เราจะกล่าวความจริงเรื่อง"เวรกรรม"ให้รู้ว่า
กระบวนการของกฎแห่งกรรมนั้น
เป็นกฎเกณฑ์ทางพลังงานด้านของจิต
ที่สัมพันธ์กับความจริงในมิติทางกายภาพ
ทั้งของโลกและจักรวาล
โดยมีจิตมนุษย์แต่ละคน
เป็นผู้เริ่มต้นหรือจุดเริ่มของการสั่นสะเทือน
จนทำให้เกิดคลื่นพลังงานกรรมนั้นขึ้นมา
ซึ่งเราเรียกมันว่า "กรรมเวร"
โดยมีสนามพลังงานของโลกและเอกภพ
เป็นสื่อกลางในการสั่นสะเทือนนี้
ซึ่งมันจะเริ่มต้นจากจิตของผู้ก่อ
แล้วขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ
แบบคลื่นวงกลมอย่างต่อเนื่อง
จนกว่าจะไปถึงสุดชายขอบของเอกภพ
โดยมีสุดชายขอบของสนามพลังงาน
ที่มีรูปลักษณ์เป็นทรงรี
ที่เป็นเสมือนห้องทดลองขนาดใหญ่
ซึ่งพระบิดาทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้
ที่เราเรียกว่า "เอกภพ" เป็นจุดวกกลับ
จุดวกกลับของคลื่นตรงชายขอบเอกภพนี้
คือ จุดที่คลื่นพลังงานกรรมของท่าน
เมื่อเดินทางไปกระทบกับมันเมื่อไหร่
คลื่นพลังงานกรรมนั้นก็จะสะท้อนกลับ
เพื่อย้อนคืนสู่ผู้เริ่มต้นการสั่นสะเทือน
อันหมายถึง "จิต" ก็คือตัวท่านนั่นเอง
ดังนั้น
ท่านหรือใครก็ตามเมื่อก่อกรรมเวรขึ้นมา
จากการสั่นสะเทือนทางจิตหรือมโนกรรม
นั่นเท่ากับว่าได้สร้างความสัมพันธ์กัน
ระหว่างตนเอง คู่กรรมคู่เวร โลกและเอกภพ
ต่อเบื้องพระพักตร์พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทางด้านลบที่เหลวไหลไปเรียบร้อยแล้ว
บุรพกรรมหรือวิบากกรรมที่ทำต่อตนเอง
พันธะสัญญากรรมหรือชะตากรรม
ที่กระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นจนเขาเสียสมดุล
ซึ่งเมื่อใครก่อมันขึ้นมาแล้ว
มีการสะท้อนย้อนกลับคืนสู่เจ้าของนี้
เราจะเรียกว่า "เวรกรรม"
เวรกรรม จึงหมายถึง "ผลกรรมด้านลบ"
ที่เราเรียกว่า "กรรมเวร" ของพวกท่าน
เมื่อได้ผลิตสร้างมันขึ้นมาแล้ว
ผู้สร้างมันขึ้นมาจักต้องมีหน้าที่ "รอเวลา"
เพื่อการรับกลับคืนสถานเดียว
ใครก่อใครทำกรรมเวรนั้นไว้
ใครคนนั้นนั่นแหละจักต้องรอรับผิดชอบ
ถ้าก่อกรรมด้านบวกหรือด้านดีไว้
แล้วหมายจะรับผลตอบแทน
โดยทำไป ร้องขอไป อธิษฐานไป
หรือก่อกรรมด้านลบที่ไม่ดีไว้
ก็จักต้องรอรับผลกรรมนั้นอยู่บนโลกนี้
หากโชคร้ายตายก่อนที่ผลกรรมจะมาถึง
ก็ต้องรีบย้อนกลับมาเกิดในภพชาติใหม่
เพื่อมารองรับผลกรรมบวกหรือลบ
ที่ตนได้ก่อเป็นผลกรรมขึ้นไว้เสมอ
ไม่ว่ากว่ามันจะย้อนกลับคืนมา
ต้องใช้เวลายาวนานปานใด
ท่านทั้งหลายก็ต้องรอ
การที่ท่านต้องรอรับผลกรรมของตนเอง
เป็นเวลายาวนานร่วมภพชาติ
เพราะคลื่นพลังงานกรรมของท่าน
จักต้องเคลื่อนที่เดินทางจากตัวท่าน
ผ่านสื่อกลางทางพลังงาน
ทั้งของโลกและเอกภพ
จนไปกระทบชายขอบจักรวาล
แล้วคลื่นนั้นต้องสะท้อนกลับมาสู่ท่าน
ต้องใช้เวลายาวนานก็เพราะว่า
เอกภพนี้มีขนาดใหญ่มากๆ
การเดินทางไปกลับของคลื่นพลังงาน
จึงจำต้องใช้เวลาทางกายภาพนานมาก
เราจึงจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
เพื่อให้รู้และเข้าใจเสียให้ถูกต้องว่า
กระบวนการกฎแห่งกรรมดี-ชั่ว
ภายในจักรวาลนี้ของพระบิดานั้น
สัจธรรมความจริงด้าน "อภิปรัชญา"
มันต้องเป็นของมันเช่นนี้เอง
หากพวกท่านทำกรรมดีใดไว้แล้วร้องขอ
หรือพวกท่านทำกรรมชั่วใดไว้
แม้จะมิได้ร้องขอที่จะรับผลกรรมนั้น
ไม่ว่าตัวเราหรือใครคนอื่นๆ
จะมารับผลกรรมนั้นๆแทนกันไม่ได้
การเป็นผู้ไถ่บาปให้แก่พวกท่าน
เราจึงหมายถึงการชี้บุญชี้บาปแก่ท่าน
ไปตามความจริงที่เราเรียนรู้จากพระบิดา
เราจึงเป็นผู้กล่าวไปตามพระโอวาท
แห่งองค์จิตจักรวาล
เพราะเรามิสามารถรับโทษบาปแทนใครได้
แม้สี่ห้องใจแห่งเราจักปรารถนาก็ตาม
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-2-2016