เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะที่ท่านกำลังนั่งหลับตา
ปฏิบัติกรรมฐานสมาธิอยู่เพียงลำพัง
แล้วกำหนดจิตให้เห็นเป็นภาพใดๆก็ตาม
ที่ท่านต้องการจะแลเห็นมัน
ตัวอย่างเช่นกำหนดให้เห็นเป็นลูกแก้ว
อยู่แถวๆท้องน้อยของตัวเองนั้น
เราขอบอกท่านทั้งหลายให้รู้ว่า
ภาพที่ท่านกำหนด "นึกให้เห็น" เป็นลูกแก้วนั่น
มันเป็นแค่เพียงภาพมายาเท่านั้นนะ
เพราะจิตของท่านปรุงแต่งมันขึ้นมาเอง
มันเป็นเพียงสิ่งที่ท่านสมมติขึ้นมา
มิใช่ภาพจริงในมิติแห่งจิตวิญญาณ
ท่านรู้หรือไม่ว่า......
ถ้าวันๆท่านเอาแต่นั่งหลับตากำหนดจิต
เพื่อที่จะ "นึกให้เห็นมายา"
มีรูปลักษณ์หน้าตาเป็นลูกแก้ว
ให้เห็นแล้วเห็นอีก
โดยฝึกที่จะเห็นมันอยู่อย่างนั้น
นานวันเข้า "ลูกแก้วดวงสมมติ"
ซึ่งเป็น "มายา"
มันจะกลับมาหลอนตัวท่านเอง
ให้เกิดการ "นึกว่าเห็นจริง" เข้าสักวัน
จงจดจำเอาไว้ว่า....
แรกเริ่มจะประเดิมด้วยการกำหนดจิต
ด้วยการ "นึกให้เห็น" ลูกแก้วที่เป็นมายา
พอฝึกจิตให้ทำเช่นว่านี้ไปนานๆเข้า
จิตของท่านก็จะเปลี่ยนจากการ "นึกให้เห็น"
เป็น "นึกว่าเห็น" ลูกแก้วปลอมนั่น
โดยหลงผิดคิดว่ามันเป็นของจริงแทน
จนหลายรายหลงเชื่อว่าเจ้าลูกแก้วมายานั่น
มันเป็นกายทิพย์ของตนเข้าไปโน่น
ทั้งๆที่หากใช้มหาสติตรึกตรองไปตามจริงแล้ว
ก็จะพบความจริงได้ว่า
ที่ตนเชื่อว่าใช่นั้นแท้จริงแล้วมันไม่ใช่
นอกจากนั้น
การเชื่อว่าที่ตัวท่านเองเห็นลูกแก้ว
ซึ่งใส่รหัสเพิ่มเข้าไปอีกว่าเป็นกายทิพย์นั้น
มันเป็นการแลเห็นภาพจริงด้วยจิตแน่หรือ
เพียงแค่ท่านฝึกปฏิบัติจิต
ด้วยการนั่งเพ่งลูกแก้วอยู่แค่ไม่กี่สัปดาห์
ท่านกลับสามารถเพิ่มสมรรถนะของจิต
ให้มีอำนาจพิเศษด้านทิพยจักขุคือตาทิพย์
จนสามารถแลเห็นรูปธรรมของสรรพสิ่ง
ที่มีอยู่จริงในมิติทางพลังงาน
ด้านของจิตวิญญาณได้แล้วแน่หรือ
ทั้งๆที่ท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า
รูปลักษณ์กายทิพย์จริงๆของตนนั้น
จะเป็นอย่างที่ท่านกำหนดมายาขึ้นมาหรือเปล่า
ท่านรู้หรือไม่ว่า....การปฏิบัติเช่นว่านี้นั้น
เท่ากับเป็นการสอนจิตให้ยึดติดมายา
แทนที่จะแสวงหาความว่าง
บนเส้นทางแห่งนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
นี่แหละ...
ปฏิบัติดีมานมนานแต่นิพพานกันไม่ได้
เป็นจริงได้แค่การ "หลุดลอย" เท่านั้น
ก็เพราะเหตุแห่งงมงายนี่แหละท่าน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25-2-2016