18 กรกฎาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 18/07/2023


(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
เราเปิดเผยความจริงที่เป็นความลับของโลก
ถึงสาเหตุที่ทำให้มนุษย์โลกทุกคนต้องตาย
ทั้งๆที่พระเจ้ามิได้ทรงกำหนดให้มีหน้าที่ตาย
เรากล่าวไว้ถึงประการที่ 4 คือขาดพลังงาน
ในบทนี้เราจะกล่าวถึงสาเหตุประการที่ 5
 
5.เพราะขาดอากาศบริสุทธิ์
 
เซลล์อวัยวะร่างกายของมนุษย์
เป็นสิ่งที่ขาดก๊าซออกซิเจนไม่ได้
เพราะมนุษย์ต้องหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป
เพื่อให้ปอดใช้ฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดง
คือเปลี่ยนเลือดเสียที่ใช้งานแล้วให้เป็นเลือดดี
ก่อนจะลำเลียงไปส่งเซลล์อวัยวะร่างกายต่างๆ
 
สิ่งที่เลือดนำส่งให้ทั่วร่างกายนั้น
หลักๆก็คือก๊าซออกซิเจนที่ได้รับจากปอด
พร้อมทั้งสารอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป
ซึ่งถูกแปรรูปให้พร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว
โดยก๊าซออกซิเจนเซลล์อวัยวะร่างกายขาดไม่ได้
เนื่องจากต้องใช้ในกระบวนการเมต้าโบลิซั่ม
อันเป็นกระบวนการทางเคมีในระบบเซลล์
ตามที่พระองค์ทรงกำหนดออกแบบเอาไว้ให้
 
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
มีความต้องการก๊าซออกซิเจนจากภายนอก
เพื่อนำเข้าสู่ร่างกายเพื่อยังชีพตลอดทั้งวันคืน
ขณะที่พืชนั้นต้องการออกซิเจนเฉพาะกลางคืน
ซึ่งพืชสังเคราะห์แสงเพื่อปรุงอาหารไม่ได้
 
ดังนั้น
ขณะที่ยามกลางวันเมื่อพืชสังเคราะห์แสงอยู่
พืชจะคายออกซิเจนออกมาให้โลกและทุกสิ่ง
โดยก๊าซออกซิเจนที่พืชคายมันออกมานั้น
พระเจ้าทรงต้องการให้โลกนำไปใช้ประโยชน์
โลก” ในที่นี้ก็คือสิ่งมีชีวิตต่างๆที่เป็นสัตว์โลก
ซึ่งต้องใช้ออกซิเจนหายใจเพื่อการฟอกเลือด
 
นอกจากนั้น
หากออกซิเจนเหลือใช้หรือมีปริมาณมากพอ
ก็จะลอยขึ้นสู่บรรยากาศโลกสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ขณะที่ความรักจากจิตมนุษย์และสัตว์โลก
ที่ถูกเหวี่ยงออกมาจากกระบวนการของขันธ์ห้า
ซึ่งเกิดขึ้นจากจิตหยาบของมนุษย์โลกเอง
ร่วมกันหมุน #ธรรมจักร ด้วยสมการ ∑βₓ ทุกวินาที
จำนวน 1% ของทั้งหมดที่ร่วมกันผลิตออกมาได้
โลกจะนำไปใช้ระเบิดอะตอมของแกนแม่เหล็ก
คือก้อนออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ที่เหนียวหนืด
ให้มีการบิดตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้โลกหมุน
แล้วคายก๊าซออกซิเจนออกมาในทุกวินาทีด้วย
 
ดังนั้น
ที่มาของก๊าซออกซิเจนทั้งหมดในระบบโลกนั้น
จะมี 3 แหล่งด้วยกันก็คือ
แหล่งแรกได้มาจากภายในแกนโลก
แหล่งที่สองได้จากต้นพืชทั้งหลายที่อยู่บนโลก
แหล่งที่สามได้จากฝนหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ
ซึ่งโมเลกุลของน้ำนั้นจะมีที่ว่างมากพอ
ให้ก๊าซออกซิเจนเข้าเบียดแทรกตัวดำรงอยู่ได้
ขณะที่ในหนึ่งโมเลกุลของน้ำตามธรรมชาติเอง
ก็จะมีก๊าซออกซิเจนตัวหนึ่งกับไฮโดรเจนสองตัว
ที่มีสูตรทางเคมีว่า H2O รวมตัวกันอยู่อีกด้วย
 
