01 กุมภาพันธ์ 2563

ติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา ไม่ต่างจาก "ขยะ" ที่รกโลก




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

ขณะนี้โลกและมนุษย์
กำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตอยู่อีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งจะนำหายนะภัยมาถึงตัวได้ในอนาคต
ถ้าหากท่านทั้งหลายไม่ "ตื่นตัว" กันในวันนี้
เพื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง
ในการยับยั้งปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นนั้น

ทั้งๆที่ปัญหานี้เป็นปัญหาเดิม
ที่เคยทำให้ชาวโลกเอง
"ตื่นกลัว" กันมาพักหนึ่งแล้วเงียบหาย
นั่นคือปัญหาเรื่อง ภาวะโลกร้อน
อันเกิดจาก "สภาวะเรือนกระจก"

เหตุที่เรื่องเงียบหายไป
เพราะประเทศใหญ่ๆไม่ให้ความร่วมมือ
เนื่องจากกลัวการเสียผลประโยชน์

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

"ภาวะโลกร้อน"
สาเหตุเกิดจากก๊าซเรือนกระจก
จำพวกไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนไดออกไซด์
และก๊าซที่มีน้ำหนักมวลมากอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งเกิดจากควันพิษไอเสียและการเผาถ่านหิน
ของโรงงานอุตสาหกรรมเคมีต่างๆ
ที่ปลดปล่อยออกมาทิ้งไว้ในบรรยากาศโลก

มวลก๊าซพิษที่เป็นก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้
เมื่อถูกปลดปล่อยออกมาจากโรงงานต่างๆ
มันก็จะลอยขึ้นไปในบรรยากาศได้ระดับหนึ่ง
แล้วมันก็ลอยต่อไปยังนอกบรรยากาศไม่ได้
เพราะถูกโลกออกแรงดึงดูดพวกมันไว้
เนื่องจากเป็นก๊าซที่มีน้ำหนักมวลมากนั่นเอง

ก๊าซเรือนกระจกที่ลอยขึ้นไปเหล่านี้
จึงพากันลอยไปติดค้างติดคาอยู่เบื้องสูง
จะลอยต่อขึ้นไปอีกก็ไม่ได้
ครั้นจะลอยต่ำกลับลงมายังพื้นโลกอีก
ก็ลงมาเองไม่ได้เช่นเดียวกัน

พวกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้
จึงอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับผู้หลุดลอย
คือ ประดาจิตวิญญาณที่หลงทางไปนิพพาน
ซึ่งลอยไปติดค้างอ้างแรมอยู่บนสวรรค์มายา
ยาวนานนับพันนับหมื่นปีโลกกันมาแล้ว
โดยไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงนั้นแหละท่าน

ก๊าซเรือนกระจกที่เป็นก๊าซมวลหนัก
เมื่อลอยขึ้นไปติดค้างกันอยู่บนนั้น
จึงทำตัวเป็นเหมือน "กระจก" เพราะใส
ห่อหุ้มคลุมโลกเอาไว้ทั้งระบบ
เมื่อความร้อนจากดวงอาทิตย์ส่องผ่านลงมา
แล้วสะท้อนกลับออกไปในบรรยากาศไม่ได้
เพราะกระจกใสที่ว่านี้ "ปิดกั้น" เอาไว้
จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
โดยโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ

สถานการณ์จึงไม่ต่างจาก
ประดาดวงจิตวิญญาณของผู้หลุดลอย
ที่พากันหลงทางไปนิพพาน
ไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายากันมากขึ้นเรื่อยๆ
จนนานวันเข้าชาวโลกก็เห็นเป็นเรื่องปกติ
ทั้งๆที่เป็นเรื่องใหญ่มากแต่ทุกคนวางเฉย
เพราะคิดว่ามันคงต้องเป็นของมันอย่างนั้น

โดยไม่รู้ว่า...จะลอยไปค้างอยู่บนนั้นไม่ได้
โดยไม่รู้ว่า...ไปทางนั้นนิพพานไม่ได้
โดยไม่รู้ว่า...ไปทางนั้นหลุดพ้นไม่ได้

โดยไม่รู้ว่า...
ถ้าใครไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายานั้น
มันจะเป็นไม่ต่างจาก "ขยะ" ที่รกโลก
รกอนันตจักรวาลของพระบิดา
ก็จะถูกฑูตสวรรค์ซึ่งเป็นช่างเท็คนิก
ทำการชำระทิ้งออกไปเสียจากระบบ
โดยจะ "ระเบิด" กล่องพลังงานให้แตกสลาย
กลายเป็นคลื่นพลังงานที่ไม่สมดุล
เพื่อเป็นอิสระจากแรงดึงดูดของโลก
จะได้ลอยพ้นไปจากระบบโลก
ก่อนการเปลี่ยนโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
ในกาลเวลามิช้ามินานข้างหน้าแน่นอน

