11 กุมภาพันธ์ 2563

ทำไมเขาจึงตกเป็นฆาตกรผู้โหดร้ายได้ ?



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า... 

การที่จ่าทหารบกนายหนึ่ง    เมื่อเผชิญกับเงื่อนไขด้านลบซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียผลประโยชน์
ที่ตนเองคิดว่า "ไม่เป็นธรรม" โดยผู้บังคับบัญชาของตนเองและคณะ  ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเหนือกว่าตน
จึงยังผลให้เกิดภาวะเก็บกดบีบคั้นทางจิตใจ  

เมื่อสั่งสมความเก็บกดนั้นเอาไว้จนถึงที่สุด

จ่าทหารผู้ชำนาญการใช้อาวุธสงคราม  และเป็นนักกีฬายิงปืนฝีมือดีผู้มีอนาคตไกล
ก็เกิดอาการ "สติแตก" ถึงขั้นใช้อาวุธ "ปาก"  โต้เถียงทะเลาะกับกลุ่มผู้สร้างปัญหาให้
แต่ก็ไม่สามารถยุติปัญหาของตนเองได้

ในที่สุดจ่าก็ "สติแตก" ซ้ำสอง ระดับ บ้า  
เขาจึงยกระดับจากการใช้ "ปาก"  เปลี่ยนมาเป็นใช้ "ปืน" 
ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพร้ายแรงมากกว่า "ปาก"  
จัดการ "กลุ่มบุคคล" ผู้สร้างปัญหาให้ตนแทน
ผลคือเพื่อนมนุษย์เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บ 1

จากนั้นจ่าก็ "สติแตก" ซ้ำสาม ระดับ บ้าคลั่ง
จึงเข้าปล้นอาวุธสงครามในค่ายทหาร   
โดยฆ่าพี่น้องทหารด้วยกันเสียชีวิตคาค่าย
แล้วขนเอาอาวุธปืนร้ายแรงหลายกระบอก  
พร้อมกระสุนและระเบิดจำนวนหนึ่งขึ้นรถฮัมฟรี่
ขับเข้าตัวเมือง "โคราช" เหมือนจะออกศึก
เพื่อโจมตีคนรวยๆที่มีรสนิยมสูงในห้างดัง
ที่จ่าสติแตกมองว่าเป็นพวกเดียวกันกับศัตรู
ที่ต้อง "แก้แค้น" ด้วยการ "กำจัด" ให้สิ้นทราก
ทั้งยังแก้แค้นแทนคนอื่นๆที่ถูกเอาเปรียบด้วย

เมื่อเดินทางไปถึงถนนหลังวัดใกล้ห้างดัง

จ่า "ฆาตกร" ก็สติแตก ซ้ำสี่ ในระดับ คลุ้มคลั่ง
เขาจอดรถแล้วลากปืนที่ปล้นมาทีละกระบอก
ทำการใส่กระสุนเข้ารังเพลิงจนเต็มแม็ก
ก่อนนำปืนไปวางไว้ในป่าหญ้าข้างทางหลายจุด

โดย "จินตนาการ" ของจ่าที่วางปืนไว้แต่ละจุด
ก็เพื่อบอกกับตนเองว่า...ตนกำลังออกรบ
พร้อมลูกน้องที่ติดตามมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง
ตนมิได้ออกมาสู้รบกับคนรวยๆครั้งนี้ตามลำพัง
จ่าฆาตกรจึงแต่งกายในชุดพร้อมรบ
ทำการโจมตีมนุษย์ในสังคมทุกรายที่เผชิญ

โดยเขาลั่นไกสังหารได้อย่างเลือดเย็น
ทั้งๆที่ผู้ที่ถูกตนเองฆ่าตายนั้น
เป็นผู้บริสุทธิ์ของ "สังคม" แต่จ่ามองว่าเป็นศัตรู
เพราะเป็นฝ่ายเดียวกับคนรวย 3 คนที่ทำร้ายจ่า
เป็นศัตรูร่วมกันกับคนอื่นๆในสังคมที่ถูกคดโกง