โดยก๊าซออกซิเจน
ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างโมเลกุลของน้ำ
จะหลุดออกมาเป็นอิสระได้
ถ้าโมเลกุลน้ำสั่นสะเทือนจากการสั่นกระเพื่อม
เพราะฝนตกลงมากระทบผิวน้ำนั้น
หรือจากการถูกลมพัดให้ผิวน้ำเคลื่อนไหล
ทั้งความร้อนจากแสงแดดหรือจากการต้ม
ล้วนทำให้ออกซิเจนที่แทรกอยู่ระหว่างโมเลกุล
รวมทั้งส่วนที่เป็นโมเลกุลของมวลน้ำเอง
แตกตัวจนหลุดระเหยเป็นอิสระได้เช่นกัน
 
ที่ทรงกำหนดออกแบบเอาไว้เช่นนี้
ก็เพื่อให้โลกมีก๊าซออกซิเจนใช้อย่างเพียงพอ
สำหรับทุกสรรพสิ่งทุกชีวิตที่อยู่ในระบบโลก
นอกจากนั้นออกซิเจนซึ่งเป็นก๊าซชนิดหนึ่ง
ยังมีคุณสมบัติสำคัญคือ “เบา” กว่าก๊าซชนิดอื่น
จึงสามารถในการยกระดับขับดันก๊าซมวลหนัก
ที่เป็นก๊าซเรือนกระจกต่างๆซึ่งเป็นพิษต่อมนุษย์
ให้ลอยสูงขึ้นหลุดพ้นออกไปจากบรรยากาศโลก
ช่วยกันกับก๊าซไฮโดรเจนที่เป็นก๊าซมวลเบาด้วย
 
โลกทุกวันนี้มีปัญหาด้าน #ก๊าซเรือนกระจก
ปกคลุมหุ้มห่อโลกไว้ไม่หายไปไหนนานแล้ว
อีกทั้งนับวันยังจะพอกพูนหนาขึ้นเรื่อยๆด้วย
จนก่อภาวะโลกร้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกวัน
เพราะก๊าซเรือนกระจกทำให้อัลตร้าไวโอเล็ต
ซึ่งเกิดจากดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามายังพื้นโลก
สะท้อนกลับคืนสู่บรรยากาศโลกไม่ได้
ทำให้อุณหภูมิภายในระบบโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวนไปหมดแล้ว
 
ปรากฏการณ์เรือนกระจกจากภาวะโลกร้อนนี้
เป็นปัญหาแบบ #หญ้าปากคอก ของสัตว์
ที่ทุกคนล้วนมองข้ามมันไปเหมือนมองไม่เห็น
วัวหรือแกะหรือม้าที่ถูกปล่อยออกมาจากคอก
พวกมันจะพากันวิ่งกรูออกจากประตูคอก
เพื่อไปกินหญ้าในทุ่งกว้างก่อนใครเขาเพื่อน
ทั้งๆที่มีต้นหญ้าอยู่ตรงประตูคอกอยู่เหลือเฟือ
แต่พวกมันพากันมองข้ามไปจนเหมือนไม่เห็น
 
ปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจก
จึงไม่ต่างจากเรื่อง “หญ้าปากคอก” ที่ว่านี้
โดยมองปัญหาว่าเพราะโรงงานปล่อย “ก๊าซพิษ”
จึงพยายามที่จะจำกัดก๊าซพิษให้ลดปริมาณลง
ซึ่งเป็นหนทางที่เป็นไปได้ยากสำหรับมนุษย์
เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ยอมกันไม่ได้
ถ้าลดปริมาณก็จะกระทบถึงการลดรายได้นั่นเอง
แค่คิดว่าโรงงานของใครจะลดก่อนหรือลดเท่าใด
เพียงประเด็นตื้นๆที่ว่านี้ก็เริ่มจะเป็นเรื่องยากแล้ว
 
ถ้ามนุษย์ใช้ปัญญาคิดต่อไปอีกด้านหนึ่งว่า
วิธีลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นก๊าซพิษเหล่านี้
นอกจากจะใช้วิธีลดควันพิษลดไอเสียแล้ว
มันยังมีอีกวิธีการหนึ่งที่เป็นทางเลือกให้คิดกัน
นั่นคือการผลักดันก๊าซให้หลุดพ้นออกไปจากโลก
โดยหันมาขบคิดกันว่า How to จะทำได้ด้วยวิธีใด
ซึ่งเป็นการคิดแบบ #กลับทิศ มิใช่ย้ำคิดจนติดมุม
 
ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases)
ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
ที่ก่อปัญหาภาวะโลกร้อน (Global Warming)
ประกอบด้วย #ก๊าซมวลหนัก ดังต่อไปนี้ คือ
 
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O)
ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs)
ก๊าซเพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs)
ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)
ก๊าซไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF3) เป็นต้น
 
ก๊าซมวลหนักเป็นเหมือนเมฆที่มีความชื้นสูง
จะลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆแต่หลุดพ้นออกไม่ได้
ที่หลุดพ้นออกจากระบบโลกไปไม่ได้
เพราะถูกโลกดึงดูดเหนี่ยวรั้งเอาไว้นั่นเอง
 
