08 กรกฎาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 8/07/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
เพราะพวกคุณที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อปฏิบัติภารกิจทางจิตวิญญาณที่ขันอาสามา
ไม่สามารถทำตาม “พันธะสัญญา 6” ได้ครบถ้วน
โดยเฉพาะใน 2 ข้อแรก นั่นคือ
 
1.จะเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
โดยใช้ความรักบริสุทธิ์ช่วยให้โลกหมุนรอบตัวเอง
เพื่อสร้างและค้ำจุนความสมดุลของระบบโลกไว้
ให้มั่นคงและยืนยาวชั่วนิรันดร์
 
เพราะถ้ามนุษย์ช่วยค้ำจุนสมดุลโลกเอาไว้ได้
โลกก็จะช่วยค้ำจุนความสมดุลของเอกภพได้ด้วย
หมายถึงใช้ระบบเล็กค้ำจุนระบบที่ใหญ่กว่านั่นเอง
 
เมื่อจิตวิญญาณได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
พระเจ้าได้ทรงกำหนดออกแบบให้เป็น “คนสองมิติ”
โดยมี #จิตหยาบ ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณแล้ว
ก็ไม่อาจสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้วยรักบริสุทธิ์ได้
เพราะมนุษย์โลกไม่รู้ว่า “ความรักบริสุทธิ์” คืออะไร
ทั้งๆที่ความรักมี 2 แบบ คือรักเพื่อให้กับรักเพื่อเอา
ซึ่งรักเพื่อให้เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย
แต่รักเพื่อเอานั้นเป็นรักที่ต้องการให้ตอบสนอง
เป็นรักที่ต้องมีของแลกเปลี่ยนหมายถึง “ความใคร่”
เป็นความรักที่เริ่มต้นจาก #กิเลส นั่นแหละ
 
จากการที่มนุษย์ทั้งโลกที่เป็นส่วนใหญ่
ไม่รู้จักว่าความรักแท้หรือรักบริสุทธิ์เป็นอย่างไร
จึงไม่สามารถสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวกกันได้
ยังผลให้ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ขาดพลังงานบริสุทธิ์
ที่เป็น #พลังงานสะอาด คือพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก
ชนิดเดียวกันกับคลื่นพลังงานสนามแม่เหล็กโลก
เป็นพลังงานสะอาดที่ไม่มีใครจับจองเป็นเจ้าของ
เป็นพลังงานที่เป็นของกลางที่ใครก็ใช้ประโยชน์ได้
 
ในขณะที่คนชอบธรรมจำนวนมากแม้จะหมั่นทำบุญ
แต่ดันทำแล้วอธิษฐานร้องขอสิ่งตอบแทนเสมอ
ผลกรรมในมิติพลังงานแทนที่จะเป็นบวกบริสุทธิ์
กลับกลายเป็นพลังงานที่ดีแต่โลกเอาไปใช้ไม่ได้
เพราะคนผลิตหรือคนทำ “จับจอง” เอาไว้เองแล้ว
พลังงานที่ดีจากกรรมดีจึงเป็นพลังงานไม่สะอาด
เพราะมันเป็นพลังงานกรรมหรือผลกรรมดีของตน
แต่จะเป็นพลังงานกรรมที่เป็นของร้อนของคนอื่น
พลังงานดีที่ไม่สะอาดก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
 
ดังนั้น
เพราะมนุษย์โลกรักกันไม่ได้ทำบุญกันไม่เป็นเช่นนี้
โลกจึงขาดพลังงานที่จะช่วยให้มีการเหวี่ยงหมุน
เพราะการระเบิดในแกนโลกนั้นขาดความต่อเนื่อง
เนื่องจากอะตอมธาตุออกซิเจนมีตัวจุดระเบิดน้อยไป
ซึ่งตัวจุดระเบิดที่ว่านี้จะต้องได้จากความรักบริสุทธิ์
ที่มนุษย์แสดงออกหรือกระทำต่อกันตลอดวันเท่านั้น
 
