พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำว่า #นิพพาน ที่เป็น “โลกียธรรม”
อันหมายถึงนิพพานในมิติโลกด้านกายภาพ
กับคำว่า “นิพพาน” ที่เป็น “โลกุตรธรรม”
อันหมายถึงนิพพานในมิติของจิตหยาบนั้น
กับคำว่า “นิพพาน” ที่เป็น “อนุตรธรรม”
อันหมายถึงนิพพานในมิติของจิตวิญญาณ
ทั้ง 3 อย่างนี้มีความหมายไม่เหมือนกัน
1.นิพพานในมิติโลกด้านกายภาพนั้น
หมายถึงการนิพพานของกายกรรมวจีกรรม
ซึ่งเป็นการแสดงออกหรือกระทำไม่ดีต่อผู้อื่น
โดยจะไม่เป็นเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่น
หรือจะไม่กระทำการใดๆที่ก้าวล่วงผู้อื่น
ให้จิตหยาบของพวกเขาต้องเสียสมดุล
จนเกิดการหมุนกรรมจักรขึ้นมาตลอดชีวิตนี้
โดยไม่ทำให้ผิดบาปต่อจิตวิญญาณของคุณ
จนเป็นอุปสรรคให้คนรอบข้างของตัวคุณ
ไม่อาจช่วยเป็นหนึ่งในสามคนเป็นอย่างน้อย
ในการสร้างพลังงานร่วม “ซัมเบต้าเอ็กซ์”
เพื่อช่วยยกระดับจิตหยาบคุณสู่มิติที่สูงขึ้น
จนเสมอกับมิติของจิตวิญญาณของคุณได้
ดังนั้น
การต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน กับการทำร้ายผู้อื่น
จึงเป็นการกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณคุณเอง
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะทำดีหรือชั่วต่อตัวคุณก็ตาม
เพราะการต่อสู้ตอบโต้หรือต่อต้านพวกเขานั้น
มันคือการ “ชวนรบ” หรือชวนกันหมุนกรรมจักร
ด้วยสภาวะจิตที่ไม่สงบสมดุลของคุณเอง
แถมยังถูกทำซ้ำด้วยพลังลบที่เขาจะส่งกลับมา
จิตหยาบคุณจะไม่มีวันพัฒนาจนก้าวหน้าได้
ที่สำคัญยิ่งก็คือ
จะเกิดการ “รั้งเกี่ยวเหนี่ยวกรรม” กันไว้
เพราะความโกรธแค้นอยากเอาคืนที่รุนแรง
จะหล่นลงไปสู่ “สัญญาขันธ์” ของจิตใต้สำนึก
ถ้าแค้นมากเท่าใดจะหล่นลงไปลึกมากเท่านั้น
ยิ่งหล่นลงไปลึกมากก็ต้องเกิดตายหลายชาติ
กว่าบทเรียนกรรมนั้นจะเวียนมาถึงให้ได้แก้ไข
2.นิพพานในมิติของ “จิตหยาบ” นั้น
หมายถึงการนิพพานของกิเลสในจิตหยาบ
ที่เป็นคุณสมบัติด้านลบอันไม่พึงประสงค์
ซึ่งตัวคุณเองนั้นสั่งสมมันไว้ตั้งแต่เยาว์วัย
เพราะจิตหยาบเป็นทาสของสิ่งเร้าตลอดมา
เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกฝนและขาดมหาสติ
คำว่า “นิพพาน” จึงหมายถึง “ดับการเกิดดับ”
คำว่า “ดับการเกิดดับ” นี้หมายถึง #ดับสนิท
คำว่า “ดับสนิท” หมายถึงดับแล้วจะไม่เกิดอีก
แปลว่าถ้า “ดับแล้วดับเลย” หรือดับตลอดไป
ทั้งหมดที่กล่าวมาเราหมายถึงต้อง #ดับกิเลส
มีคำถามว่าทำไมพวกคุณจึงต้องดับกิเลส
เพราะว่ากิเลสเป็นเหตุที่มาแห่งตัณหาทั้งพวง