ถ้าสิ่งใดที่มีน้ำหนักมวลมากเช่นก้อนลูกเห็บ
มันก็จะตกลงมายังพื้นโลกเป็นฝนลูกเห็บ
ถ้าเป็นเมฆสีดำมันก็จะลอยต่ำกว่าเมฆสีขาว
แล้วในที่สุดก็จะตกลงมาสู่พื้นโลกเป็นน้ำฝน
ถ้าน้ำแหล่งน้ำได้รับความร้อนจากแดดเผา
น้ำก็จะระเหยลอยขึ้นสู่อากาศหรือท้องฟ้า
เมื่อสัมผัสความเย็นก็จะควบแน่นเป็นเมฆฝน
เมื่อเมฆฝนคายความร้อนก็จะเป็นฝนตกอีก
 
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเหล่านี้
เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ทั้งสิ้น
คนที่ไม่ฉลาดจะเป็นดั่งสัตว์ที่วิ่งออกจากคอก
จนมองข้ามหญ้าเขียวขจีตรงปากคอกกันหมด
เนื่องจากจิตใจนั้นจดจ่ออยู่กับหญ้าในทุ่งหญ้า
การที่มนุษย์แก้ปัญหาเรือนกระจกกันไม่ได้
เพราะนึกถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเท่านั้น
เพราะลดก๊าซเรือนกระจกคือลดผลประโยชน์ตน
จึงทิ้งปัญหาใหญ่เอาไว้โดยไม่ใส่ใจกันอีกต่อไป
เหตุผลคือ #เห็นแก่ตัว จนขาดสำนึกแห่งหมู่คณะ
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เพียงแค่ร่วมกันหมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้
ไม่ปิดหูปิดตาโดยหนีสังคมเข้าป่าเข้าถ้ำ
ไม่ปฏิบัติธรรมโดยแกล้งทำเป็นอายตนะพิการ
ไม่กระทำสิ่งใดที่เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม
ใช้จิตสามนึกด้านบวกดำเนินชีวิตประจำวันได้
เพียงเท่านี้มนุษย์ก็จะผลิตพลังงานสะอาดให้โลก
ใช้ผลิตก๊าซออกซิเจนออกมาจากแกนโลกได้แล้ว
 
ถ้าหมุนธรรมจักรได้อย่างต่อเนื่องมากเท่าใด
โรงงานผลิตออกซิเจนที่แกนโลก
ก็จะผลิตมันออกมาได้ปริมาณมากเท่านั้น
บรรยากาศโลกก็จะไม่ขาดแคลนออกซิเจน
ที่ทุกสรรพชีวิตรวมทั้งมนุษย์เองจะต้องใช้
เพื่อมิให้อายุสั้นจากกายสังขารเสื่อมโทรม
โลกก็จะหมดปัญหาเรื่องก๊าซเรือนกระจก
จะหมดปัญหาจากภาวะโลกร้อนกันได้
เพราะมีปริมาณออกซิเจนหนาแน่นและต่อเนื่อง
จะลอยขึ้นไปยกหรือดันก๊าซเรือนกระจก
ให้หนีแรงดึงดูดของโลกจนหลุดพ้นออกไปได้
ซึ่งเป็นเรื่องง่ายแบบหญ้าปากคอกนั่นแหละ
 
ตอนนี้โลกเริ่มส่งสัญญาณให้เห็นแล้วว่า
กำลังขาดแคลนก๊าซออกซิเจนหนักขึ้นเรื่อยๆ
โดยสังเกตได้จาก
 
1.ผู้คนเกียจคร้านซึมเซ็งมากขึ้น
บางวันอ่อนล้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น
ไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่กระชุ่มกระชวย
โดยไม่รู้สาเหตุ
 
2.สมองมึนงงคิดอะไรไม่ออกสมองช้าคิดช้า
บางเวลาก็หงุดหงิดง่ายหรือว่าง่วงนอนทั้งวัน
ทั้งๆที่หลับนอนมาจนพอเพียงแล้วด้วยซ้ำ
 
3.ทำอะไรนิดๆหน่อยๆจะเหนื่อยง่าย
นั่งนานยืนนานมักจะเกิดอาการเหน็บชา
กล้ามเนื้อกระตุกหรือเป็นตะคริวเมื่อถูกใช้งาน
 
4.ปรากฏการณ์ที่นกบินในอากาศอยู่ดีๆ
ก็พลัดตกจากฟ้าร่วงลงมาตายทีละหลายตัว
 
5.ฝูงปลาตัวน้อยๆที่หากินกันเป็นฝูงๆ
ที่พากันลอยคอมาตายแถวชายฝั่งชายหาด
ทีละนับหมื่นนับแสนตัวเหมือนเหตุอาเพธ
 