ผลลัพธ์ของการที่โลกขาดพลังงานดังกล่าวนี้
ยังส่งผลให้แกนแม่เหล็กโลกที่ติดตั้งอยู่ในแกนโลก
คายสนามแม่เหล็กออกมาภายนอกอย่างไม่สม่ำเสมอ
สนามแม่เหล็กโลกที่จะปกคลุมหุ้มห่อระบบโลกไว้
จึงมีความเข้มสนามแม่เหล็กค่อนไปในทางน้อยลง
ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กก็ไม่สมดุลเพียงพอด้วย
ทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรมสองมิติคือร่างกายมนุษย์
ซึ่งเป็นเสมือนสนามแม่เหล็กระบบเล็กระบบหนึ่ง
ที่ต้องเหวี่ยงหมุนตัดผ่านสนามแม่เหล็กโลกไปด้วย
มีกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำในระบบต่ำกว่าค่าคงที่
ยังผลให้อวัยวะร่างกายมีพลังงานไฟฟ้าไม่พอใช้
 
นี่จึงเป็นที่มาของความหย่อนยาน
เป็นที่มาแห่งความเสื่อมของกายสังขารในข้อแรก
อันเป็นสาเหตุแห่งการตายของมนุษย์โลก
ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่เคยรู้ว่าตนไม่รู้กันมาก่อน
 
2.พันธะสัญญาในข้อสองที่ว่านี้ก็คือ
จิตวิญญาณคุณให้สัจจะสัญญาต่อพระเจ้าเอาไว้ว่า
จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นเงื่อนไขด้านบวกของผู้อื่น
เพื่อช่วยให้ผู้อื่นและตนเองหมุนธรรมจักรร่วมกัน
 
คำว่าเป็น “เงื่อนไขด้านบวก” นี้ เราหมายถึง
ต่างคนต่างวางแผนเขียนบทละครร่วมกันมาว่า
จะแสดงออกหรือกระทำต่อกันทั้งบทดีและบทร้าย
ด้วยเป้าหมายและวัตถุประสงค์เดียวกันก็คือ
เพื่อให้ผู้ถูกกระทำสั่นสะเทือนจิตหยาบด้านบวก
ตอบสนองเงื่อนไขทั้งดีและร้ายนั้นต่อกันให้จงได้
ด้วยการ #รักได้ให้อภัยเป็น นั่นเอง
 
ส่วนคำว่า “หมุนธรรมจักรร่วมกัน” นั้นเราหมายถึง
เมื่อมีผู้สร้างเงื่อนไขทั้งดีหรือร้ายหยิบยื่นมาให้แล้ว
ผู้ถูกกระทำที่เป็นผู้รับเงื่อนไขไม่ว่าจะดีหรือร้ายนั้น
จะต้องตอบสนองทุกเงื่อนไขด้วยการทำดีเท่านั้น
ถ้าใครดีมาข้าจะดีตอบใครชั่วมาข้าจะชั่วตอบไม่ได้
 
การแสดงออกหรือกระทำดีตอบสนองเขาไปนั้น
ก็เพื่อช่วยสร้างเงื่อนไขด้านบวกตอบแทนแก่เขา
เพื่อช่วยให้เขาสั่นสะเทือนด้านบวกได้ง่ายขึ้น
เสมือนเป็นการ “ขอบคุณ” ในความดีงามของเขา
ที่กรุณาหรืออาสากระทำไม่ดีหรือทำชั่วต่อตัวเรา
โดยไม่กลัวถูกเราทำร้ายทำลายให้ต้องเดือดร้อน
เพียงเพื่อช่วยให้เราหมุนธรรมจักรด้านบวกได้ดีขึ้น
จากการไม่โกรธตอบเพราะให้อภัยเขาได้นั่นแหละ
 
การให้อภัยเขาได้ทั้งๆที่เขาทำผิดคิดชั่วต่อตัวเรา
ก็เป็นเพราะว่าตัวเรามีความรักให้เขามากกว่าปกติ
เพราะความรักความเมตตามากนี่แหละจึงอภัยได้
จนยังผลให้ขันธ์ห้าผลิตพลังจิตด้านบวกได้มากขึ้น
ซึ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กปริมาณมากกว่าปกติ
จากการที่เขาทำดีต่อเราแล้วเราก็ทำดีตอบโดยแท้
 
