราะตนรู้อยู่อย่างเดียวว่า
จะต้องออกเรือไปจากท่าเรือบนโลกนี้
จะต้องรีบออกเรือเพื่อไปให้พ้นๆเร็วๆ
เพราะอยู่ต่อก็รังแต่จะทุกข์หนักทุกข์นาน
การเร่งรีบนำเรือออกจากท่า
โดยไม่รู้ว่าจะไปไหน
ออกเรือไปจากท่าทั้งๆที่ยังไม่พร้อม
นี่จึงเป็นที่มาของปัญหาโลกแตก
ซึ่งประดาคนนำทางตาบอดต่างเผชิญอยู่
นั่นคือ
#บวชนานแล้วยังนิพพานไม่ได้
แล้วยังจะหลับตาก้าวเดินตามกันอยู่อีกหรือ
เอเมน
สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-07-2019