14 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/08/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

14/08/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

นอกจากมนุษย์โลกเสรีในปัจจุบันนี้
จะเป็นเมล็ดพันธุ์ของรูปธรรมกลุ่มพลียะเดี้ยนส์
ที่พระผู้สร้างทรงออกแบบและทดลองแล้วว่า
เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ที่ดีที่สุด
ในประดาทุกสรรพสิ่งที่ทรงออกแบบสร้างขึ้นไว้
ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่คือ เอกภพ นี้

เราจึงสามารถที่จะกล่าวได้อย่างเต็มคำว่า
สิ่งที่พระองค์ทรงภูมิพระทัยเป็นที่สุดนั้น
ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับเครื่องยนต์แห่งกรรม
รูปธรรมมนุษย์ที่พวกท่านกำลังเป็นอยู่ใช้อยู่
ตลอดระยะเวลากว่าหกหมื่นปีที่ผ่านมานี้อีกแล้ว

ถ้าท่านทั้งหลายได้เรียนรู้เรื่องกายสังขาร
ที่พวกท่านใช้จิตหยาบขับเคลื่อนกันอยู่นี้
ก็จะพบว่ามันสุดยอดอลังการณ์งานสร้างจริงๆ
โดยจะไม่มีใครมักง่ายกล่าวพล่อยๆได้อีกแล้วว่า
ธรรมชาติเป็นผู้สร้างมนุษย์อย่างพวกท่าน

จะยกตัวอย่างเพื่ออ้างอิงคำกล่าวของเรา
ให้มนุษย์โลกทั้งหลายพวกที่ไม่รู้จักรักตนเอง
ไม่รู้จักเคารพและศรัทธาตนเอง
รวมทั้งพวกที่อกตัญญูต่อพระผู้สร้าง
ให้เกิดสติทางวิญญาณ
และได้รู้กระจ่างสว่างในกมลกันสักเล็กน้อยดังนี้

1.พระองค์ทรงออกแบบให้มนุษย์ใช้จิตหยาบ
ซึ่งเป็น "กลุ่มพลังงาน" รวมทั้งสิ้น 189 กลุ่ม
ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณผู้ขันอาสาพระบิดา
มาขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ให้สั่นสะเทือนพร้อมกันทั้งสองมิติได้อย่างน่าทึ่ง

โดยสามารถใช้แรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ที่ทำงานร่วมกันกับกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้า
ผ่านกระบวนการของ "ขันธ์ 5" ที่ทรงออกแบบไว้
ให้ไดโนเสาร์และสัตว์ประจำโลกทั้งหลายได้ใช้
ขับเคลื่อนพฤติกรรมในสองมิติได้อย่างแยบยล
จนสามารถผลิตพลังงานความรักมอบให้โลกได้
ตามพระประสงค์กันมาแล้ว

ดังนั้น
พระองค์จึงทรงกำหนดให้มนุษย์ทั้งหลาย
ผลิตสร้างพลังงานความรักมอบให้โลก
ตลอดจนแสดงพฤติกรรมต่างๆในการดำเนินชีวิต
ด้วยกระบวนการสองมิติของ "ขันธ์ 5"
เช่นเดียวกับสัตว์ที่ใช้กันอย่างได้ผลมาแล้ว

2.มนุษย์โลกแต่ละคนไม่รู้ความจริงว่า
จิตที่ตนใช้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ในบทบาทของ "คนสองมิติ" ในทุกภพชาตินั้น
เป็น จิตหยาบ หรือจิตมนุษย์มิใช่ "จิตวิญญาณ"

โดยผู้มาเกิดเป็นมนุษย์คือจิตวิญญาณนั้น
พระบิดาทรงให้รับบทบาทเป็นตัวตนแก่นแท้
โดยให้แสดงตนเหมือน พระประธาน ในโบสถ์
ส่วนจิตหยาบที่จิตวิญญาณแบ่งภาคออกมานั้น
ให้เป็น สมภาร ดูแลวัดผู้ต้องทำให้วัดศักดิ์สิทธิ์