ถ้ามนุษย์สามารถสอบผ่านบททดสอบ
ที่เป็นเงื่อนไขด้านลบจากการทำชั่วร้ายของผู้อื่นได้
โดยสามารถหมุนธรรมจักรในตนเองเป็นผลสำเร็จ
แล้วแสดงพฤติกรรมด้านบวกด้วยการทำดีตอบสนอง
ให้เขาผู้มีพระคุณคนนั้นนำไปใช้เป็นเงื่อนไขด้านบวก
เพื่อการหมุนธรรมจักรตอบสนองเรากลับคืนมาได้
กระบวนการนี้ก็คือการหมุนธรรมจักรร่วมกันนั่นเอง
ซึ่งมันจะเป็นกระบวนการต่อเนื่องเช่นว่านี้ไปเรื่อยๆ
เพราะทั้งเราและเขายังมีคนอื่นๆที่คบหาอยู่ในสังคม
ต่างก็จะช่วยกันหมุนธรรมจักรแพร่กระจายออกไป
จนสุดหล้าแห่งฟ้าโลกเลยทีเดียว
 
มันจะยังผลให้สมการพลังงานด้านบวก ∑βₓ
มีจำนวน “เอ็กซ์คน” เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
พลังงานจากจิตสามนึกด้านบวกโดยรวมทุกวินาที
จะทวีความเข้มข้นที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนได้มาก
ซึ่งจำนวน 99% ทุกคนที่ร่วมกันหมุนธรรมจักรได้
จะนำไปใช้ในการยกระดับจิตหยาบของแต่ละคน
ให้มีแรงสั่นสะเทือนด้านบวกสูงขึ้นสู่มิติสูงขึ้นได้
ส่วนที่เหลืออีก 1% นั้นแกนโลกจะได้นำเอาไปใช้
เพื่อบิดแกนแม่เหล็กทำให้โลกหมุนรอบตัวเองได้
 
ปรากฏการณ์ที่ว่านี้มันจะเกิดขึ้นในทุกวินาที
และมันจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยไป
ซึ่งมนุษย์ซีกโลกด้านกลางวันจะต้องทำในสิ่งที่ว่านี้
โลกจึงต้องมีสองด้านคือด้านมืดกับด้านสว่าง
ด้านมืดทุกคนทุกชีวิตต้องพักผ่อนหลับนอน
ด้านสว่างคือกลางวันทุกคนก็ต้องตื่นขึ้นมารักกัน
มนุษย์จึงต้องผลัดกันทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้โลก
ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบกำหนดไว้ให้ทุกคนทำ
 
ถ้าใครรู้แล้วไม่ทำคนนั้นก็เสียชาติเกิด
ถ้าใครไม่รู้และไม่ทำเท่ากับว่าคนนั้นหนักแผ่นดิน
 
ทั้งคนหนักแผ่นดินและคนเสียชาติเกิด
ล้วนไม่ต่างจาก “คนขยะ” ที่รกโลกอย่างเดียว
เพราะเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกไม่ได้
ผลกรรมด้านลบที่จะได้รับจากความล้มเหลวนี้ก็คือ
แรงเคลื่อนไฟฟ้าในเครื่องยนต์แห่งกรรมจะต่ำลง
ขณะที่ในกระแสเลือดจะมีประจุลบมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่ได้จากการหมุนกรรมจักรด้วยกิเลสตัณหารายวัน
เม็ดเลือดแดงจะขนขยะประจุลบวนไปทั่วร่างกาย
ซึ่งประจุลบเป็นตัวการให้เซลล์ทุกเซลล์เสื่อมพลัง
นานวันเข้าร่างกายก็จะอ่อนแอดั่งต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา
มนุษย์คนนั้นก็จะแก่ชราแล้วก็ต้องตายไปในที่สุด
 
นี่จึงเป็นคำตอบที่สองแล้วว่า
ทำไมมนุษย์ทุกคนจึงต้องตายต้องสิ้นอายุขัย
ทั้งๆที่พระเจ้ามิได้กำหนดให้จิตวิญญาณต้องตาย
นั่นคือเพราะมนุษย์ไม่หมุนธรรมจักรร่วมกัน
ใช้แต่กิเลสตัณหาอารมณ์ขยะขับเคลื่อนการกระทำ
จนทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกไม่ได้
โลกจึงเสียสมดุลทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นมามากมาย
ทำให้จิตหยาบยกระดับสู่มิติที่สูงขึ้นต่อเนื่องไม่ได้
เพราะชิงตายก่อนที่จะคนสองมิติเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะเซลล์ร่างกายเกิดความเสื่อมจากกรรมจักร
 