เพราะสติแตกในระดับ "คลุ้มคลั่ง"  
จนจิตหยาบตนเองเข้าสู่ภวังค์แล้ว  จิตตปัญญาก็ใช้การไม่ได้
จิตวิญญาณผู้บันทึกแค้นสังคมมาจากอดีตชาติ  
จึงเข้าทำการแทรกแซงเพื่อบงการกายหยาบ
ให้ทำตาม จิตไร้สำนึก ของตนแทนทันที

พฤติกรรมโหดที่จ่าทำตรงถนนข้างวัดนี้
เป็นจิตวิญญาณโหดสั่งการให้กายสังขารทำ  ผ่านมายาที่เรียกว่า "จินตนาการ" นั่นเอง

เขาจึงฆ่าคนบริสุทธิ์ไปอย่างเลือดเย็นอีก 9 ศพ
จากนั้นเขาก็เดินทางต่อไปยังห้างใหญ่
ที่จินตนาการของเขาบอกว่าเป็นสังคมคนรวย
คนรวยที่เป็นพวกเดียวกันกับ "ศัตรู" ของเขา
คนรวยที่เป็นพวกเดียวกันกับ "ศัตรู" ของผู้อื่น
ที่เขามองว่ามีมากมายบนโลกใบนี้

เขาไปที่ห้างดังนั้น
ด้วยความภาคภูมิใจจากจิตที่หลงมิติว่า
เขากำลังทำเพื่อสางแค้นแทนคนทั้งโลก
ที่ถูกคดโกงถูกกดขี่ข่มเหงและถูกเอาเปรียบ
ซึ่งไม่กล้าหาญพอที่จะลุกขึ้นมาสู้มาแก้แค้น
เหมือนอย่างที่ตัวจ่าเองกำลังทำอยู่

อาการสติแตกถึงระดับ "คลุ้มคลั่ง"
จนเปิดโอกาสให้จิตวิญญาณพยาบาท
ออกมาบงการสั่งกายสังขารให้ทำตาม
จินตนาการที่ตนสร้างขึ้นแทนจิตหยาบนี้
จ่าฆาตกรผู้ไร้สติซึ่งตกอยู่ในอำนาจด้านลบ
ถูกปรุงแต่งด้วยจิตไร้สำนึกว่าตน คือ ฮีโร่
ขณะที่คนในสังคมมองจ่าว่าเป็น ไอ้บ้า

เห็นมั้ยล่ะว่า...

คนที่ใช้ "จิตไร้สำนึก" มองโลก  กับ  คนที่ใช้ "จิตสามนึก" มองโลก
ผลลัพธ์ในการมองที่ออกมา  มันจึงต่างกันเหมือนอยู่กันคนละโลก  
พฤติกรรมที่แสดงออกมาจึงแตกต่างกัน

พฤติกรรมของจ่าฆาตกรที่ขาดสติ  จนเกิดอาการ "หลงมิติ" ไปตามจิตวิญญาณ
ที่พกพาเอาความพยาบาทมาจากอดีตชาติ  
จึงใช้โทรศัพท์มือถือสื่อสารกับ "สังคม"  กับผู้คนที่ตนคิดว่าเป็นเหยื่อของคนรวย  
ซึ่งตนกำลังช่วยแก้แค้นแทนให้    
โดยรายงานให้ทราบผลการรบทุกขั้นตอน
"โอยย...เหนื่อยแล้ว"
"จะยอมแพ้ดีมั้ย"
"ทุกคนหนีความตายไปไม่พ้น"
"กระดิกนิ้วไม่ไหวแล้ว"
พร้อมกับการเซลฟี่ตนเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม   แสดงอาการเหมือนภูมิใจและสะใจ
ด้วยภาพของถังแก๊สตรงหน้าห้างที่ตนยิงจนระเบิดขณะไฟลุกท่วม
เพื่อรายงานให้คนที่ตนกำลังแก้แค้นแทน   ที่ดูอยู่ทั่วโลกได้รับทราบรับรู้ว่า
ตนกำลังจะจู่โจมกลุ่มศัตรูผู้เป็นเป้าหมายแล้ว

