26 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 26/06/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

26/06/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

ไม่ว่าท่านจะมาเกิดเป็นมนุษย์ชาติใดเผ่าใด
ไม่ว่าท่านจะมีผิวสีอะไร มีนัยน์ตาสีอะไร
ไม่ว่าท่านจะพูดจาเป็นภาษาอะไร
ไม่ว่าท่านจะเลือกนับถือศาสนาอะไร
ไม่ว่าท่านจะเลือกยอมรับใครเป็นพระศาสดา

พวกท่านก็ล้วนมีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้
ซึ่งมีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณพระองค์เดียวกัน
พวกท่านล้วนเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในระบบโลก
เพื่อทำหน้าที่ร่วมกันผลิตสร้างพลังงานความรัก
ช่วยค้ำจุนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ให้สมดุล
ด้วยการช่วยให้โลกเสรีนี้หมุนรอบตัวเองต่อเนื่อง
ในอัตราความเร็วของการเหวี่ยงหมุนที่คงที่
ตามที่พระองค์ทรงกำหนดออกแบบไว้

ซึ่งสัตว์ประจำโลกทั้งหลาย
รวมทั้งต้นหญ้าป่าไม้บนแผ่นดินโลก
ต่างล้วนเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่พระบิดาหรือพระเจ้าทรงกำหนดสร้างขึ้น
ให้ทำหน้าที่มอบความรักค้ำจุนโลกเช่นกัน
โดยเฉพาะจิตวิญญาณแก่นแท้ในสัตว์ทุกตัว
ก็ล้วนเป็นพี่ๆน้องๆของพวกท่านนี่แหละ
เพราะมีผู้ให้กำเนิดหรือพระบิดาพระองค์เดียวกัน

ส่วนการที่มีตัวตนรูปลักษณ์แตกต่างกัน
ระหว่างสัตว์ประจำโลกกับมนุษย์ก็เพราะว่า
สัตว์ประจำโลกเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรุ่นที่สอง
ที่ทรงพัฒนารูปแบบมาจากต้นไม้ที่เป็นรุ่นแรก
ซึ่งทรงออกแบบขึ้นมาใหม่โดยไม่เคยมีมาก่อน
เพื่อใช้เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมประจำโลก
ในการผลิตพลังงานความรักค้ำจุนสมดุลโลก
เมื่อโลกสมดุลอนันตจักรวาลก็จะสมดุลได้ตลอด

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมต้นไม้
เป็นสรรพสิ่งแรกบนโลกนี้ที่ทรงออกแบบสร้าง
โดยที่ยังไม่มีเครื่องยนต์แบบใดมาก่อนเลย
พระองค์จึงทรงประทาน "นาม" สิ่งที่ทรงสร้าง
ด้วยคำสองพยางค์สั้นๆว่า ต้นใหม่
ซึ่งคำว่า "ต้น" ทรงหมายถึง "สิ่งแรกเริ่ม"
คำว่า "ใหม่" ทรงหมายถึง "ไม่เคยมีมาก่อน"
แต่พอหลายปีผ่านมาจึงเพี้ยนเป็นว่า ต้นไม้
โดยไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีความหมายอะไร

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เพราะพวกท่านเป็นมนุษย์
ได้ใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมที่ทรงออกแบบไว้
ให้มีประสิทธิภาพ สมรรถภาพ และความงดงาม
เหนือกว่าเครื่องยนต์แห่งกรรมประเภทอื่นๆ

เพราะมนุษย์อย่างท่านทั้งหลายนั้น
แม้จะมีจิตวิญญาณขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
เช่นเดียวกันกับจิตวิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย
แต่พวกท่านจะรู้กันบ้างหรือไม่ว่า
จิตวิญญาณของสัตว์นั้นเมื่อมาเกิดบนโลกนี้แล้ว
พวกเขาจะไม่สามารถ "หลุดพ้น" กลับบ้านได้
ซึ่งจักต้องทำหน้าที่อยู่คู่โลกนี้ตลอดกาลนิรันดร์

ขณะที่จิตวิญญาณของพวกท่าน
ภายในเวลาหกหมื่นปีโลก
จะหลุดพ้นนิพพานกลับบ้านเมื่อใดก็ได้ถ้าพร้อม
เพราะพระบิดาทรงประทานสิทธิพิเศษ
ให้ "จิตวิญญาณ" แก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
แบ่งภาคตนเองออกมาเป็น "จิตหยาบ"
เพื่อทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณขณะเป็นมนุษย์
โดยสัตว์ประจำโลกทั้งหลายมิได้รับโอกาสดีนี้