ตัณหายังเป็นที่มาของอารมณ์ขยะรายวันด้วย
ดังนั้น
พวกคุณจึงต้อง “ดับการเกิดดับ” ของกิเลส
ซึ่งเป็นจุดเริ่มของอุปสรรคปัญหาของจิตหยาบ
ที่มันจะนำพาพวกคุณไปสู่หุบเหวแห่งอบายภูมิ
ตามกฎแห่งกรรมที่มันจะนำจิตวิญญาณคุณไป
ทำให้คุณสอบตกบททดสอบจิตสามนึกทั้งหมด
ที่จิตวิญญาณคุณออกแบบวางแผนร่วมกันมา
ตั้งแต่ชาติแรกที่รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งพระบิดาทรงเรียกว่า #ชะตาชีวิต นั่นแหละ
นอกจากนั้น
เมื่อสอบตกบททดสอบชะตาชีวิตมาแล้ว
พวกคุณยังสร้าง #ชะตากรรม ทับซ้อนขึ้นมาอีก
ด้วยการกระทำด้านลบตอบแทนต่อกันและกัน
จากการอาฆาตโกรธเกลียดเคียดแค้นหึงหวง
เพราะจิตหยาบเสียสมดุลอย่างรุนแรงมาก
จนสั่นสะเทือนถึงจิตวิญญาณตัวตนของคุณเอง
ทำให้จิตวิญญาณหลงมิติเพราะเสียสมดุลตาม
การตายเพื่อเซ็ทซีโร่คือการมีภพชาติและนรก
จึงจำต้องเกิดขึ้นตามมาโดยลงนรกเพื่อบำบัด
และมีภพชาติเพื่อ “เรียนรู้” สู่การ “แก้ไขใหม่”
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
คำว่า “นิพพาน” ในสองมิติที่เรากล่าวมานี้
พวกคุณต้อง #นิพพานก่อนตาย ให้จงได้
โดยถ้าจิตหยาบคุณนิพพานกิเลสได้หมดสิ้น
ตัณหาราคะและอารมณ์ขยะทั้งปวงก็จะดับตาม
ซึ่งคุณจะยอมให้มันเกิดๆดับๆในจิตคุณไม่ได้
แต่ต้องดับมันให้สนิทคือดับแล้วต้องไม่เกิดอีก
เหตุที่ต้องดับมันให้สิ้นก็เพราะว่า
ถ้าจิตหยาบไม่ว่างไปจากกิเลสตัณหาแล้ว
คุณจะไม่อาจหมุนธรรมจักรในตนเองได้
เมื่อตนเองก็หมุนธรรมจักรไม่ได้
คุณก็จะไม่อาจชวนคนรอบข้างมาร่วมกัน
หมุนธรรมจักรด้วยเมตตาธรรมเพื่อค้ำจุนโลก
อันหมายถึงค้ำจุนจิตหยาบของกันและกันได้
นี่แสดงว่า
นิพพานไม่ได้อยู่ที่ไหนในจักรวาลอันไพศาลนี้
แต่นิพพานมันอยู่ที่จิตหยาบของคุณนั่นแหละ
นิพพานจึงมิได้อยู่บนสวรรค์มายาอะไรนั่น
ตายแล้วลอยไปค้างอยู่บนนั้นไปไหนต่อก็ไม่ได้
จึงมิใช่การนิพพานแท้ตามมรรควิถีของพระบิดา
3.นิพพานในความหมายของจิตวิญญาณ
โดยบทนี้เราจะกล่าวเพียงสั้นๆทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“นิพพาน” แปลว่าจิตวิญญาณคุณ #กลับบ้านได้
การกลับบ้าน หมายถึง “หลุดพ้น” ออกไป
จากเอกภพที่เป็นห้องทดลองใหญ่ของพระเจ้า
เพื่อย้อนกลับคืนสู่บ้านเกิดที่พวกคุณจากมานาน
อันเป็นบ้านเกิดที่เป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า
ซึ่งทรงรอคอยฝูงแกะคือพวกคุณอยู่นานแล้ว
นี่จึงเป็นนิพพานแท้ในมิติของ #อนุตรธรรม
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