อาการและปรากฏการณ์ทั้งห้าจำพวกที่ว่านี้
ล้วนเป็นปัญหาจากการขาดออกซิเจนทั้งสิ้น
 
6.ปัญหาจากภาวะโลกร้อน
ที่เป็นเหตุให้ภูมิอากาศโลกวิปริตมากขึ้น
ถ้ามนุษย์ยัง “เกาไม่ถูกที่คัน”
หรือว่ายัง "ทนคันโดยไม่ยอมเกา"
ในอนาคตปัญหานี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่
ซึ่งบางทีมันอาจจะสายเกินแก้ไขเยียวยาได้
 
พวกคุณนึกภาพน้ำท่วมกันไว้ให้ดี
ถ้าคุณอยู่ในน้ำที่ท่วมเสียจนมิดหัว
คุณหายใจด้วยปอดมิได้หายใจด้วยเหงือก
คุณก็จะตายเพราะใช้ออกซิเจนในน้ำไม่ได้
แม้น้ำจะมีออกซิเจนให้ปลาใช้หายใจก็ตาม
 
ทำนองเดียวกันกับก๊าซเรือนกระจก
หากคุณปล่อยปัญหานี้ทิ้งเอาไว้
ปริมาณของมันจะพอกพูนเพิ่มขึ้นหนาขึ้น
ถ้ายิ่งมนุษย์รักกันไม่ได้อภัยกันไม่เป็น
ใช้แต่กิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะรายวัน
โลกทั้งระบบก็จะขาดก๊าซออกซิเจนแน่นอน
 
ถ้าโลกมีก๊าซมวลเบาเจือจางลงไป
ก๊าซเรือนกระจกที่ปกคลุมหุ้มโลกนี้อยู่
มันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คุณนึกภาพดูว่า “ฟ้าจะต่ำลง” มันเป็นอย่างไร
ก๊าซเรือนกระจกจะลอยต่ำลงเหมือนเมฆต่ำ
แต่ก๊าซสกปรกที่ลอยต่ำนี้คุณจะมองไม่เห็น
มันจะทำให้ก๊าซเรือนกระจกที่เป็นพิษนั้น
ท่วมปิดรูจมูกคุณไม่ต่างจากการจมน้ำนั่นเอง
 
น้ำท่วมจากเท้าขึ้นสู่ศีรษะคุณและมองเห็น
แต่ก๊าซเรือนกระจกจะท่วมจากฟ้ามาสู่รูจมูก
ซึ่งคุณไม่มีโอกาสมองเห็นล่วงหน้าได้ว่า
มัจจุราชจากภาวะเรือนกระจกจะถึงจมูกเมื่อใด
กว่าจะรู้ตัวได้ทันมันก็อาจจะสายเกินแล้วก็ได้
 
คนโบราณว่าเอาไว้ว่า
#อย่าดึงฟ้าต่ำ ทำให้ก๊าซพิษท่วมโลกท่วมรูจมูก
#อย่าทำหินแตก เพราะโลกขาดรักจนแผ่นดินไหว
#อย่าแยกแผ่นดิน เพราะมนุษย์ทำศึกสงครามกัน
 
ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนมีสาเหตุมาจาก
จิตหยาบล้มเหลวในการทำหน้าที่ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะกรณีการขาดก๊าซออกซิเจนนั้น
ทั้งโลกและมนุษย์มีโอกาสหายนะได้เสมอ
 
ขณะมนุษย์กลัวอุกกาบาตพุ่งตกลงมาจากฟ้า
แต่ไม่รู้ว่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าอุกกาบาตตกก็คือ
ก๊าซเรือนกระจกที่มันจะย้อยห้อยลงมาทั้งแผง
จนท่วมไปทั่วหล้าเหมือนหมอกควันพิษ
ที่ตาเปล่าทั้งสองมองไม่เห็นมันนั่นต่างหาก
เมื่อถึงวันที่มนุษย์จะถูกมันท่วมจมูกจนตาย
เพราะหายใจไม่ได้หรือเพราะขาดออกซิเจน
พวกคุณอาจต้องคืบหรือคลานหรือนอนราบ
เพื่อจะมีอากาศหายใจให้มีชีวิตรอดอยู่ได้
 
ปัญหาที่ว่านี้
ยังไม่มีใครขบคิดกันเลยนะคุณ
เพราะสำนึกที่จะหมุนธรรมจักรด้วยความรัก
ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ให้ลุล่วงได้
แต่ประดาผู้นำของโลกหรือผู้นำระดับประเทศ
ทั้งหมดยังขาดสติทางวิญญาณกันอยู่เลย
ยังทำสงครามแย่งอำนาจแย่งทรัพยากรกัน
56 วัน 8 ราตรีจะมาถึงเร็วขึ้นอย่างแน่นอน
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
18/07/2566