ก่อนช่องทางการสื่อสารของเขาจะถูกตัดขาด  
กว่าสิบสองชั่วโมงเศษที่จ่าฆาตกรกระทำการอย่างอุกอาจ  
ต่อตัวแทนคนรวยที่เขามโนขึ้นมาเองว่าคือศัตรู
จากอาการสติแตกจนถึงขีดสุดหลุดโลก  
จนทำให้มีคนตาย 30 บาดเจ็บกว่าครึ่งร้อย  
ในที่สุดกรรมเวรก็สนองเขาด้วยความตายเช่นกัน

โดยจิตวิญญาณพยาบาทของจ่ายังต้องไปต่อ  เพราะ "สอบตก" บททดสอบจิตสามนึก
เหตุเพราะขาด #มหาสติ จนสติแตกถึงขีดสุด

เนื่องจากจ่าทหารฆาตกรท่านนี้
ถูกอบรมฝึกฝนให้เป็น คนเก่ง  
ถูกอบรมฝึกฝนให้เป็น คนฉลาด
ถูกอบรมฝึกฝนให้เป็น คนดี 
ทั้งจากครอบครัวโดยพ่อแม่ผู้ปกครอง   
จากสถานศึกษาโดยครูอาจารย์  
จากที่ทำงานโดยผู้รับผิดชอบงานฝึกอบรม  
จากสังคมแวดล้อมโดยคนรอบข้าง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

จ่าทหารท่านนี้...ผ่านการเรียนรู้ชีวิต สังคม และโลก  นับได้เป็นอายุขัย 35 ปีเศษแล้ว
ทำไมเขาจึงตกเป็นฆาตกรผู้โหดร้ายได้ ?
ทั้งที่มีอาชีพการงานที่ดี  
มีสุขภาพพลานามัยดี
มีความสามารถพิเศษเป็นนักแม่นปืน
ที่ใช้ท่ายิงที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้

สาเหตุเป็นเพราะว่า....
1.เพราะเขาขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์  คือ ความสามารถในการควบคุมจิตใจ
2.เพราะเขาขาดวุฒิภาวะทางปัญญา  คือ ความสามารถในการคิดด้วยสมอง
3.เพราะเขาขาดวุฒิภาวะทางสังคม
คือ ความสามารถในการใช้ชีวิตและงาน  ร่วมกับบุคคลต่างๆที่ตนไม่พึงประสงค์

โดยปัญหาในการขาดวุฒิภาวะเหล่านี้  
มันมิได้ขาดตอนที่สภาวะจิตเขาเป็นปกติ
แต่ขาดพร่องตอนที่ "ควบคุมตนเอง" ไม่ได้  
อันหมายถึงตอนที่ ขาดสติ หรือ สติแตก

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ขอท่านจงย้อนกลับขึ้นไปอ่านบรรทัดแรก   ของบทสนทนาบทนี้ซ้ำกันอีกครั้ง
เพื่อศึกษาเรียนรู้ "แผนที่ทางจิต" ของจ่า

ในทุกขั้นตอนขณะกำลังขาดสติอยู่ว่า...
เราได้ชี้ให้เห็นความจริงในมุมของจ่า  ขณะสภาวะจิตกำลังวิปริตเป็นอย่างไรบ้าง

จงอย่ามองจ่าเป็นแค่ไอ้ฆาตกรอย่างเดียว
จ่าฆาตกรควรจะเป็นครูในสายตาสังคมด้วย
เพราะจ่าเป็นหนึ่งของผลิตผลทางสังคม  ที่เป็นความล้มเหลวของสังคม ชาติ และโลก
อันเกิดจากขาดการปลูกสร้างจิตสามนึก  ซึ่งเป็นเรื่องของจิตปัญญาและจิตวิญญาณ
โดยใส่ใจพัฒนาคนกันแต่เปลือกนอกเท่านั้น