1/04/2566
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำว่า #นิพพาน ที่เป็น “โลกียธรรม”
อันหมายถึงนิพพานในมิติโลกด้านกายภาพ
กับคำว่า “นิพพาน” ที่เป็น “โลกุตรธรรม”
อันหมายถึงนิพพานในมิติของจิตหยาบนั้น
กับคำว่า “นิพพาน” ที่เป็น “อนุตรธรรม”
อันหมายถึงนิพพานในมิติของจิตวิญญาณ
ทั้ง 3 อย่างนี้มีความหมายไม่เหมือนกัน
1.นิพพานในมิติโลกด้านกายภาพนั้น
หมายถึงการนิพพานของกายกรรมวจีกรรม
ซึ่งเป็นการแสดงออกหรือกระทำไม่ดีต่อผู้อื่น
โดยจะไม่เป็นเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่น
หรือจะไม่กระทำการใดๆที่ก้าวล่วงผู้อื่น
ให้จิตหยาบของพวกเขาต้องเสียสมดุล
จนเกิดการหมุนกรรมจักรขึ้นมาตลอดชีวิตนี้
โดยไม่ทำให้ผิดบาปต่อจิตวิญญาณของคุณ
จนเป็นอุปสรรคให้คนรอบข้างของตัวคุณ
ไม่อาจช่วยเป็นหนึ่งในสามคนเป็นอย่างน้อย
ในการสร้างพลังงานร่วม “ซัมเบต้าเอ็กซ์”
เพื่อช่วยยกระดับจิตหยาบคุณสู่มิติที่สูงขึ้น
จนเสมอกับมิติของจิตวิญญาณของคุณได้
ดังนั้น
การต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน กับการทำร้ายผู้อื่น
จึงเป็นการกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณคุณเอง
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะทำดีหรือชั่วต่อตัวคุณก็ตาม
เพราะการต่อสู้ตอบโต้หรือต่อต้านพวกเขานั้น
มันคือการ “ชวนรบ” หรือชวนกันหมุนกรรมจักร
ด้วยสภาวะจิตที่ไม่สงบสมดุลของคุณเอง
แถมยังถูกทำซ้ำด้วยพลังลบที่เขาจะส่งกลับมา
จิตหยาบคุณจะไม่มีวันพัฒนาจนก้าวหน้าได้
ที่สำคัญยิ่งก็คือ
จะเกิดการ “รั้งเกี่ยวเหนี่ยวกรรม” กันไว้
เพราะความโกรธแค้นอยากเอาคืนที่รุนแรง
จะหล่นลงไปสู่ “สัญญาขันธ์” ของจิตใต้สำนึก
ถ้าแค้นมากเท่าใดจะหล่นลงไปลึกมากเท่านั้น
ยิ่งหล่นลงไปลึกมากก็ต้องเกิดตายหลายชาติ
กว่าบทเรียนกรรมนั้นจะเวียนมาถึงให้ได้แก้ไข
2.นิพพานในมิติของ “จิตหยาบ” นั้น
หมายถึงการนิพพานของกิเลสในจิตหยาบ
ที่เป็นคุณสมบัติด้านลบอันไม่พึงประสงค์
ซึ่งตัวคุณเองนั้นสั่งสมมันไว้ตั้งแต่เยาว์วัย
เพราะจิตหยาบเป็นทาสของสิ่งเร้าตลอดมา
เนื่องจากไม่ได้รับการฝึกฝนและขาดมหาสติ
คำว่า “นิพพาน” จึงหมายถึง “ดับการเกิดดับ”
คำว่า “ดับการเกิดดับ” นี้หมายถึง #ดับสนิท
คำว่า “ดับสนิท” หมายถึงดับแล้วจะไม่เกิดอีก
แปลว่าถ้า “ดับแล้วดับเลย” หรือดับตลอดไป
ทั้งหมดที่กล่าวมาเราหมายถึงต้อง #ดับกิเลส
มีคำถามว่าทำไมพวกคุณจึงต้องดับกิเลส
เพราะว่ากิเลสเป็นเหตุที่มาแห่งตัณหาทั้งพวง
