06 กุมภาพันธ์ 2563

โลกกำลังเสียสมดุลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว



ขณะนี้นักดาราศาสตร์โลก  พบว่า "ดวงจันทร์"  
กำลังเคลื่อนตัวห่างออกไปจากโลก   ประมาณหนึ่งนิ้วครึ่งต่อปี

ขณะที่พวกเขายังพบด้วยว่า...  
โลกหมุนรอบตัวเองช้าลงเรื่อยๆอีกด้วย
จนนำไปสู่เหตุการณ์แผ่นดินไหวแรงๆ   ที่มีสถิติการเกิดบ่อยครั้งมากขึ้นด้วย

แต่พวกเขาก็ยังอธิบายไม่ได้ว่า......  
ปรากฏการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่  และมันเกี่ยวข้องกันอย่างไร  หรือมันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ดาวเคราะห์โลกมีดวงจันทร์เป็นดาวเพื่อน  
โดยพระผู้สร้างทรงกำหนดให้ทั้งสองดวง  
เป็นดาวที่อยู่ในระบบเดียวกันตลอด
ทั้งสองดวงต่างต้องช่วยค้ำจุนกันและกันไว้   
จะขาดซึ่งกันและกันไม่ได้เด็ดขาด

ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้......
ต้องอาศัยดวงจันทร์ช่วยชะลอความเร็วในการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
เพื่อมิให้หมุนเร็วเกินกว่าที่พระองค์กำหนดไว้
จึงทรงกำหนดให้โลกมีอิทธิพลต่อการหมุนรอบตัวเองของดวงจันทร์ด้วย

ถ้าโลกนี้หมุนรอบตัวเองช้าลง   จะยังผลให้ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองช้าลงด้วย
ปัญหาของโลกและดวงจันทร์ที่จะเกิดต่อเนื่องจากปรากฏการณ์นี้   
ก็คือ...ทั้งสองดวงจะเคลื่อนตัวห่างออกจากกันเรื่อยๆ  เพราะแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งระหว่างกันลดลง

ดังนั้น
ในรอบสิบปีที่ผ่านมา   
นักวิทยาศาสตร์โลกแขนงดาราศาสตร์ซึ่งเฝ้าคอยติดตามสังเกตการณ์   ก็พบความจริงว่า  
ดวงจันทร์กับโลกมีการเคลื่อนตัวห่างออกจากกัน  ด้วยระยะห่างเฉลี่ย 1 นิ้วครึ่งต่อปีตลอดมา

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
นี่จึงเป็นเครื่องชี้วัดอย่างชัดเจนว่า....โลกกำลังเสียสมดุลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว  

โดยเราไม่จำเป็นต้องสร้างจินตภาพ   
เพื่อคอยเตือนให้ท่านทั้งหลายรู้ล่วงหน้า
เหมือนสามสิบปีที่ผ่านมากันต่อไปอีก
เพราะความจริงนั้นมันได้เกิดขึ้นแล้ว


ไม่ผิดหรอกที่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้  จะพากันตั้งข้อสังเกตให้ฉุกคิดด้วยว่า  
ปรากฏการณ์เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง  เฉลี่ย 10-15 ครั้งต่อปีในรอบสิบปีที่ผ่านมา  
มันมีสาเหตุมาจาก #โลกหมุนช้าลง

แต่เราจะกล่าวความจริงให้รู้เพิ่มเติมว่า......
มันยังมีสาเหตุอื่นๆอีกด้วย คือ
1.ดวงจันทร์และโลกหมุนรอบตัวเองช้าลง
2.ดวงจันทร์กับโลกเคลื่อนตัวห่างออกจากกัน
3.ดวงจันทร์โคจรรอบโลกหนึ่งรอบนานวันขึ้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ปรากฏการณ์เสียสมดุลทั้งโลกและดวงจันทร์  ทั้ง 3 ประการนี้   
มันมีสาเหตุมาจากมนุษย์โลก   
มีจิตสามนึกต่ำทรามย่ำแย่ลงเรื่อยๆ  
คงหมุนแต่กรรมจักรโดยไม่หมุนธรรมจักร  
เพราะคนนำทางตาบอดไม่สั่งสอน  เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ในอนุตรธรรมนี้

คนส่วนใหญ่ที่ก้าวตามคนนำทาง
มักถูกสอนให้ทำเพื่อตัวเองคือการหนีทุกข์   
ด้วยการสร้างทางเบี่ยงไปทางสวรรค์มายา   
แล้วละทิ้งภารกิจของจิตวิญญาณบนโลก   
โดยพากันหลงทางไปนิพพานตลอดมา

ภารกิจของจิตวิญญาณบนโลกนี้  คือ  การสั่นสะเทือนจิตหยาบ   
เพื่อผลิตสร้างพลังงานความรัก   
ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกมอบให้แก่ดาวเคราะห์โลกนั่นเอง