ขณะที่ปัญหาสภาวะเรือนกระจกนี้
เมื่อถูกมนุษย์เมินเฉยเพราะเห็นแก่ตัว
จนพากันละทิ้งความรับผิดชอบกันอยู่นี้
ความหนาของ "กระจก" มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือ "เรือนกระจก" ที่ห่อหุ้มคลุมโลกอยู่
จะสะสมจนลอยต่ำลงมายังพื้นโลกมากขึ้น
จะยังผลให้มนุษย์และทุกสรรพสิ่งบนโลก
มิอาจติดต่อกับจักรวาลเบื้องสูงได้อีก
เพราะถูกก๊าซเรือนกระจกครอบเอาไว้

โดยมีลักษณะคล้าย " ไก่อบโอ่ง "  
คือ ตายอย่างไก่ที่ในโอ่ง  เพราะถูกความร้อนในโอ่งเผาจนสุกตาย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ถ้ามนุษย์มองปัญหาภาวะโลกร้อนแค่ว่า
มีสาเหตุมาจาก "ก๊าซเรือนกระจก"
ซึ่งจะทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย
จะทำให้ภูมิอากาศโลกวิปริตและวิกฤต
โดยพยายามจะหาหนทาง "ลด" ปริมาณ
ของก๊าซเรือนกระจกอยู่ดังเดิมแล้ว
เราฟันธงได้เลยว่าไม่มีวันทำสำเร็จหรอก

เพราะถ้าจะให้โรงงานอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย
ยอมให้ความร่วมมือกันแก้ปัญหานี้
โดยต้องทำผ่าน ความโลภ ของพวกเขาแล้ว
ชาติหน้าตอนบ่ายๆก็ไม่มีวันทำสำเร็จดังว่าไว้

ไม่ต่างจากจิตวิญญาณที่หลงทางนิพพาน
หลุดลอยไปติดค้างบนสวรรค์มายานั่นแหละ
หากเราไม่กลับมาตามสัญญา
เพื่อมาช่วยแงะช่วยแซะช่วยแกะการยึดติด
เพื่อช่วยสร้างสำนึกและสติทางวิญญาณให้
ผู้มีมิจฉาทิฐิสูงสุดอุตริสูงสุดเหล่านี้
ปฏิบัติการชำระโลก สวรรค์มายา และนรก
เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่ของพระองค์
โอกาสที่จะสำเร็จดูท่าว่าจะริบหรี่แน่ๆ

เพราะถ้ายังยึดติดวิธีการและความเชื่อเดิมอยู่
การจะให้พวกเขาเกิดสำนึกใหม่ด้วยตนเอง
ว่าพวกตนหลงทางมันจึงเป็นไปไม่ได้แน่นอน

เราจึงต้องกลับมา "เตือนสติ"
ด้วยการชี้แนวทาง สร้างแนวคิด
โดยติดอาวุธทางปัญญาให้ตามวิธีที่เราถนัด
ภายใต้บทเรียนเรื่อง คนนำทางตาบอด
และการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมพัฒนาจิตสามนึก
ด้วยกระบวนการ ไซโคโชว์ ทุกเดือนนั่นเอง

สำหรับกรณี "ก๊าซเรือนกระจก"
ที่ก่อปัญหาภาวะโลกร้อนก็เช่นกัน
เรามีคำแนะนำให้ว่า...
จะใช้วิธีแก้ปัญหาผ่านความโลภไม่ได้
เพราะจะไม่มีใครยอมเสียสละไม่ยอมร่วมมือ
จึงจะพากันทิ้งปัญหาโลกเอาไว้ต่อไป

จนบัดนี้ภัยจากก๊าซเรือนกระจกนั้น
มิได้ก่อปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างเดียวแล้ว
เพราะปัญหาเรื่องผงฝุ่นธุลีหมอกควัน 2.5
กำลังเป็นปัญหาใหญ่ลำดับสอง
ที่เกิดจาก "ก๊าซเรือนกระจก" ด้วยเช่นกัน
ถัดจากนี้ก็จะมีปัญหาลำดับสามตามมาอีก

เรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯในอีก 30 ปี
ตามที่ประเทศใหญ่เขาทำวิจัยกันไว้นั้น
มันยังเป็นปัญหาไกลตัวมากกว่า
ปัญหาลำดับสองและสามที่ว่านี้เสียอีก

ถ้าท่านใดอยากรู้เรื่องนี้ต่อ
ก็ช่วยกันกดไล้ค์/กดแชร์...เยอะๆ
จงอย่าขี้เกียจอ่าน...ไม่อ่านไม่รู้...ไม่รู้ไม่ได้
แล้วเราจะเปิดประตูแห่งปัญญาให้ท่านเอง



เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1/02/2020