ตัณหายังเป็นที่มาของอารมณ์ขยะรายวันด้วย
ดังนั้น
พวกคุณจึงต้อง “ดับการเกิดดับ” ของกิเลส
ซึ่งเป็นจุดเริ่มของอุปสรรคปัญหาของจิตหยาบ
ที่มันจะนำพาพวกคุณไปสู่หุบเหวแห่งอบายภูมิ
ตามกฎแห่งกรรมที่มันจะนำจิตวิญญาณคุณไป
ทำให้คุณสอบตกบททดสอบจิตสามนึกทั้งหมด
ที่จิตวิญญาณคุณออกแบบวางแผนร่วมกันมา
ตั้งแต่ชาติแรกที่รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งพระบิดาทรงเรียกว่า #ชะตาชีวิต นั่นแหละ
นอกจากนั้น
เมื่อสอบตกบททดสอบชะตาชีวิตมาแล้ว
พวกคุณยังสร้าง #ชะตากรรม ทับซ้อนขึ้นมาอีก
ด้วยการกระทำด้านลบตอบแทนต่อกันและกัน
จากการอาฆาตโกรธเกลียดเคียดแค้นหึงหวง
เพราะจิตหยาบเสียสมดุลอย่างรุนแรงมาก
จนสั่นสะเทือนถึงจิตวิญญาณตัวตนของคุณเอง
ทำให้จิตวิญญาณหลงมิติเพราะเสียสมดุลตาม
การตายเพื่อเซ็ทซีโร่คือการมีภพชาติและนรก
จึงจำต้องเกิดขึ้นตามมาโดยลงนรกเพื่อบำบัด
และมีภพชาติเพื่อ “เรียนรู้” สู่การ “แก้ไขใหม่”
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
คำว่า “นิพพาน” ในสองมิติที่เรากล่าวมานี้
พวกคุณต้อง #นิพพานก่อนตาย ให้จงได้
โดยถ้าจิตหยาบคุณนิพพานกิเลสได้หมดสิ้น
ตัณหาราคะและอารมณ์ขยะทั้งปวงก็จะดับตาม
ซึ่งคุณจะยอมให้มันเกิดๆดับๆในจิตคุณไม่ได้
แต่ต้องดับมันให้สนิทคือดับแล้วต้องไม่เกิดอีก
เหตุที่ต้องดับมันให้สิ้นก็เพราะว่า
ถ้าจิตหยาบไม่ว่างไปจากกิเลสตัณหาแล้ว
คุณจะไม่อาจหมุนธรรมจักรในตนเองได้
เมื่อตนเองก็หมุนธรรมจักรไม่ได้
คุณก็จะไม่อาจชวนคนรอบข้างมาร่วมกัน
หมุนธรรมจักรด้วยเมตตาธรรมเพื่อค้ำจุนโลก
อันหมายถึงค้ำจุนจิตหยาบของกันและกันได้
นี่แสดงว่า
นิพพานไม่ได้อยู่ที่ไหนในจักรวาลอันไพศาลนี้
แต่นิพพานมันอยู่ที่จิตหยาบของคุณนั่นแหละ
นิพพานจึงมิได้อยู่บนสวรรค์มายาอะไรนั่น
ตายแล้วลอยไปค้างอยู่บนนั้นไปไหนต่อก็ไม่ได้
จึงมิใช่การนิพพานแท้ตามมรรควิถีของพระบิดา
3.นิพพานในความหมายของจิตวิญญาณ
โดยบทนี้เราจะกล่าวเพียงสั้นๆทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“นิพพาน” แปลว่าจิตวิญญาณคุณ #กลับบ้านได้
การกลับบ้าน หมายถึง “หลุดพ้น” ออกไป
จากเอกภพที่เป็นห้องทดลองใหญ่ของพระเจ้า
เพื่อย้อนกลับคืนสู่บ้านเกิดที่พวกคุณจากมานาน
อันเป็นบ้านเกิดที่เป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า
ซึ่งทรงรอคอยฝูงแกะคือพวกคุณอยู่นานแล้ว
นี่จึงเป็นนิพพานแท้ในมิติของ #อนุตรธรรม
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
1/04/2566
