จิตจักรวาลอ่านกรรม
*********************
เราได้กล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
ในเรื่องกฎแห่งกรรม แบบที่ 1และ 2 ไปแล้ว
เรายังมีความรู้เรื่อง "เวรกรรม"
อันอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
ในการสำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
สำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณ
ในผลกรรมแบบที่ 3 ให้ท่านรู้อีกว่า
*ถ้าภพชาตินี้ชะตากรรมของท่าน
ต้องมีอาชีพเป็นคนรับใช้เขามาตลอด
โดยไม่สามารถเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นได้
เพราะคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรที่ดีกว่า
หรือหมายใจว่าจะทำแต่เหมือนไร้โอกาส
*ถ้าภพชาตินี้ในหลายๆปีที่ผ่านมา
ชะตากรรมของท่านที่เผชิญอยู่ก็คือ
การที่ท่านต้องตกอยู่ในสภาพ
เสมือนเป็นทาสของใครบางคน
ที่ชอบใช้อำนาจเหนือนำท่าน
ด้วยการออกคำสั่งบงการท่านให้ทำ
ในสิ่งที่ท่านไม่เต็มใจที่จะทำอยู่เนืองๆ
ท่านมักจะถูกกดขี่ข่มเหงทำร้าย
ทั้งร่างกายและจิตใจของท่าน
ให้ต้องได้รับทุกข์ระทม
ให้ได้รับความทรมาน หรืออับอาย
ในสภาวะจำเป็นต้องยอม
โดยที่ท่านไม่สามารถจะเป็นอิสระได้
ชะตากรรมทั้งสองลักษณะที่กล่าวนี้
ส่วนใหญ่แล้วผู้รับกรรมทั้งหลาย
จักต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ชั่วชีวิต
เพราะมันเป็น "เวรกรรม"
อันเกิดจาก "กรรมเวร" ที่ท่านผู้นั้นก่อไว้
ในภพชาติอดีตที่ผ่านมา
ความผิดบาปที่จิตวิญญาณแก่นแท้
ของผู้ที่ต้องเผชิญชะตากรรมดังว่านี้
จักต้องเรียนรู้และมีสำนึกให้ได้
เพื่อทำให้ผลกรรมนี้เป็นโมฆะก็คือ
ท่านจักต้องรู้สำนึกให้ได้ว่า
การที่ท่านต้องมีอาชีพเป็นข้ารับใช้ชั่วชีวิตนี้
การที่ท่านต้องตกเป็นทาสของคนอื่น
การถูกคนอื่นกดขี่ข่มเหงเอาเปรียบรังแก
มันล้วนเกิดจากความผิดบาปของท่านเอง
ในภพชาติอดีตที่ผ่านมา
ความผิดบาปที่ว่านี้ ก็คือ "เนรคุณ"
ต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ
คำว่า "เนรคุณ" หมายถึง
การกระทำไม่ถูกต้องต่อผู้มีพระคุณ
ให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
เสียทรัพย์สินสิ่งของ
เสียเวลา เสียโอกาส เสียชื่อเสียง
เสียใจจนแม้กระทั่งเสียชีวิต
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงเน้นย้ำเรื่องความกตัญญูกตเวที
ไว้เป็นลำดับต้นๆ
สำหรับคนที่จะเป็นมนุษย์
เพราะพระองค์ทรงแลเห็นว่า
พวกท่านที่เป็นส่วนใหญ่นั้น
เมื่อจิตวิญญาณได้รับโอกาส
ให้มาเกิดเป็นมนุษย์ยังโลกเสรีนี้แล้ว
ต่างก็พากันลืมพระผู้ให้กำเนิด
จิตวิญญาณของตนจนหมดสิ้น
มิหนำซ้ำหลายคนยังใช้จิตตปัญญา
กระทำการก้าวล่วงจ้วงจาบพระบิดา
ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณต่อตนเอง
ในฐานะผู้ให้โอกาส
มาเกิดเป็นมนุษย์ยังโลกเสรีนี้อีกด้วย
อีกทั้งยังจดจำไม่ได้ด้วยว่า
ตนเคยให้พันธะสัญญา 6 ข้อต่อพระบิดา
กันว่าอย่างไรบ้าง....
นี่มิใช่เป็นการ "เนรคุณ" ต่อผู้ให้กำเนิด
จิตวิญญาณของตนเองดอกหรือ
เพื่อให้ลูกๆที่เป็นบุตรมนุษย์
ได้สั่นสะเทือนจิตสำนึกแห่งผู้กตัญญู
เอาไว้อย่างจริงจังในทุกภพชาติ
จะได้อนุรักษ์คุณสมบัติข้อสำคัญนี้ติดตัวไว้
ไม่ว่าจะต้องเวียนตายเวียนเกิดกันกี่ชาติ
จิตวิญญาณนั้นก็จะได้ไม่ลืมพระบิดา
และไม่กระทำเนรคุณต่อพระองค์กันง่ายนัก
นี่ขนาดพระองค์ทรงเน้นเรื่องกตัญญูมาก
แต่มิวายบุตรมนุษย์ทั้งหลาย
ผู้กระทำตนเนรคุณต่อผู้มีพระคุณของตน
ก็ยังมีให้เห็นอยู่ในสังคมโลกกันอย่างดาดดื่น
ในปลายยุคพลังงานเก่านี้
ยังจะมีบุตรมนุษย์ของพระองค์สักกี่คนกัน
ที่ยังมีสำนึกรักพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ที่ยังปฏิบัติงานตามที่ขันอาสาพระองค์มา
ที่ยังคงรักษาพันธะสัญญา 6 ไว้ได้อย่างมั่นคง
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านว่า
ถ้าท่านปรารถนาการหลุดพ้น
ชะตากรรมของท่าน
ในชาติสุดท้ายสำหรับกรณีนี้
ก็เป็นอีกหนึ่งสำนึกที่ท่านจักต้องมี
เรา...ทราบดีอยู่แล้วว่า
การจะให้ท่านทั้งหลายนั้น
มีสำนึกในผิดบาปที่เนรคุณต่อพ่อแม่
ครูอาจารย์และผู้มีพระคุณกันได้เอง
มันมิใช่เรื่องง่ายดายเลย
หากสนามแม่เหล็กโลก
ยังมีแนวโน้มวิปริตแปรปรวนมากขึ้น
เพียงแค่เมื่อได้มาเกิดในชาตินี้แล้ว
ท่านต้องเผชิญกับการมีชีวิตลำเค็ญ
เพราะมักตกเป็นทาสของผู้อื่นอยู่เสมอ
เพียงแค่เมื่อได้มาเกิดในชาตินี้แล้ว
ชะตากรรมของท่านก็คือ
การตกเป็นข้ารับใช้ผู้อื่นอยู่เนืองๆ
จนมีแนวโน้มว่า....ตัวท่านนั้น
น่าจะตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1-3-2016