06 เมษายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 6/04/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
#ถ้าน้ำเป็นของปลา #ฟ้าเป็นของนก
#โลกเสรีนี้ก็ต้องเป็นของมนุษย์ทุกคน
 
ปลา” จะกระโดดข้ามเขตขึ้นมาจากน้ำ
เพื่อแย่งพื้นที่ของ “นก” ที่อยู่บนฟ้าไม่ได้
ขณะเดียวกันนกที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า
จะลงมาอาศัยอยู่ในน้ำแบบปลาก็ไม่ได้
เพราะพระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ให้ดีแล้ว
 
เพราะปลามีเหงือกจึงหายใจในน้ำได้
แต่ปลาไม่มีปีกและกระดูกไม่เบาเหมือนนก
ปลาจึงไม่สามารถที่จะเหินบินเหมือนนกได้
เพราะน้ำหนักตัวเยอะและไม่มีปีกให้กระพือ
 
ส่วนนกนั้นหายใจด้วยปอด
จึงต้องอาศัยอยู่ในอากาศแบบสัตว์บก
โดยนกจะลงไปอาศัยในน้ำแบบปลาไม่ได้
เพราะนกจะสำลักน้ำจนตายไปในที่สุด
นกจึงต้องอาศัยอยู่บนต้นไม้และบนยอดไม้
ซึ่งในอากาศมีออกซิเจนให้นกใช้หายใจได้
 
ส่วนสัตว์จำพวกไส้เดือนที่อาศัยอยู่ในดิน
พวกเขาก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้สบายๆ
เพราะผิวหนังของเขาเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา
ที่พร้อมจะดูดซับรับเอาก๊าซออกซิเจนในดิน
เข้าสู่ร่างกายของตนเองได้ตลอดเวลา
แม้ว่าจะไม่มีระบบการหายใจแบบสัตว์อื่น
แต่ไส้เดือนก็สามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกได้
 
พวกคุณจะเห็นได้ว่า
พระเจ้าทรงออกแบบกำหนดให้ทุกสิ่งที่สร้าง
มีลักษณะจำเพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป
เพื่อให้ทุกสิ่งที่ทรงสร้างดำรงอยู่บนโลกนี้ได้
อย่างเหมาะสมในหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
โดยมีทั้งรูปแบบที่เหมือนกันและต่างกันไป
ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อมของสิ่งนั้นๆ
จะเป็นตัวกำหนด “รูปแบบ” และ “คุณสมบัติ”
ของสรรพสิ่งที่ทรงสร้างเป็นสำคัญนั่นแหละ
 
ดังนั้น
สิ่งมีชีวิตที่จะดำรงอยู่ในระบบโลกนี้ได้
ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้างขึ้นเพื่อโลกเท่านั้น
ถ้ามนุษย์ทุกคนเป็น “สัตว์ประจำโลก”
มนุษย์จะโยกย้ายตัวเองไปอยู่ที่ดาวอื่นไม่ได้
เพราะจะขาดความเหมาะสมในการดำรงชีวิต
ไม่ต่างจากปลากับนกหรือไส้เดือนดินนั่นแหละ
 
แม้สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
จะต้องใช้ออกซิเจนในการหายใจเหมือนกัน
แต่จำนวนปริมาณออกซิเจนมากน้อยที่ต้องใช้
กับสิ่งแวดล้อมที่มีออกซิเจนอยู่เป็นแบบไหน
มันล้วนเป็นตัวชี้วัดว่าจะทรงออกแบบสิ่งนั้น
ให้เป็นรูปแบบใดจึงจะเหมาะสมลงตัวได้
 
เช่นปลาอยู่ในน้ำจึงต้องสร้างเหงือกแทนปอด
นกเป็นสัตว์บกอยู่ในอากาศจึงทรงสร้างปอดให้
ไส้เดือนอยู่ในดินจึงทรงสร้างผิวกายใช้หายใจ
 
นอกจากนั้นในระบบดาวแต่ละดวง
ก็จะมีสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป
สิ่งแวดล้อมทั้งหลายในระบบดาวแต่ละดวง
ก็จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้าง
ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่บนดาวดวงนั้นๆได้
อย่างเหมาะสมยั่งยืนและยาวนานเช่นเดียวกัน
 
ตัวอย่างเช่น
มนุษย์มีตัวตนรูปลักษณ์ขนาดเล็ก
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่น
ปอดของมนุษย์โลกจึงมีขนาดเล็กกว่า
เพราะปริมาณออกซิเจนที่ต้องใช้น้อยกว่า
แม้ว่าก๊าซออกซิเจนในบรรยากาศโลก
จะมีความหนาแน่นสูงกว่าดาวอื่นก็ตาม
ขณะที่บนดาวอังคารก็มีก๊าซออกซิเจนอยู่
แต่ปริมาณความหนาแน่นนั้นน้อยกว่าโลก
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารจึงมีปอดเล็กตัวเล็ก
พร้อมทั้งสองรูจมูกก็จะเล็กกว่าของมนุษย์
 
