02 กุมภาพันธ์ 2563

ปัญหาที่น่ากลัวกว่า "ภาวะโลกร้อน" ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเผชิญอยู่




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงเรื่อง "ภาวะโลกร้อน"
อันเกิดจากก๊าซเรือนกระจกให้ท่านรู้อีกว่า

สาเหตุที่ทำให้เกิด เรือนกระจก ก็เพราะว่า
กลุ่มก๊าซที่มีน้ำหนักมวลมาก
จำพวกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
จำพวกก๊าซไฮโดรคาร์บอนและอื่นๆ
รวมทั้งไอพิษจากสารเคมีและพลาสติก
รวมทั้งผงฝุ่นหมอกควันขนาดพีเอ็ม 2.5
ที่ลอยตัวขึ้นไปจากพื้นโลก
แล้วพากันสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศโลก
เพราะลอยสูงขึ้นต่อไปเรื่อยๆอีกไม่ได้แล้ว
เนื่องจากถูกแรงดึงดูดของโลกยึดรั้งไว้

ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้
จะพากันลอยขึ้นไปติดค้างสั่งสมเพิ่มขึ้น
จนทำให้โลกมีความหนาของเรือนกระจก
ที่ปกคลุมหุ้มห่อโลกไว้หนาขึ้นเรื่อยๆ
โดยความหนาของเรือนกระจกที่ว่านี้
จะแปรผันตามปริมาณของก๊าซเรือนกระจก
ที่ชาวโลกผลิตสร้างเพิ่มขึ้นต่อเดือนต่อปี
และระยะเวลาสั่งสมปริมาณก๊าซขยะพวกนี้ด้วย

หมายความว่า......
ถ้ายิ่งผลิตก๊าซเรือนกระจกออกมากันเยอะๆ
และยิ่งทิ้งปัญหานี้ไว้นานไม่มีการใส่ใจแก้ไข
มนุษย์โลกก็จักต้องเผชิญกับหายนะภัย
มากกว่าปัญหา ภาวะโลกร้อน ที่กลัวกันเสียอีก

ปัญหาใหญ่จากก๊าซเรือนกระจก
ที่น่ากลัวกว่า "ภาวะโลกร้อน"
ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเผชิญกันอยู่
แต่ละเลยโดยทิ้งปัญหาน่ากลัวเอาไว้เฉยๆ
เพราะข้ามผ่าน ความโลภ กันไม่ได้
เนื่องจากไม่ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตน
เพื่อช่วยกัน "ค้ำจุน" สมดุลโลก

ในการลดสร้างก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลงนั้น
เราพอจะกล่าวให้รู้ไว้ล่วงหน้าได้ดังนี้......

1.อุณหภูมิภายในระบบโลกจะเพิ่มสูงขึ้น
จนทำให้ภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของโลก
มีการเปลี่ยนแปลงไปในระดับเป็นอันตราย
ต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในระบบโลกเสรีนี้

ในขณะเดียวกัน
ภายในระบบโลกก็จะมีเชื้อโรคพันธุ์ใหม่
วิวัฒนาการตัวเองขึ้นมาอีกมากชนิด
เนื่องจากภูมิอากาศโลกเอื้ออำนวย
จนมนุษย์ต้องทำสงครามกับเชื้อโรคอยู่เนืองๆ
เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย

นอกจากนั้น
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ก็จะขาดแคลนอาหารบริโภค
เพราะเพาะปลูกไม่ได้ เลี้ยงสัตว์ไม่ได้

2.โลกจะมีปริมาณก๊าซออกซิเจนเจือจางลง
ขณะที่ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ปริมาณของก๊าซเรือนกระจกและฝุ่นควัน
ในอากาศจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น

ผู้คนจำนวนมากก็จะป่วยด้วยโรคขาดออกซิเจน
เช่น จะมีอาการสมองเฉื่อยช้าปัญญาทึบ
จะเหนื่อยง่ายและร่างกายอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง
เพราะกล้ามเนื้ออ่อนล้าจากการขาดออกซิเจน
และหลายคนจะเป็นโรคเซื่องซึมหาวนอนทั้งวัน

