04 เมษายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 4/04/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
หน้าที่หลักของพวกคุณที่ต้องทำให้สำเร็จ
ตั้งแต่มีอายุขัยครบสามขวบปีบริบูรณ์แล้ว
ไม่ว่าใครจะเกิดที่ไหนรับถือศาสนาอะไร
ถิ่นกำเนิดจะอยู่บนทวีปอะไรอยู่ในประเทศใด
ล้วนต้อง #คนตนเอง ให้เป็น #มนุษย์ ให้ได้
 
คุณจะสังเกตจากลูกหลานได้ว่า
เมื่ออยู่ในท้องแม่จะเป็นตัวอ่อนที่ค่อยๆเติบโต
พอโตเต็มที่เพราะจิตหยาบเข้าถึงมิติที่ 4D ได้
ตัวอ่อนก็จะเติบโตเป็นตัวแก่ก็คือ “เด็กอ่อน”
เจ้าเด็กอ่อนก็จะตกลงมาบนฟากเป็น #ทารก
ที่พวกคุณเรียกว่า “การคลอด” นั่นแหละ
 
พวกคุณต้องรู้ว่า
การเจริญเติบโตทางกายภาพหรือกายสังขาร
มันคือตัวชี้วัดการ “ยกระดับ” ทางพลังงาน
ของจิตหยาบที่จิตวิญญาณแบ่งภาคออกมา
ให้ช่วยทำหน้าที่เป็นมนุษย์แทนตนนั่นเอง
โดยพระเจ้าทรงออกแบบให้เริ่มทำหน้าที่แทน
ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารดาในวันแรกนั้น
 
การยกระดับจิตหยาบจะเริ่มจากจุดศูนย์ (0D)
ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นกลุ่มพลังงาน 189 กลุ่ม
ที่ยังไม่สมดุลโดยยังลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่
เมื่อกาลเวลานานผ่านไปกลุ่มจิตหยาบที่ว่านี้
ก็จะถูกยกระดับแรงสั่นสะเทือนเคลื่อนไหล
ให้เกิดเป็นรูปทรงเรขาคณิตจากเดิมที่เป็นจุด
จนเคลื่อนที่ไปมาเป็นเส้นตรงระหว่างสองจุด
หรือยกระดับตนเองจากจุดศูนย์สู่มิติที่ 2D ได้
ตัวชี้วัดคือการเป็น “ตัวอ่อน” ในมดลูกมารดา
 
เมื่อจิตหยาบสามารถเข้าถึงมิติที่ 2D ได้แล้ว
การสั่นสะเทือนเคลื่อนไหลก็ยังเกิดขึ้นต่อไป
จนเกิดรูปทรงเรขาคณิตสามเหลี่ยมมุมขึ้นได้
นั่นคือยกระดับตนเองจาก 2D สู่ 3D แล้ว
โดยตัวชี้วัดการยกระดับของขั้นตอนนี้ก็คือ
เจ้าตัวอ่อนของกายหยาบก็จะเป็นทารกน้อย
ที่มีรูปลักษณ์ตัวตนสมบูรณ์แบบครบสามมิติ
คือมีความกว้างความยาวและความหนา
 
เมื่อจิตหยาบยกระดับถึงมิติที่ 3D ได้แล้ว
“จิตหยาบ” ก็ยังไม่หยุดยั้งการยกระดับตนเอง
เพราะแค่เริ่มจะเป็นรูปธรรมที่สมดุลยิ่งขึ้น
จากแรกเดิมที่เป็นเพียงกลุ่มพลังงานเท่านั้น
ซึ่งจิตหยาบของผู้มาถือกำเนิดเกิดกายใหม่
ยังคงยกระดับการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหล
จากมิติที่ 3D ต่อไปเรื่อยๆจนเข้าถึงมิติที่ 4D
ตัวชี้วัดทางกายภาพก็คือ #ทารก ที่โตเต็มวัย
ที่พร้อมจะคลอดตกลงมาบนฟากคือ “ตกฟาก”
สมัยนี้เมื่อคลอดตกลงบนฟูกก็คือ “ตกฟูก”
พวกคุณจะเรียกขานว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
 
