เราได้กล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
ในเรื่องกฎแห่งกรรม แบบที่ 1 ไปแล้ว
เรายังมีความรู้เรื่อง "เวรกรรม"
อันอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
ในการสำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณ
ในผลกรรมแบบที่ 2 ให้ท่านรู้อีกว่า
ถ้าหากภพชาตินี้
ท่านต้องประสบกับชะตากรรมต่อไปนี้แล้ว
ท่านจะสามารถสอบผ่านบททดสอบ
และเข้าถึงความสำเร็จด้านการเรียนรู้
ในมิติแห่งจิตวิญญาณ
ซึ่งแก่นแท้ของท่านถือชะตากรรมนั้น
ติดตัวมาเองจากชาติที่แล้วได้
ท่านจักต้องสำนึกให้ได้ว่า
ท่านก่อกรรมทำเวรอะไรมา
ชะตากรรมในกรรมแบบที่ 2 นี้ก็คือ
1.มีคู่กี่ครั้ง ก็หย่าร้างทุกคน
2.อยากมีคู่ร่วมเตียงเมียงมองมาหลายปี
แต่ชีวิตนี้ดูเหมือนจะยากไร้คู่ครอง
3.ไม่มีความสุขในครอบครัว
ความเป็นคู่ตัวผัวเมียมักไม่ราบรื่น
ทะเลาะกันเป็นนิจ ผิดใจกันเป็นประจำ
ทั้งๆที่บางครั้งทะเลาะกันจริงจัง
ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง....
แปลก.....ทะเลาะกันอย่างไร
แต่กลับไม่มีใครคิดจะแยกทาง
แปลก...แปลก.....ทะเลาะกันหยกๆ
แต่ลูกดกยั้วเยี้ย....
ดังนั้น
หากท่านจะสอบผ่านบททดสอบนี้
ท่านจึงจะต้องเรียนรู้ชีวิตคู่ชีวิตโสด
ให้ถ่องแท้ว่า...
อันว่าคู่ครองของท่านนั้น......
เป็นเสมือนทรัพย์สิ่งที่มีค่า
ท่านมีหน้าที่ต้องให้เกียรติกัน
ท่านต้องปฏิบัติต่อกันอย่างละมุนละมัย
ด้วยจิตใจที่มองเห็นคุณค่าของกันและกัน
ต้องรู้จักอดทน อดกลั้น ให้อภัย
ไม่เอาความรู้สึกนึกคิด
และความต้องการของฝ่ายใด
มาใช้อำนาจเหนือนำอีกฝ่ายหนึ่ง
ต้องคิดดีต่อกัน
ต้องพูดดีต่อกัน
ต้องทำดีต่อกัน
ต้องมองกันในแง่ดี
ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นเหยียดหยามกัน
เมื่อใครผิดจักต้องไม่ซ้ำเติมกัน
ต้องไม่หวาดระแวงต่อกัน
ต้องซื่อสัตย์ต่อกันทั้งต่อหน้าลับหลัง
นอกจากนั้นท่านยังจะต้องรู้ด้วยว่า
อันคู่ครองของท่านนั้น
คือผู้ที่มาเกิดเพื่อร่วมเล่นละครชีวิต
ไปตามบทบาทที่ตัวท่านนั่นแหละ
เป็นผู้ขีดเขียนแล้วร้องขอให้เขาเล่น
ไม่ว่าจะเป็นบทดีหรือบทร้าย
ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ท่านเข้าถึง
การสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวกต่อเขา
ด้วยการรักเขาให้ได้
ด้วยการให้อภัยเขาให้เป็น
ด้วยการอดทน อดกลั้น เมตตา สงสาร
ไปตามบทบาทที่เขาแสดงต่อท่าน
เพื่อใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมของเขา
ผลิตสร้างประจุบวกให้กับโลก
ตามเงื่อนไขพันธะสัญญาข้อแรกในหกข้อ
ที่จิตวิญญาณของเขา
ได้ให้ไว้ต่อพระบิดาตั้งแต่ภพชาติแรก
ที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
ตัวท่านซึ่งเป็นคู่ครองเขาเองก็เช่นกัน
ก็ได้ขอร้องให้เขาช่วยเล่นละครชีวิต
ไปตามบทบาทที่ท่านเอง
เป็นผู้เลือกให้เขาเล่นด้วยเช่นกัน
โดยต่างได้ร่วมวางแผนกันมา
ณ วิหารสีขาวที่เราเรียกว่า "ด่านนภาลัย"
ซึ่งเป็นประตูมิติระหว่างเอกภพ
กับดินแดนแห่งสุญญตาของผู้หลุดพ้นนั่น
เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีแล้ว
ท่านทั้งหลายถูกปิดมิติไว้มิให้ล่วงรู้
เพื่อใช้บทละครที่เขียนกันมา
เป็นบททดสอบจิตสำนึกของทั้งคู่
โดยอาศัยความไม่รู้เพราะจำไม่ได้ของทั้งคู่
เป็นเงื่อนไขสำคัญนั่นเอง
หากท่านเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง
ตามที่เราเปิดเผยมาทั้งหมดนี้
แล้วปรับปรุงแก้ไขจิตสำนึกเสียให้ถูกต้อง
เวรกรรมบทนี้จักถือเป็นยุติ
ด้วยการรักได้ ให้เป็น
เห็นคุณค่าของคู่ครองของท่านเท่านั้น
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-2-2016