พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สมการศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน
คือ ∑βx =3X²(β₁+β₂+β₃+…+βₓ) นี้
มันจะบังเกิดผลในการผลิตพลังงานบวกให้โลก
ในรูปของพลังงานร่วม (Group Synergy) ได้
ตัวเอ็กซ์
(X)
ต้องแทนค่าด้วยจำนวน 3 ขึ้นไป
และทั้งสามคนต้องสั่นสะเทือนเป็น
#รักเพื่อให้
นี่คือเงื่อนไขสำคัญของสมการพลังงานที่ว่านี้
มิเช่นนั้นพวกคุณจะช่วยค้ำจุนสมดุลโลกไม่ได้
เรามีความจริงระดับอนุตรธรรมที่จะบอกพวกคุณ
ให้รับรู้เพื่อเรียนรู้อย่างเข้าใจและเข้าถึงต่อไปนี้
1.คำว่า “รักเพื่อให้” ที่เราหมายถึงนี้
ต้องเป็นความรักในแบบที่ไร้เงื่อนไขเท่านั้น
มันคือความรักที่บริสุทธิ์หรือความรักเพื่อให้
เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย แก่ตนและทุกคน
รวมทั้งเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น
2.คำว่า “ไร้เงื่อนไข” เราหมายความว่า
เป็นการรักเพื่อให้ได้กับทุกคนทุกตัวและทุกสิ่ง
คุณต้องสั่นสะเทือนจิตหยาบแบบนี้ได้เสมอ
โดยไม่คิดคาดหวังสิ่งใดตอบแทนจากผู้นั้นสิ่งนั้น
โดยไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าสิ่งนั้นผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม
3.คำว่า “รักอย่างไร้เงื่อนไข” ที่ว่านี้
เราจึงมิได้หมายถึง #การรักเพื่อเอา
อันเป็นความรักในแบบที่ต้องการตอบสนอง
ในแบบของ #ความใคร่ ของชู้สาวทั้งหลาย
ซึ่งพวกชายหนุ่มหญิงสาวประเภท “ขี้เอา”
ถูกมอมเมาให้ใช้กิเลส “ปฏิบัติทำ” ดำเนินชีวิต
จนเกิดตัณหาราคะที่เป็นดั่งมารเข้าแทรกในจิต
แล้วใช้ชีวิตมั่วซั่วจนมากผัวหลายเมีย
โดยอ้างว่าเป็นแบบรักที่ไร้เงื่อนไขดังกล่าว
โดยพฤติกรรมมากชู้หลายผัวหลายเมียที่ว่านี้
ถ้าหากไม่นับบทละครกรรมนำพาให้ต้องเป็น
ตามบทละครในชะตาชีวิตที่ขีดเขียนร่วมกันมา
หรือเป็นบทเรียนกรรมที่เคยสอบตกสะสมไว้
ที่เรียกว่า “เกี่ยวกรรม” มาจากทุกชาติในอดีต
ก็เป็นแค่ความแร่ดหรือ “ร่าน” ในชาตินี้เท่านั้น
มันมิใช่ความรักอย่างไร้เงื่อนไขแต่อย่างใด
4.คำว่า “รัก” ของคนเหล่านี้เป็นแค่คำอ้าง
โดยถ้ารักอย่างไม่มีเงื่อนไขอย่างแท้จริงนั้น
คุณจะรักผัวรักเมียของคนข้างบ้านคุณก็ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผัวคุณหรือเมียคุณก็ตาม
เงื่อนไขคือรักแล้วต้องไม่ไปพรากเอาเขามา
จนทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวของเขานั่นล่ะ
หรือรักไปทั่วมั่วทุกรายทำลายครอบครัวไป
โดยอ้างว่าเป็น “รักที่ไร้เงื่อนไข” นั้นไม่ได้
ส่วนคนที่ยังต้องรับผิดชอบในบทละครชีวิต
ยังต้องสอบให้ผ่านบททดสอบจากชะตาชีวิต
หรือยังเรียนรู้ในบทเรียนชะตากรรมแห่งตนอยู่
ต้องมีชีวิตในแบบที่ต่างจากค่านิยมทางสังคม
พวกคุณที่เป็นบุคคลภายนอกจงอย่าพิพากษา
เพราะมันจะพาคุณเข้าไปเกี่ยวกรรมกับเขาด้วย
จงจำไว้ว่าหน้าที่ใครหน้าที่มันคนนั้นรับผิดชอบ
คนอื่นไม่เกี่ยวหรือกรรมใครกรรมมันนั่นเอง
ดังนั้น
ถ้าคุณจะรักลูกหลานของคนข้างบ้าน
คุณก็สามารถจะรักได้เมตตาได้หรือเอ็นดูได้
โดยไม่ต้องไปขอเขามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
ให้เป็นภาระหนักทั้งทางโลกและทางวิญญาณ
ไม่ต้องไปเกี่ยวกรรมสัมพันธ์กันกับเขาก็ได้
คุณรักลูกหลานตนเองอย่างไรก็รักในแบบนั้น
มันสำคัญอยู่ที่จิตหยาบของคุณเท่านั้นเอง
ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะน่ารักหรือว่าไม่น่ารัก
จะเนื้อตัวสกปรกมอมแมมหรือสะอาดสะอ้าน
จะเป็นลูกคนจนหรือเป็นลูกคนรวย
จะเป็นเด็กดื้อหรือว่าจะเป็นเด็กดี
คุณต้องรักและเอ็นดูได้นี่คือรักไร้เงื่อนไข
5.ถ้าคุณสามารถรักได้โดยไร้กิเลสแอบแฝง
จึงจะเป็นความรักที่ใสบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
เพราะรักแล้วไม่คิดคาดหวังสิ่งใดตอบแทน
เนื่องจาก #ความรักคือการให้ มิใช่การเอา
“การให้” คือการสงเคราะห์ช่วยเหลือสนับสนุน
เพื่อให้ผู้อื่นมีความสุขและประสบความสำเร็จ
เมื่อคุณช่วยเขาให้มีความสุขและสำเร็จแล้ว
คุณจะพลอยมีความสุขสำเร็จตามเขาไปด้วย
ซึ่งเป็นรางวัลที่คุณจะได้รับโดยไม่คิดคาดหวัง
คุณมิได้รักหรือปฏิบัติทำเพราะต้องการบางสิ่ง
แอบแฝงอยู่ในสภาวะจิตของคุณนั่นเอง
คลื่นความถี่ของจิตหยาบที่เป็นความรักเพื่อให้
จึงจะทำให้สมการพลังงานร่วมซัมเบต้าเอ็กซ์
ศักดิ์สิทธิ์จนผลิตพลังงานด้านบวกด้วยขันธ์ห้า
เหวี่ยงออกมาเพื่อช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุลได้
ตามที่พระเจ้าหรือพระผู้สร้างทรงออกแบบไว้
จงอย่าเชื่อการบิดเบือนของมนุษย์อุตริกันอีก
จงอย่าคิดว่า “การยึดติด” เรื่องรักที่ไร้เงื่อนไข
จะทำให้หญิงชายใจง่ายจนคุณออกมาคัดค้าน
เพราะคุณเข้าใจผิดคิดเข้าใจไม่ถูกต้องเสียเอง
เราจะบอกคุณว่า “ถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้”
สัจธรรมที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งบริสุทธิ์สวยงาม
ถ้าใครเชื่อตามทำตามแล้วมีพิรุธหรือมีปัญหา
นั่นแสดงว่ามิใช่ “สัจธรรมแท้” อย่างแน่นอน
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
11/04/2566
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สมการศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน
คือ ∑βx =3X²(β₁+β₂+β₃+…+βₓ) นี้
ในรูปของพลังงานร่วม (Group Synergy) ได้
นี่คือเงื่อนไขสำคัญของสมการพลังงานที่ว่านี้
มิเช่นนั้นพวกคุณจะช่วยค้ำจุนสมดุลโลกไม่ได้
เรามีความจริงระดับอนุตรธรรมที่จะบอกพวกคุณ
ให้รับรู้เพื่อเรียนรู้อย่างเข้าใจและเข้าถึงต่อไปนี้
1.คำว่า “รักเพื่อให้” ที่เราหมายถึงนี้
ต้องเป็นความรักในแบบที่ไร้เงื่อนไขเท่านั้น
มันคือความรักที่บริสุทธิ์หรือความรักเพื่อให้
เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย แก่ตนและทุกคน
รวมทั้งเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น
2.คำว่า “ไร้เงื่อนไข” เราหมายความว่า
เป็นการรักเพื่อให้ได้กับทุกคนทุกตัวและทุกสิ่ง
คุณต้องสั่นสะเทือนจิตหยาบแบบนี้ได้เสมอ
โดยไม่คิดคาดหวังสิ่งใดตอบแทนจากผู้นั้นสิ่งนั้น
โดยไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าสิ่งนั้นผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม
3.คำว่า “รักอย่างไร้เงื่อนไข” ที่ว่านี้
เราจึงมิได้หมายถึง #การรักเพื่อเอา
อันเป็นความรักในแบบที่ต้องการตอบสนอง
ในแบบของ #ความใคร่ ของชู้สาวทั้งหลาย
ซึ่งพวกชายหนุ่มหญิงสาวประเภท “ขี้เอา”
ถูกมอมเมาให้ใช้กิเลส “ปฏิบัติทำ” ดำเนินชีวิต
จนเกิดตัณหาราคะที่เป็นดั่งมารเข้าแทรกในจิต
แล้วใช้ชีวิตมั่วซั่วจนมากผัวหลายเมีย
โดยอ้างว่าเป็นแบบรักที่ไร้เงื่อนไขดังกล่าว
โดยพฤติกรรมมากชู้หลายผัวหลายเมียที่ว่านี้