ผู้คนจำนวนมากจะป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ
และจะเป็นโรคปอดเรื้อรังรักษาไม่หาย
เพราะหายใจเอาฝุ่นควันพิษเข้าไปตลอดเวลา

หลายคนจะเป็นโรคหลอดลมอักเสบ
ปอดอักเสบ เจ็บคอแสบคอแสบจมูก ไอแห้งๆ

ธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพจะบูมมาก
เพราะพี่ๆน้องที่ร่างกายอ่อนแอไม่แข็งแรง
จะเจ็บไข้ได้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสสารพัดโรค

3.เมฆฝนจะลอยอยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยตึกสูงๆ
จึงทำให้เกิดพายุแม่เหล็กในก้อนเมฆระดับต่ำ
จนยังผลให้ฝนฟ้าคะนองฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่า
และเกิดพายุหมุนซึ่งล้วนจะเป็นภัยต่อมนุษย์
ในระดับที่รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน

จะเกิดฟ้าผ่าอาคารบ้านเรือน
จะเกิดฟ้าผ่าโรงเก็บสารเคมีที่เป็นพิษ
จะเกิดฟ้าผ่าคลังแสงหรือคลังอาวุธ
จะเกิดฟ้าผ่าสถานที่สำคัญทางศาสนา
จะเกิดฟ้าผ่าอาคารสูงที่เป็นขยะวัตถุเท็คโนโลยี

4.ก๊าซไฮโดรเจนและออกซิเจน
ซึ่งมีปริมาณน้อยกว่าก๊าซเรือนกระจก
ที่ปกคลุมหุ้มห่อโลกเอาไว้อย่างมั่นคงอยู่
จะถูกสายฟ้าจากสนามแม่เหล็กในก้อนเมฆ
และการเคลื่อนที่เร็วของอิเล็คตรอนอิสระ
จนเกิดประกายไฟและความร้อนสูงมากนั้น
จะยังผลให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นในก้อนเมฆ
เดี๋ยวเกิดเอง เดี๋ยวดับเอง เดี๋ยวเกิดที่นั่นที่นี่
โดยมนุษย์จะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร


พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

สถานการณ์ตัวอย่างทั้ง 4 แบบนี้
มิใช่นวนิยายวิทยาศาสตร์แบบแฟนตาซี
ที่เขียนขึ้นมาเพื่อใช้ประโลมโลก
แต่มันจะเป็นจริงแท้แน่นอน
ถ้ามนุษย์โลกยังเหลวไหลกันอยู่อย่างทุกวันนี้
หรือยังละเลยปัญหานี้โดยไม่ทำอะไรเลย

เราจะกล่าวย้ำไว้อีกครั้งว่า
ปัญหาทั้ง 4 ประการที่พวกท่านต้องเผชิญ
ล้วนเริ่มต้นจากปัญหาก๊าซเรือนกระจกนี่แหละ
แล้วในที่สุดปัญหานั้นมันก็บานปลาย

ทางแก้ปัญหานี้มีอยู่ 2 ทางเท่านั้น คือ

1.จะช่วยกันลดการผลิตก๊าซเรือนกระจก
ให้น้อยลงให้มากที่สุดและรวดเร็วได้อย่างไร

2.จะทำลายหรือกำจัดสภาวะเรือนกระจก
ที่ปกคลุมหุ้มห่อโลกอยู่แล้วได้อย่างไร

ทุกวันนี้นั้น
มนุษย์คิดที่จะทำตามข้อ 1.อยู่ทางเดียว
แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะผ่านความโลภไม่ได้
ขณะที่ข้อ 2.ยังไม่เคยอยู่ในความคิด
เพราะขาดสำนึกรับผิดชอบ


ในตอนต่อไป
เราจะนำเสนอแง่คิดแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้
ที่จะประสบความสำเร็จแบบเบ็ดเสร็จ
ให้ท่านทั้งหลายได้เรียนรู้และรับรู้ว่า
โลกยังมีหนทางแก้ปัญหานี้ได้อยู่
เพียงแต่ชาวดาวโลกจะเอาไหนหรือไม่เท่านั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2/02/202