อบรมกันแต่ด้านวิชาการ
ฝึกทักษะกันแต่ด้านการทำงาน
ทุกองค์กรทุกหน่วยงานล้วนเน้นกันเท่านี้

จะมีบ้างก็พาเข้าวัดจัดสอนกรรมฐาน  แต่......
การฝึกทักษะในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ด้วยการฉลาดยอมรับ  ฉลาดปรับตัวเข้าหาผู้อื่น
ฉลาดคิด  ฉลาดแก้ปัญหา  มีมหาสติในการดำเนินชีวิต
ซึ่งเป็นเรื่องของ "จิต" ที่สำคัญสูงสุดของมนุษย์  กลับไม่ยอมใส่ใจให้ความสำคัญ
ทั้งๆที่พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า  จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ที่ใครๆก็ยังจำได้อยู่

บทเรียนบทนี้เราต้องการนำเสนอแค่ว่า...

สังคมหรือองค์กรและหน่วยงานต่างๆ 
ต้องเร่งหันมาช่วยเหลือบุคลากรของท่าน   
ในการยกระดับจิตปัญญาพัฒนาจิตสามนึก  
แทนที่จะปล่อยให้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ

อาการ สติแตก ดังเช่นกรณีของจ่าทหาร  
ที่เป็นภัยอันตรายต่อคนรอบข้างเช่นนี้  
มันจะยังมีผลิตผลที่ล้มเหลวของสังคม
ให้ท่านทั้งหลายได้เผชิญกันต่อไปอีก 
ถ้าหากสังคมยังละเลยการใส่ใจ

งานพัฒนาโครงสร้างทางจิตวิทยาของมนุษย์  
ที่นับวันจะผุกร่อนให้มันแข็งแกร่งขึ้น  
เพื่อจะเป็นโครงสร้างหลักของโครงสร้างอื่น  
เช่น โครงสร้างทางกายภาพหรือกายสังขาร   
และโครงสร้างทางสังคมที่คนๆนั้นดำรงอยู่

ปัญหาด้านอาชญากรรม ฆาตกรรม โจรกรรม
ปัญหาด้านการทะเลาะเบาะแว้งกัน
ปัญหาด้านการเป็นหนึ่งเดียวกันในทีมในสังคม
ล้วนเป็นปัญหาด้าน จิตวิทยา ที่เกิดจากสภาวะจิตของมนุษย์ไม่แข็งแรง
เพราะขาดการอบรมขาดการฝึกฝนให้มีทักษะ   โดยมัวแต่ไปใส่ใจฝึกอบรมกันในด้านอื่น
เพราะขาดวิสัยทัศน์ที่จะเข้าใจและเห็นสำคัญ

ท่านจงดูเถิดว่า...
ปัญหาจิตสามนึกบกพร่องของมนุษย์นั้น
เดี๋ยวนี้หาดูได้ทุกที่ไม่ยากเลยท่าน

ขับรถบนท้องถนนก็พบเจอคนสติแตกได้ง่ายไม่ยากเลย

ไปกินเหล้าเข้าบาร์เดียวกัน  พอพลาดเผลอเหยียบตีนกัน  พอส่งเสียงดังโวยวายให้รำคาญกัน
พอเผลอมองหน้ากันเท่านั้นเอง  คนเหล่านี้ก็แสดงอาการก้าวร้าวแบบสัตว์  
จัดการฝ่ายตรงข้ามเสมือน "เหยื่อ" ทันที

ไปทำบุญที่วัดเดียวกัน  ก็ไปทะเลาะกันมีปากเสียงกัน  
ทั้งๆที่ไปถือศีลปฏิบัติธรรมด้วยกัน
ทั้งๆที่วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

สถานการณ์ตัวอย่างเหล่านี้
เกิดจากคนเก่ง คนฉลาด และคนดี  
ที่จิตสามนึกบกพร่องเพราะขาดสติทั้งสิ้น
มิได้เกิดจากคนพาลสันดานชั่วเท่านั้น


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
11/02/2020