การที่พระองค์ทรงออกแบบให้มนุษย์
มีจิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ก็เพื่อจะช่วยให้จิตวิญญาณนั้นลดความเสี่ยง
เสี่ยงที่จะสูญเสียความสมดุลจนหลงมิติ
จะทำให้ไม่สามารถ "หลุดพ้น" กลับบ้านได้

พระองค์จึงต้องให้จิตหยาบทำหน้าที่แทน
จิตหยาบจะผิดจะเพี้ยนอย่างไรก็ไม่เป็นไร
เพราะเมื่อจิตวิญญาณตายไปเมื่อไหร่
จิตหยาบก็จะดับสลายไปกับ "ขันธ์ 5" เมื่อนั้น
ส่วนจิตวิญญาณที่เสียสมดุลเพราะจิตหยาบ
เมื่อตายแล้วเพียงแค่ส่งลงไปบำบัดที่แดนนรก
โดยให้ท่านพระยายมบาลกับคณะช่วยเหลือ
เมื่อหายป่วยแล้วก็ส่งคืนกลับมาเกิดใหม่ต่อไปได้

ความจริงหรือสัจธรรมที่เรากล่าวมาข้างต้น
พระศาสดาที่เกิดจากโลกมิได้กล่าวต่อท่านไว้
เพราะเป็นสัจธรรมระดับ อนุตรธรรม แท้จริง
ที่เกินกำลังสมองสองซีกของมนุษย์จะรู้เองได้
ขอท่านทั้งหลายจงเปิดใจรับฟังด้วยสติปัญญา
จงอย่าแสร้งปิดหูหลับตาปิดจิต
ในแบบที่ท่านชำนาญ "ทำ" กันต่อไปอีกเลย

จงหยุดทำสงครามศาสนากันเถอะ
เพราะพระศาสดาทุกพระองค์
ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะทุกศาสนาล้วนเป็นสากล
ต่างสอนให้คนในยุคนั้นๆเป็นคนดีด้วยกันทั้งสิ้น

จงหยุดกล่าวหาเรา
ว่าขโมยธรรมะของพระศาสดามาสอน
เพราะธรรมะนั้นเป็น "สัจธรรมสากล"
ถ้าใครกล่าวสัจธรรมแท้จริงในสิ่งเดียวกัน
คำกล่าวอันศักดิ์สิทธิ์นั้นย่อมตรงกันได้เสมอ
มิใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย
ใครจะบังอาจห้ามมิให้เรากล่าวได้หรือ

จงหยุดก้าวล่วงเราเสียเถิด
เมื่อได้ยินเรากล่าวถึงพระเจ้าเมื่อใด
ก็ทำตัวผูกขาดในพระเจ้าว่าเป็นของตนทันที
โดยห้ามเรามิให้กล่าวถึงพระเจ้า
ห้ามเรามิให้กล่าวถึงพระโอวาทคำสอนนั้น
โดยกล่าวโทษว่าเราเป็นพวกลัทธิเทียมเท็จ
ทั้งๆที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
เขาจะนับถือศาสนาไหนหรือไม่มีศาสนา
ต่างล้วนมีพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวกันทั้งนั้น

นอกจากนั้นยังดันทุรังถามเราอีกด้วยว่า
พระเจ้าของเราทรงมีพระนามว่ากระไร

นี่แน่ะเราจะบอกให้เอาบุญ
พระเจ้าหรือที่มนุษย์หลายคนในปัจจุบัน
ถวายพระนามว่า "องค์เยโฮวาห์" นั้น
เป็นพระดำรัสตอบเมื่อมนุษย์คนหนึ่ง
ทูลถามว่าพระเจ้าทรงมีพระนามว่าอะไร
โดยคำว่า "เยโฮวาห์" ที่ทรงกล่าวตอบนี้
ทรงหมายความว่า "เราเป็นเช่นที่เราเป็น"

ท่านทั้งหลายจงอย่าคิดแบบจิตมนุษย์ว่า
คนทุกผู้ทุกนามจักต้องมีชื่อเรียกขานกัน
แม้พระเจ้าก็จะต้องมิทรงละเว้นด้วย

เหตุที่พระเจ้าไม่ต้องมีพระนามก็เพราะว่า
พระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
ที่มนุษย์ต้องมีชื่อนามก็เพราะว่ามีหลายคน
จะได้ไม่สับสนว่าใครเป็นใคร

เราขอเตือนว่า
ใครก็ตามจงอย่าก้าวล่วงเรา
หากยังไม่ศึกษาเรา
หรือเรียนรู้เราให้กระจ่างก่อน

เพราะพระบิดาเป็นผู้ทรงใช้เรามา
หากท่านก้าวล่วงเรา
ก็เท่ากับว่าก้าวล่วงพระบิดาด้วย

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26/06/2021