ถ้าหากไม่นับบทละครกรรมนำพาให้ต้องเป็น
ตามบทละครในชะตาชีวิตที่ขีดเขียนร่วมกันมา
หรือเป็นบทเรียนกรรมที่เคยสอบตกสะสมไว้
ที่เรียกว่า “เกี่ยวกรรม” มาจากทุกชาติในอดีต
ก็เป็นแค่ความแร่ดหรือ “ร่าน” ในชาตินี้เท่านั้น
มันมิใช่ความรักอย่างไร้เงื่อนไขแต่อย่างใด
4.คำว่า “รัก” ของคนเหล่านี้เป็นแค่คำอ้าง
โดยถ้ารักอย่างไม่มีเงื่อนไขอย่างแท้จริงนั้น
คุณจะรักผัวรักเมียของคนข้างบ้านคุณก็ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผัวคุณหรือเมียคุณก็ตาม
เงื่อนไขคือรักแล้วต้องไม่ไปพรากเอาเขามา
จนทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวของเขานั่นล่ะ
หรือรักไปทั่วมั่วทุกรายทำลายครอบครัวไป
โดยอ้างว่าเป็น “รักที่ไร้เงื่อนไข” นั้นไม่ได้
ส่วนคนที่ยังต้องรับผิดชอบในบทละครชีวิต
ยังต้องสอบให้ผ่านบททดสอบจากชะตาชีวิต
หรือยังเรียนรู้ในบทเรียนชะตากรรมแห่งตนอยู่
ต้องมีชีวิตในแบบที่ต่างจากค่านิยมทางสังคม
พวกคุณที่เป็นบุคคลภายนอกจงอย่าพิพากษา
เพราะมันจะพาคุณเข้าไปเกี่ยวกรรมกับเขาด้วย
จงจำไว้ว่าหน้าที่ใครหน้าที่มันคนนั้นรับผิดชอบ
คนอื่นไม่เกี่ยวหรือกรรมใครกรรมมันนั่นเอง
ดังนั้น
ถ้าคุณจะรักลูกหลานของคนข้างบ้าน
คุณก็สามารถจะรักได้เมตตาได้หรือเอ็นดูได้
โดยไม่ต้องไปขอเขามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
ให้เป็นภาระหนักทั้งทางโลกและทางวิญญาณ
ไม่ต้องไปเกี่ยวกรรมสัมพันธ์กันกับเขาก็ได้
คุณรักลูกหลานตนเองอย่างไรก็รักในแบบนั้น
มันสำคัญอยู่ที่จิตหยาบของคุณเท่านั้นเอง
ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะน่ารักหรือว่าไม่น่ารัก
จะเนื้อตัวสกปรกมอมแมมหรือสะอาดสะอ้าน
จะเป็นลูกคนจนหรือเป็นลูกคนรวย
จะเป็นเด็กดื้อหรือว่าจะเป็นเด็กดี
คุณต้องรักและเอ็นดูได้นี่คือรักไร้เงื่อนไข
5.ถ้าคุณสามารถรักได้โดยไร้กิเลสแอบแฝง
จึงจะเป็นความรักที่ใสบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
เพราะรักแล้วไม่คิดคาดหวังสิ่งใดตอบแทน
เนื่องจาก #ความรักคือการให้ มิใช่การเอา
“การให้” คือการสงเคราะห์ช่วยเหลือสนับสนุน
เพื่อให้ผู้อื่นมีความสุขและประสบความสำเร็จ
เมื่อคุณช่วยเขาให้มีความสุขและสำเร็จแล้ว
คุณจะพลอยมีความสุขสำเร็จตามเขาไปด้วย
ซึ่งเป็นรางวัลที่คุณจะได้รับโดยไม่คิดคาดหวัง
คุณมิได้รักหรือปฏิบัติทำเพราะต้องการบางสิ่ง
แอบแฝงอยู่ในสภาวะจิตของคุณนั่นเอง
คลื่นความถี่ของจิตหยาบที่เป็นความรักเพื่อให้
จึงจะทำให้สมการพลังงานร่วมซัมเบต้าเอ็กซ์
ศักดิ์สิทธิ์จนผลิตพลังงานด้านบวกด้วยขันธ์ห้า
เหวี่ยงออกมาเพื่อช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุลได้
ตามที่พระเจ้าหรือพระผู้สร้างทรงออกแบบไว้
จงอย่าเชื่อการบิดเบือนของมนุษย์อุตริกันอีก
จงอย่าคิดว่า “การยึดติด” เรื่องรักที่ไร้เงื่อนไข
จะทำให้หญิงชายใจง่ายจนคุณออกมาคัดค้าน
เพราะคุณเข้าใจผิดคิดเข้าใจไม่ถูกต้องเสียเอง
เราจะบอกคุณว่า “ถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้”
สัจธรรมที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งบริสุทธิ์สวยงาม
ถ้าใครเชื่อตามทำตามแล้วมีพิรุธหรือมีปัญหา
นั่นแสดงว่ามิใช่ “สัจธรรมแท้” อย่างแน่นอน
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
11/04/2566