นอกจากนั้น
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์โลก
กับเครื่องยนต์แห่งกรรมของสิ่งมีชีวิตต่างดาว
ก็ยังมีความแตกต่างกันในหลายด้านด้วย
เช่น พวกต่างดาวไม่มีจิตหยาบให้ใช้งาน
คงมีแต่จิตวิญญาณที่ขันอาสามาเกิดเท่านั้น
วิธีดำเนินชีวิตของพวกเขาจึงต่างกับมนุษย์
 
โดยมนุษย์ต้องใช้จิตหยาบสั่นสะเทือนขันธ์ห้า
ด้วยความรักเพื่อให้หมุนธรรมจักรร่วมกัน
เพื่อยกระดับจิตหยาบจากมิติศูนย์เมื่อปฏิสนธิ
ให้ถึงมิติที่สี่ให้ได้ภายในเก้าเดือนก่อนคลอด
เมื่อคลอดแล้วมนุษย์ต้องหมุนธรรมจักรร่วมกัน
หมุนตลอดยุคคือหกมื่นปีโลกโดยไม่ต้องตาย
เพื่อให้จิตหยาบเข้าถึงมิติที่ 5 และ 6 ให้ได้
ซึ่งหมายถึงคนตนเองจนเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ
จากการร่วมกันหมุนธรรมจักรตลอดวันนี่แหละ
 
ถ้าทำสำเร็จพวกคุณจะมีชีวิตอมตะคือไม่ตาย
เพราะโลกจะมีก๊าซออกซิเจนมากพอกับทุกคน
โลกจะมีความเข้มสนามแม่เหล็กที่เหมาะสม
กับการผลิตกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำในร่างกาย
เพื่อทำให้พวกคุณแข็งแรงสมบูรณ์อายุยืนยาว
เพื่อช่วยให้คุณไม่โง่ง่ายและมีจิตปัญญาสูงส่ง
จน “รับฟัง” ข่าวสารจากจักรวาลได้อีกด้วย
 
เนื่องจากอำนาจแม่เหล็กโลก
พระเจ้าทรงสร้างไว้สำหรับมนุษย์โลกเท่านั้น
รูปธรรมที่มีชีวิตที่มาจากดาวดวงอื่นทั้งใกล้ไกล
กายสังขารของเครื่องยนต์แห่งกรรมพวกเขา
ไม่ว่าจะมีตัวตนรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์หรือสัตว์
จะไม่อาจย้ายที่ในการใช้ชีวิตอยู่ข้ามดาวได้
เพราะจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตแน่นอน
 
ทั้งนี้เพราะกลไกอวัยวะภายในทั้งหลาย
จะต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ
จากการหมุนรอบตัวเองของดาวดวงนั้นๆ
โดยเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กของดาว
ความเข้มสนามแม่เหล็กที่ต่างกัน
จะผลิตสร้างขนาดกระแสไฟฟ้าที่เหมาะสม
กับการใช้งานตามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้
 
หากมีการย้ายข้ามดาวกัน
รูปธรรมที่มีชีวิตชนิดนั้นจะต้องตายแน่นอน
แม้จะกินดีอยู่ดีมีออกซิเจนหายใจที่พอเพียง
ไม่ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาด 110 โวลต์
คุณจะนำมาใช้กับไฟขนาด 220 โวลต์ไม่ได้
เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นจะชำรุดเสียหายเป็นแน่แท้
ดาวใครดาวมันว่างั้นเถอะ
 
มนุษย์จงเลิกคิดบุกรุกดาวอื่นเถิด
ถ้ามนุษย์เบื่อโลกอยากทิ้งโลกไปดาวอื่น
คุณมีหน้าที่ต้องทำสองอย่างนี้ให้ได้
 
1.คุณต้องเปลี่ยนแปลงกลไกของระบบไฟฟ้า
ในเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์เสียใหม่
 
2.คุณต้องนำสนามแม่เหล็กโลกติดตัวไปด้วย
 
ในทางกลับกันถ้าคุณมาจากต่างดาว
คุณก็ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกายภาพ
ให้มันเหมาะสมที่จะดำรงอยู่ในระบบโลกให้ได้
ตั้งแต่แม็คโครและไมโครจนถึงระดับนาโน
และแน่นอนว่าคุณจะมาแต่ตัวกับหัวใจไม่ได้
คุณต้องเอาสนามแม่เหล็กจากดาวคุณมาด้วย
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
6/04/2566