คนนำทางตาบอดทั้งหลายผู้ไม่รู้อนุตรธรรมนี้
จึงพากันเข้าใจผิดสอนผิดกันมานานนับพันปีว่า
ที่ตนทุกข์อยู่วุ่นวายอยู่ขณะเกิดเป็นมนุษย์นั้น
มันคือ "จิตวิญญาณ" ของตนแน่นอน
ทั้งๆที่ตัวทุกข์ที่แท้จริงคือจิตหยาบต่างหาก
โดยไม่รู้ว่าจิตวิญญาณผู้เป็นตัวแทนของพระเจ้า
ซึ่งเป็นแก่นแท้ของตนนั้นปกติสงบสมดุลอยู่แล้ว
ไม่ต้องไปยุ่งไปเกี่ยวไปเที่ยววุ่นวายอะไร
แค่ใช้จิตหยาบทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดไว้ก็พอ

พวกเขาล้วนเรียนรู้กันได้แค่เพียงว่า
จิตวิญญาณเป็นผู้มาเกิดและเป็นผู้จบสิ้นอายุขัย
จึงถือเอาเรื่องทุกข์เป็นเรื่องใหญ่ในการปฏิบัติธรรม

โดยพยายามจะดับทุกข์ให้สิ้นด้วยการดับขันธ์ 5
ที่พระบิดาทรงกำหนดให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
ใช้เป็นเครื่องมือผลิตพลังงานความรักให้โลกทิ้ง
เพราะโมเมกันเอาเองว่าถ้าดับขันธ์ 5 ได้สิ้น
ความทุกข์ถ้วนทุกกองจะไม่มี ตัวตนที่ทุกข์ก็จะไม่มี
เมื่อความทุกข์ไม่มีนั่นคือจิตเข้าถึงความว่างได้
เมื่อเข้าถึงความว่างได้อัตตาก็สลายกลายเป็นอนัตตา
แสดงว่าตนนั้น "นิพพาน" แบบตาลยอดด้วนแล้ว

3.นอกจากนั้น คนนำทางตาบอด
ยังพาผู้คนจำนวนมากมายให้หลงทางว่า
รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณทั้งห้าขันธ์นี้
เป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตมนุษย์ทุกคน
ซึ่งฟังดูแล้วความเชื่อดังกล่าวนี้เหมือนว่าจะใช่
เพราะมนุษย์เกิดมามีอายุครบสามขวบปีเมื่อไหร่
ก็ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ขันธ์ห้าให้ได้ใช้ให้เป็นกันทุกคน

เพราะคนนำทางตาบอดไม่รู้ว่า
จิตวิญญาณแก่นแท้ของสัตว์โลกทั้งหลายนั้น
ทำไมพวกเขาจึงใช้ขันธ์ 5 ดำเนินชีวิตกันได้
โดยไม่มีปัญหาเหมือนที่มนุษย์ใช้กัน

ทำไมสัตว์จึงไม่ต้องมีศาสดาผู้เกิดจากโลก
ทำไมสัตว์จึงไม่ต้องมีพระบุตรเอกผู้มาจากพระเจ้า
ทำไมสัตว์จึงไม่ต้องมีอนุตรธรรมาจารย์เช่นเรา
ทำไมสัตว์จึงไม่ต้องมีกฎแห่งกรรมไม่ต้องมีภพชาติ
ทำไมสัตว์จึงไม่ต้องมีชะตาชีวิตไม่ต้องมีชะตากรรม

คำตอบที่เป็นอนุตรธรรมก็คือ
เพราะพวกเขาไม่มีจิตหยาบเหมือนมนุษย์
เพราะพวกเขาไม่มีพันธะสัญญา 6
เมื่อสิ้นยุคแล้วจิตวิญญาณก็ไม่ต้องกลับบ้าน
เพราะพวกเขาอาสาพระบิดามาเป็นสัตว์ประจำโลก

ด้วยเหตุนี้เอง
พวกเขาจะสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ทางด้านลบหรือบวก
เกิดเป็น กรรมจักร หรือ #ธรรมจักร ในมุมมองมนุษย์
จิตวิญญาณของสัตว์ก็ไม่มีผลกรรมอะไรเกิดขึ้น

เพราะกระบวนการของขันธ์ 5 นี้
พระบิดาทรงออกแบบมาให้มนุษย์ใช้เหมือนที่สัตว์ใช้
มนุษย์ก็ต้องเรียนรู้จากโง่ก่อนพบความฉลาดให้ได้
เพื่อพิสูจน์ตนเองว่ามนุษย์นั้นฉลาดกว่าสัตว์จริงๆ
โดยสิ่งที่มนุษย์ไม่ฉุกคิดกันก็ตรงที่ว่าในทุกภพชาติ
ทำไมพวกท่านจึงอยู่เหนือกฎแห่งกรรมไม่ได้