ถ้าพากันหนีสังสารวัฏไปจากโลก
แล้วหลุดลอยขึ้นไปโผล่อยู่ในอวกาศ   ที่เรียกกันว่า "สวรรค์มายา" กันเสียแล้ว
ท่านผู้นั้นก็ทำภารกิจของจิตวิญญาณไม่ได้  กลายเป็น "ขยะ" ชิ้นหนึ่งซึ่งโลกไม่ต้องการ

เมื่อคนที่ยังเวียนว่ายอยู่บนโลกกับจิตวิญญาณที่หลุดลอยไปสวรรค์มายา
ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้   ให้ความรักกับโลกไม่ได้หรือให้ไม่พอ   
แกนกลางของโลกซึ่งเป็นแกนแม่เหล็กโลก   จึงขาดพลังงานที่จะใช้บิดตัวต่อเนื่อง
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนต่อเนื่องตามอัตราเร็วที่พระผู้สร้างทรงกำหนดไว้
นั่นคือประมาณ 24 ชั่วโมง ต่อรอบ

ดังนั้น
ดาวเคราะห์โลกจึงหมุนรอบตัวเองช้าลง
เพราะมนุษย์ไม่รักกันและไม่รักโลก  
จึงพากันล้มเหลวในการคนตนเองเพื่อยกระดับให้เป็นมนุษย์  
จึงพากันหมุนกรรมจักรแทนธรรมจักร

นี่เป็นสาเหตุหลักที่ยังผลให้โลกกับดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองช้าลง
เคลื่อนตัวห่างออกจากกัน 1 นิ้วต่อปี  ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
ถ้านับระยะห่างก็ได้ไม่น้อยกว่า 10 นิ้วแล้ว  ซึ่งจัดว่าเสียสมดุลชัดขึ้นมากแล้วล่ะนะ

ถ้ามนุษย์ไม่รักกันมากขึ้น  
ยังบ้าวัตถุมายา บ้าอุตริอวิชชากันมากขึ้น
ยังเป็นทาสกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะมากขึ้น
ยังพาจิตวิญญาณหลงทางไปสวรรค์มายา
หลุดลอยค้างเป็นขยะอยู่บนฟ้ากันมากขึ้น
มันจะยังผลให้ทั้งโลกและดวงจันทร์
ยิ่งเสียสมดุลมากขึ้นจนยากเยียวยาแน่นอน

สิ่งที่ช่างเท็คนิกหรือฑูตสวรรค์ต้องทำ  เพื่อปรับสมดุลโลกเฉพาะกิจในยามวิกฤต
นั่นคือ....
การส่งพายุสุริยะเข้ามายังโลก   ในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้แก่แกนแม่เหล็กโลกแทนมนุษย์  เพื่อค้ำจุนสมดุลโลกเอาไว้นั่นเอง

เมื่อเป็นพลังงานที่ถูกส่งเข้ามาเป็นระยะ  
มิได้ส่งเข้ามาแบบกระแสธารต่อเนื่อง  
ด้วยพายุสุริยะจากจุดดำบนดวงอาทิตย์  
ซึ่งมีความเร็วเฉลี่ย 400 กิโลเมตรต่อวินาที
เมื่อส่งถึงแกนโลกจึงเกิดการระเบิดขึ้น  
แต่ไม่ต่อเนื่องเหมือนความรักจากจิตมนุษย์   
อาการกระตุกเมื่อมีการบิดตัวที่แกนโลก  
จึงเป็นที่มาของการเกิดแผ่นดินไหว  
รุนแรงมากน้อยบ่อยถี่ตามที่ปรากฏอยู่

นอกจากนั้น  
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือในขณะนี้...ดวงจันทร์โคจรครบหนึ่งรอบเกิน 30 วันแล้ว
ทำให้มีผลกระทบต่อเวลาน้ำขึ้นน้ำลง
กระทบต่อการเดินเรือในทะเลและมหาสมุทร
กระทบต่อรอบเดือนของสตรีโลก
กระทบต่ออารมณ์อ่อนไหวในมนุษย์  ที่จะทำให้ขาดสติง่ายขึ้น 
เป็นต้น

ถ้าในอนาคตอันใกล้นี้
ดวงจันทร์โคจรรอบโลกครบหนึ่งรอบ  ใช้เวลานานถึง 47 วันเมื่อไหร่
เมื่อนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว
พร้อมทั้งภัยพิบัติต่างๆก็จะเกิดขึ้นตามมา
เนื่องจากดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวนไปหมด  
เพราะแกนหมุนของโลกเกิดการแกว่งส่ายรุนแรงติดต่อกัน  
นานหลายวันกว่าจะคืนสมดุลดังเดิมได้

เมื่อเราเตือนแล้วไม่มีผู้ใดใส่ใจ
ชะตากรรมโลกกับมนุษย์ในวันข้างหน้า
ย่อมตกอยู่ในอันตรายอย่างเหนือคำบรรยาย
เพราะมนุษย์ไม่รู้ว่าตนเองกับโลกถูกกำหนดไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อใดที่จิตสามนึกมนุษย์ตกต่ำ   มนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยพิบัติเสมอ......

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
06/02/2020