03 เมษายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 3/04/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ความรู้เรื่องนิพพานทั้งสามมิตินั้น
เราได้นำมากล่าวให้พวกคุณได้เรียนรู้ไปแล้ว
บทเรียนนี้เราจึงจะขอย้ำให้คุณได้จดจำไว้ว่า
 
คำว่า #นิพพาน ในมิติของจิตหยาบนั้น
มันคือการที่คุณดับกิเลสได้หมดอย่างสิ้นเชิง
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดจิตก็จะว่างจากการรู้สึก
เมื่อนึกออกนึกเอาและนึกเองขึ้นมาเมื่อไหร่
จิตก็จะว่างไปจากการรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
 
คำว่า “การรู้สึก” ในที่นี้เราหมายถึง
ความรู้สึกชอบไม่ชอบและไม่แน่ใจคือ #ลังเล
ความรู้สึกพอใจไม่พอใจและไม่แน่ใจว่าเอาไง
ซึ่งตัวความรู้สึกทั้งหมดที่ว่านี้มันคือ “กิเลส”
 
ถ้าคุณปล่อยให้จิตหยาบเกิดกิเลสขึ้นเมื่อใด
สภาวะจิตคุณในขณะนั้นจะเสียสมดุลเสมอ
คำว่า “เสียสมดุล” หมายถึงจิตแกว่งหรือไม่นิ่ง
เพราะสภาวะจิตหยาบตามปกติที่มีอาการสงบ
มันจะสั่นสะเทือนในย่านความถี่สูงคือด้านบวก
เพราะจิตสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงนี่แหละ
มันจึงสั่นสะเทือนจนเหมือนไม่สั่นสะเทือน
 
คุณเคยเห็นล้อรถยนต์ในหนังมั้ยล่ะ
ขณะรถวิ่งโดยล้อกำลังหมุนไปด้วยความเร็วสูง
คุณจะเห็นว่าล้อรถนั้นเหมือนมันไม่ได้หมุนเลย
ทั้งๆที่ล้อนั้นกำลังกลิ้งกำลังหมุนไปบนถนนอยู่
หรือลวดเส้นหนึ่งที่คุณขึงมันไว้สองด้านจนตึง
ตาเนื้อของคุณจะมองเห็นว่าลวดเส้นนั้นอยู่นิ่งๆ
ทั้งๆที่แท้จริงแล้วอนุภาคและโมเลกุลของลวด
มันกำลังสั่นสะเทือนอยู่ด้วยคลื่นความถี่สูงแท้ๆ
 
ดังนั้น
เมื่อใดที่ตาหูจมูกลิ้นหรือกายสัมผัสของคุณ
สัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดหรือจิตรับรู้เรื่องราวใดๆ
แล้วเกิดความรู้สึกในแบบที่ว่ามาแล้วนี้ขึ้น
แสดงว่าเมื่อนั้นคุณกำลังอยู่ในสภาวะ #จิตตก
แปลว่าจิตคุณกำลังเปลี่ยนแรงสั่นสะเทือน
จากย่านคลื่นความถี่สูงไปสู่ย่านความถี่ต่ำ
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเฉียบพลันทันใด
 
ทันทีที่จิตหยาบสัมผัสรับรู้ “สิ่งเร้า” นั้นๆ
หรือในทันทีที่สิ่งเร้านั้นกระทบเข้ากับจิตคุณ
จะทำให้การสั่นสะเทือนของจิตหยาบสะดุด
การ #สะดุด คือ การสั่นกระตุกแบบไม่ราบรื่น
จนเกิดอาการเนื้อตัวสั่นใจสั่นความดันสูงได้
ความจริงเรื่องของ “จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว”
คุณจะค้นพบได้จากสภาวะจิตในยามนี้แหละ
 