แต่พวกคุณจะต้องรู้ว่า
พัฒนาการของ “จิตหยาบ” ของผู้มาเกิดใหม่
ที่เริ่มต้นจากมิติที่ศูนย์ จนเข้าถึงมิติที่ 4D ได้
ก็เพราะจิตวิญญาณแก่นแท้ของผู้มาเกิดใหม่
กับจิตวิญญาณของผู้เป็นมารดาและบิดา
รวม 3 รูปธรรมได้ร่วมกันสร้างสมการ ∑βx ขึ้น
โดยตัวเอ็กซ์นี้แทนค่าด้วย “3” พอดีเป๊ะ!
ซึ่งเป็นสมการพลังงานรวมจากความรักบริสุทธิ์
ของทั้งสามรูปธรรมที่มีต่อกันทั้งวันคืน
 
เนื่องจาก
จิตหยาบที่สั่นสะเทือนเคลื่อนไหลในมิติที่ 4D
มันยังฟอร์มตัวเองเป็นรูปทรงเรขาคณิตไม่สมดุล
จิตหยาบจึงต้องได้รับการสนับสนุนค้ำจุนต่อไป
แม้จะคลอดออกมาเป็นตัวตนแบเบาะแล้วก็ตาม
ตัวชี้วัดการเข้าถึงมิติที่ 4D ได้ในขั้นตอนนี้ก็คือ
เจ้าเด็กน้อยจะเริ่มเคลื่อนไหวได้ในทุกทิศทาง
แทนที่จะนอนแผ่แบเบาะอยู่อย่างเดียว
 
เป็นต้นว่า
จะพลิกคว่ำพลิกหงายได้
จะลุกนั่งตั้งไข่ได้
จะเกาะยืนหรือปีนป่ายได้
จะเริ่มใช้กลไกอายตนะที่สมบูรณ์แบบได้
จะใช้ปาก มือ เท้า เป็นอวัยวะได้ เป็นต้น
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
 
เพราะวัยเด็กเล็กขนาดนี้ยังต้องการ
แรงสั่นสะเทือนเพื่อยกระดับจิตหยาบอยู่
พระเจ้าจึงทรงออกแบบให้ทั้งลูกคนลูกสัตว์
มีความน่ารักน่าเอ็นดูเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน
เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนที่มาพบเห็นเข้า
มาร่วมกันสร้างสมการพลังงานร่วมซัมเบต้า
โดยค่าของตัวเอ็กซ์มากกว่าสามขึ้นไปให้ได้
ยิ่งมีคนที่รักและเอ็นดูเด็กมากเท่าใดได้ก็ยิ่งดี
ซึ่งมันจะมีผลต่อการยกระดับจากมิติที่ 4D
ของเด็กๆทุกคนให้สูงขึ้นสู่มิติที่ 5D ได้
 
ทั้งหมดนี้
พระเจ้าทรงออกแบบและวางแผนเอาไว้ให้
เสมือนเป็นระบบอัตโนมัติกันอยู่แล้ว
ไม่ต้องให้ใครจากดาวดวงใดมาช่วยเหลือก็ได้
ถ้าพวกคุณรู้ความจริงนี้แล้วช่วยรักกันให้ได้
เลิกทะเลาะกันเลิกทำสงครามกันเลิกคิดชั่วกัน
แผนการยกระดับจิตหยาบของคุณด้วยความรัก
อันหมายถึง “การหมุนธรรมจักร” จึงจะสำเร็จ
เพราะคุณจะ “คนตนเอง” เพื่อเป็นมนุษย์ได้
เพราะกายหยาบจิตหยาบและจิตวิญญาณคุณ
จะเป็นหนึ่งเดียวกันในมิติที่ 6D ได้แน่นอน
ขณะที่พวกคุณจะช่วยค้ำจุนสมดุลโลกได้ด้วย
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
4/04/2566