ในกาลอดีตนั้น
มนุษย์จะหมุนกรรมจักรเพราะอุบัติเหตุ
เช่น การโกหกลูกที่ซุกซนเอาแต่เล่นไม่ยอมหลับ
โดยหลอกลวงว่าเดี๋ยวสิงโตจะตื่นมาถ้าส่งเสียงดัง
เดี๋ยวตุ๊กแกจะมากินตับถ้ายังไม่รีบหลับรีบนอน
การไม่พูดความจริงบางเรื่องของสามีภรรยา
เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความสุขกายสบายใจ เป็นต้น
 
พฤติกรรมการโกหกหลอกลวงพูดไม่จริงเหล่านี้
คือการกระทำของจิตหยาบที่ผิดบาปต่อจิตวิญญาณ
จะยังผลให้กลไก “คอร์พัสคอลโลซั่ม” ใต้สมอง
ผลิตประจุไฟฟ้าลบออกมาอย่างต่อเนื่องได้เสมอ
ประจุลบใหม่จะไปแย่งที่ของประจุลบกับบวก
ในเม็ดเลือดแดงที่บริสุทธิ์และสมดุลอยู่แต่เดิม
ทำให้เม็ดเลือดแดงมีอำนาจทางไฟฟ้าเป็นลบแทน
 
เพราะลบที่เกิดขึ้นไปแย่งจับคู่กับบวกที่มีอยู่แต่เดิม
แล้วผลักไสให้ลบที่เดิมจับคู่อยู่กับบวกหลุดออกมา
ทำให้เม็ดเลือดแดงนั้นมีอำนาจไฟฟ้าเป็นลบแทน
ประจุลบที่เกิดใหม่จากการหมุนกรรมจักรของมนุษย์
ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่บริสุทธิ์ก็เพราะสาเหตุนี้
จนทำให้พระเจ้าที่ทรงเมตตาต่อพวกคุณทุกคน
ต้องสร้างสัตว์ตัวเล็กๆที่กินเลือดมนุษย์เป็นอาหาร
จำพวกเห็บหมัดยุงเรือดริ้นไรเหลือบปลิงและทาก
ให้เป็นผู้ช่วยดูดเอาเลือดเสียออกมาจากตัวมนุษย์
 
ปรากฏว่ามนุษย์ยุคหลังๆที่ผ่านมา
ยุงทั้งฝูงก็ไม่อาจจะดูดเลือดไม่บริสุทธิ์ออกมาได้
เพราะพวกเขาดูดเท่าไหร่ก็ดูดไม่มีวันหมด
เนื่องจากมนุษย์ขยันหมุนกรรมจักรเพราะติดกิเลส
เม็ดเลือดแดงที่ไหลผ่านสมองซีกซ้ายของมนุษย์
จะถ่ายประจุไฟฟ้าลบให้อย่างต่อเนื่องไม่รู้จบสิ้น
จนมนุษย์หลายคนมีอาการปวดหัวซีกซ้ายข้างเดียว
เพราะสนามไฟฟ้าของสมองซีกซ้ายมีค่าเป็นลบ
จึงไม่สมมาตรกับสนามไฟฟ้าของสมองซีกขวา
มนุษย์จึงเกิดอาการป่วยทางสมอง คือ #ไมเกรน
 
อาการไมเกรนจากสาเหตุที่ว่านี้
สามารถกินยาระงับอาการได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น
พอหมดฤทธิ์ยาก็จะกลับมาปวดหัวข้างเดียวอีก
ถ้ามนุษย์คนนั้นยังไม่เลิกเสพติดกิเลสให้ได้ด้วย
เพื่อหยุดหมุนกรรมจักรหันมาหมุนธรรมจักรแทน
หรือหันมาหมุนรอบตัวเองด้วยการวนซ้ายช้าๆ
เพื่อปรับสมดุลทางไฟฟ้าในตัวคุณให้ได้ชั่วคราว
จะหมุนวนกี่รอบก็ได้เท่าที่คุณสะดวกจะทำกัน
ถ้าคุณอาศัยอยู่บริเวณพิกัดเหนือเส้นศูนย์สูตร
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
8/07/2566