คุณจักต้องรู้ความจริงเอาไว้ด้วยว่า
ถ้าคุณปล่อยให้จิตหยาบเกิดสภาวะ “จิตตก”
เพราะเป็นทาสของกิเลสไปโดยง่ายดายนั้น
คุณก็จะไม่สามารถกำกับควบคุมจิตหยาบ
ให้อยู่ในโอวาทโดยคุณจะเป็นนายมันไม่ได้
จิตหยาบมันจะชิงเป็นผู้กำหนดบังคับคุณ
ให้สั่นสะเทือนทั้งสองมิติไปตามกิเลสทันที
 
แปลว่าจิตหยาบคือตัวคุณจะเป็นทาสกิเลส
ต้องสั่นสะเทือนเคลื่อนพฤติกรรมไปตามมัน
โดยที่คุณไม่อาจใช้ความรู้ความรักความคิด
ซึ่งเป็นพลังอำนาจในตนเองที่มีอยู่ได้เลย
เพราะมี “กิเลส” เป็นมารหรือเป็นอุปสรรค
คุณก็จะกลายเป็นคนบ้าคลั่งอย่างไร้เหตุผล
คุณจะแสดงจริตกิริยาไม่ต่างจากสัตว์ร้าย
เพราะกิเลสทำให้คุณขาดมหาสติไปชั่วขณะ
 
ความน่ากลัวของ “กิเลส”
หากคุณยอมให้มันเกิดขึ้นมาได้ก็คือ
จิตหยาบคุณจะสั่นด้วยคลื่นความถี่ต่ำลงได้อีก
โดยมันจะลดระดับลงจาก “กิเลส” สู่ “ตัณหา”
ซึ่งอาการไม่ต่างไปจากรถยนต์ที่เบรกไม่อยู่
ยิ่งถ้าเบรกกระทันหันมันก็จะเกิดการลื่นไถล
จนรถยนต์เกิดการชนนั่นชนนี่พังเสียหาย
เมื่อจิตหยาบเกิดเป็นตัณหาขึ้นมาเมื่อไหร่
โอกาสจะทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้าง
ก็จะมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
เพราะตัณหา คือ ความอยากไม่อยาก
กับความไม่รู้ว่ากูนั้นอยากหรือไม่อยาก
มันสั่นสะเทือนเป็นลบแรงกว่ากิเลสเสียอีก
ที่ใจสั่นเนื้อตัวสั่นมันก็จะสั่นแรงมากขึ้น
ความรุนแรงจะแปรผันตามความอยากนี่เอง
 
ถ้าไม่ได้สมใจอยากก็จะโกรธ
ถูกบังคับให้จำใจยอมโดยไม่อยากก็จะโกรธ
ถ้าอยากได้เอามากๆก็จะโลภ
ถ้าโลภมากก็จะงกจะเห็นแก่ตัวไม่แบ่งปันให้
ถ้าไม่ได้ทั้งที่ใจอยากได้ก็เสียใจเสียดาย
ถ้าอยากได้มากมายก็จะลุ่มหลงงมงาย
 
แผนที่ทางจิตหยาบเมื่อจิตตก
จึงเริ่มจาก “กิเลส” ไปสู่ “ตัณหา”
จาก “ตัณหา” นำไปสู่อารมณ์ขยะรายวัน
จำพวกโลภ โกรธ หลง นั่นแหละคุณ
 
ถ้าคุณตกเป็นทาสของสิ่งเร้าที่เย้ายวนยั่วยุ
คุณก็จะไม่มีวันคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้
เป็นได้แค่คอหยักๆสักแต่ว่า “คน” เท่านั้น
เพราะคุณหมุนธรรมจักรในตนเองไม่สำเร็จ
เนื่องจากมีกิเลสมารเป็นต้นตอขนาดใหญ่
ทำให้หมุนธรรมจักรร่วมกับใครๆไม่ได้
 
ถ้านิพพานกิเลสในจิตหยาบไม่ได้
คุณจึงเป็นได้แค่ขยะชิ้นหนึ่งบนโลกนี้เท่านั้น
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
3/04/2566