คำตอบที่รอมนุษย์อยู่มานานแล้วก็คือ
เพราะตนยังสั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยกิเลสตัณหา
ยังทำอะไรๆในชีวิตไปตามอารมณ์แบบสัตว์กันอยู่
ซึ่งเป็นการหมุนกรรมจักรนั่นเอง
เพียงแค่มนุษย์เรียนรู้ที่จะแทรกแซงกรรมจักร
โดยเปลี่ยนให้มันเป็น ธรรมจักร เสียให้ได้
ด้วยความรักบริสุทธิ์ในทุกเงื่อนไขสิ่งเร้าแวดล้อม
เพียงเท่านี้ก็บรรลุธรรมทุกมิติกันได้แล้ว

ไม่ต้องเสียเวลาหลายภพชาติ
ไม่ต้องละทิ้งสังคมหนีเข้าป่าปลีกวิเวก
ไม่ต้องหลงทางนิพพาน
ไม่ต้องงมงายอยู่กับอุปาทานความเชื่อผิดๆ
ไม่ต้องคิดให้มันปวดหัวเรื่อง "อจินไตย"
ไม่ต้องก้าวตามใครให้หลงทางนิพพาน

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ไม่มีสัตว์น้อยใหญ่ตัวใดเคยโอดครวญว่า
เพราะขันธ์ 5 ที่ตนเองใช้กันอยู่พาให้ทุกข์
แล้วพยายามดิ้นรนที่จะทุบขันธ์ทั้งห้าทิ้ง
สัตว์ของพระบิดาทั้งหลายมีความสุขอยู่บนโลก
โดยไม่มีตัวใดเบื่อโลกเพราะมีความทุกข์ในชีวิต

สัตว์ทั้งหลายต่างดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้
โดยปรับตัวให้กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม
เหนื่อยก็พัก หนักก็ผ่อน ร้อนแดดเปียกฝนก็ทนได้
หนาวยะเยือกแค่ไหนก็สู้ทนความหนาวจนสุดฤทธิ์

ผิดกับมนุษย์โลกจำนวนมากมาย
ที่พระบิดาทรงสร้างสมองเอาไว้ให้ขบคิดพิจารณา
เอาไว้ให้หาความรู้และให้ใช้ในการตัดสินใจ
ซึ่งสมองในเครื่องยนต์แห่งกรรมของสัตว์คิดไม่ได้
ใช้ได้แค่เพียง "นึก" เพื่อกำหนดพฤติกรรมเท่านั้น
แต่มนุษย์กลับท้อแท้เบื่อโลกเบื่อการเป็นมนุษย์
จนพากันละทิ้งหน้าที่ทางจิตวิญญาณหน้าตาเฉย
เพราะนึกเองเออเองว่าตนไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์
โดยใช้ก้อนสมองมหัศจรรย์เอาไว้คั่นหูเท่านั้น

ทั้งๆที่รูปแบบเครื่องยนต์แห่งกรรมของมนุษย์โลก
เป็นเมล็ดพันธุ์ของบรรพบุรุษกลุ่ม "พลียะเดี้ยนส"
ที่เคยใช้เคยปฏิบัติเคยขับเคลื่อนกันบนดาวลูกไก่
จนพิสูจน์แล้วว่านำมาใช้จริงในระบบโลกเสรีนี้ได้
แถมมนุษย์โลกยังมีสิ่งทรงสร้างใหม่ออกแบบใหม่
เพื่อช่วยส่งเสริมเติมเต็มประสิทธิภาพเพิ่มให้อีกด้วย

น่าตำหนิหรือไม่ล่ะ
น่าเสียพระทัยทั้งพระผู้สร้างและพี่ๆพลียะเดี้ยนส์
กับความล้มเหลวด้านจิตสามนึกของมนุษย์โลก
ที่กำลังดิ่งเหวกันอยู่ในทุกวันนี้หรือไม่ล่ะ

มนุษย์หลงทางนิพพานกันหมดด้วยมิจฉาทิฐิ
ด้วยการอวดอุตริเพราะไม่รู้ว่าตนไม่รู้หรือรู้ผิด
ด้วยกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะทั้งปวง
เพราะอคติต่อการมีขันธ์ห้า
เพราะอคติกับการมาเกิดเป็นมนุษย์
ด้วยความเชื่อที่งมงาย
เพราะขาดพลังอำนาจทางปัญญาที่ตนมีอยู่

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14/06/2021