(((+))) ถอดรหัส


1.ตรงหน้าพระที่นั่งนั้นมองดูเหมือนทะเลแก้วผลึก
ความหมาย :

จิต(ต่อมไร้ท่อในกระโหลกศีรษะ) กับสมอง
เปรียบได้ดั่งพระแท่นที่ประทับของพระบิดาฯ
ในยามปกติ เมื่อมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น
ก็จะเกิดเป็นคลื่นความถี่ทางพลังงาน
ใน 7 ย่านความถี่แห่งรักขององค์จิตจักรวาลเสมอ
ความวูบวาบเหมือนทะเลแก้วผลึก
จึงเป็นมายาของคลื่นความถี่ทางพลังงานความรักนั่นเอง
2.และบริเวณรอบพระที่นั่งทั้งสองข้างนั้น
มีสัตว์ 4 ตัว ซึ่งมีตาเต็มทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
มีสัตว์ 4 ตัว ซึ่งมีตาเต็มทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
ความหมาย :

(พระที่นั่งทั้ง 2 ข้าง)
โดยสมองทั้งสองซีกนั้นสามารถให้ภูมิปัญญา
อันเป็นความเฉลียวฉลาดของมนุษย์แต่ละคนได้ถึง 4 ระดับ
(สัตว์ 4 ตัว)
และความฉลาดทางปัญญา อันเปรียบได้กับสัตว์ทั้งสี่ที่ว่านี้
จะทำงานร่วมกันกับกลไกอายตนะทั้ง 6
จะทำงานร่วมกันกับกลไกอายตนะทั้ง 6
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และจิต
3.สัตว์ตัวที่หนึ่งนั้นหน้าเหมือนสิงห์
ความหมาย :

แบ่งหน้าที่กันสั่นสะเทือนให้เกิดเป็นภูมิปัญญาได้ 4 ระดับ
ภูมิปัญญาระดับที่หนึ่ง (สัตว์ตัวที่หนึ่ง) เรียกว่า "ปัญญาญาณ"
คือ ความฉลาดที่ได้จากสมองซีกขวานำซีกซ้าย
ซึ่งเป็นระดับของความฉลาดอันล้ำเลิศ
ดุจดั่งพญาสิงห์ที่เป็นจ้าวแห่งสัตว์ทั้งปวง
เพราะฉลาดกว่าสัตว์อื่นๆ
ความฉลาดทางปัญญาของสมองระดับที่เรียกว่าปัญญาญาณ
ดังกล่าวนี้ มนุษย์จะใช้งานมันได้ จักต้องเรียนรู้วิธีกดปุ่มใช้มันเท่านั้น
4.สัตว์ตัวที่สองนั้นเหมือนโค
ความหมาย :

เป็นความฉลาดขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่ได้จากก้านสมองตรงท้ายทอย
มนุษย์ทุกคนสามารถใช้งานมันได้ตั้งแต่เกิดจนตาย
5.สัตว์ตัวที่สามนั้นมีหน้าเหมือนมนุษย์
ความหมาย :

(สัตว์ตัวที่สาม) เรียกว่า "สติปัญญา"
คือ ความฉลาดของสมองซีกซ้ายนำซีกขวา
ซึ่งเป็นระดับความฉลาดของปุถุชนคนสามัญทั่วๆไป
ที่สามารถใช้งานมันได้โดยอัตโนมัติ (Autonomous)
ตั้งแต่อายุครบ 3 ขวบบริบูรณ์เป็นต้นไป
6.และสัตว์ตัวที่สี่เหมือนนกอินทรีกำลังบิน
ความหมาย :

คือ ความฉลาดขั้นสูงสุด
อันเกิดจากการสั่นสะเทือนของสมองทั้งระบบ
ร่วมกันกับจิตวิญญาณ ผู้เป็นแก่นแท้ของมนุษย์
โพธิญาณ เป็นคลื่นความถี่ทางพลังงาน
ในระดับ "คลื่นจักรวาล" หรือ คอสมิคเวฟ
เป็นคลื่นพลังงานที่พระศาสดาทั้งหลายทรงใช้
ในการติดต่อสื่อสารสองทางกับพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
หรือพระเจ้า ในระบบจิตสู่จิต ที่เรียกว่า Vertical Telepathy
อันเป็นคลื่นความถี่ที่มีพลังการขับเคลื่อนสูงสุด
และมีความสามารถในการทะลุทะลวงมิติอันซับซ้อน
ในสนามพลังงานเอกภพนี้สูงมาก อย่างไร้ขีดจำกัด
สัจธรรมขั้นสูงสุดที่พระศาสดาทั้งหลาย
มิอาจใช้พระปรีชาญาณของตนวิเคราะห์และสังเคราะห์
เอาจากธรรมชาติด้วยพระองค์เองได้
ก็จักต้องได้รับการสื่อสอนส่งสารมาจากพระบิดาฯ
หรือองค์จิตจักรวาลผ่านคลื่นการคิดในระบบนี้เท่านั้น
ท่านจะสังเกตได้ว่า องค์เยซูคริสต์เจ้าและองค์นบีมูฮัมหมัดเจ้า
ทรงกล่าวอ้างถึงพระเจ้า
เมื่อทรงนำเอาพระโอวาทและพระวจนะจากพระบิดาฯ
มากล่าวต่อพี่ๆน้องๆ มวลหมู่มนุษย์โลกเสรีนี้อยู่เนืองๆ
เพราะพระองค์ล้วนทรงสื่อสารสองทางกับพระเจ้า
ด้วยคลื่นการคิดในระดับ "คลื่นจักรวาล" นั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
05/02/2020