มีบางคนแย้งเราว่า
ความรักเพื่อให้ของพ่อแม่ลูก
มิใช่รักบริสุทธิ์แท้จริง
เพราะเป็นรักแบบที่ยังมีอัตตา
เราสงสัยว่าการมีอัตตา
มันทำให้รักไม่บริสุทธิ์ได้อย่างไร
เพราะพระเจ้าทรงเป็นอนัตตา
ที่ยังมีอัตตาอยู่เลย
#คัมภีร์อนุตรธรรมฉบับจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เพราะบทเรียนของพวกคุณ
จากพระโอวาทเรื่อง #รักอย่างไร้เงื่อนไข
หมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
เราจึงตอบว่าความรักมี 2 แบบ ด้วยกัน
แบบแรกคือรักเพื่อให้เป็นรักบริสุทธิ์
แบบสองคือรักเพื่อเอาเป็นรักไม่บริสุทธิ์
เราได้ยกตัวอย่างโดยกล่าวเอาไว้ว่า
รักเพื่อเอาเป็นรักที่ไม่บริสุทธิ์
เพราะเป็นความใคร่ที่ต้องการสิ่งตอบแทน
เพราะเกิดจากกิเลสจนก่อตัณหาคืออยาก
อันความอยากในกามนั้นก็คือ "ความใคร่"
ต้องบำบัดความใคร่เท่านั้นจึงจะหายอยาก
คนพวกนี้จึงทำตนมากชู้หลายเมียหลายผัว
ทำตัวมั่วซั่วหลายผัวหลายเมียคราวเดียวกัน
เพราะเป็นความอยากที่ต้องการบำบัด
ถ้าไม่บำบัดก็ไม่อาจหย่อนคลายกำหนัดได้
เรายังได้กล่าวไว้อีกว่า
รักเพื่อให้ที่เป็นรักบริสุทธิ์แท้จริงนั้น
ต้องเป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
โดยคุณจะรักใครก็ได้คนดีก็รักได้คนชั่วก็รักได้
มิใช่ผัวใครเมียใครก็เสือกรักเพื่อเอาไปหมด
โดยอ้างว่าเป็นรักอย่างไร้เงื่อนไขหน้าตาเฉย
ทั้งๆที่มันเป็นคนละเรื่องกันเลยคุณ
ขณะที่คนถามคำถามเรามาในกล่องข้อความ
เข้าใจผิดพลาดไปว่าการรักอย่างไร้เงื่อนไข
หมายถึงการรักมั่วหรือมั่วรักถ้ามีคนยึดติดมันเข้า
จนเกิดพฤติกรรมมากชู้หลายผัวหลายเมียแล้ว
เราที่เป็นผู้สื่อมาสอนมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร
ซึ่งเราก็ได้ให้คำตอบไปแล้ว
เรายังได้ยกตัวอย่างเอาไว้ด้วยว่า
รักที่บริสุทธิ์เป็นรักแบบพ่อแม่ที่รักลูก
เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆตอบแทน
เพราะลูกยังไร้เดียงสาตอบแทนพ่อแม่ไม่ได้
นอกจากจะเลี้ยงง่ายโตไวไม่ดื้อเท่านั้นแหละ
ซึ่งมิใช่เงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่พ่อแม่จะต้องได้
แม้ลูกจะเลี้ยงยากงอแงขี้โรคหรือดื้อรั้นเท่าใด
พ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูเสี้ยมสอนกันไปตามสภาพ
ปรากฏว่าคนที่เราตอบได้แชร์ข้อความเราไป
จนทำให้ผู้อวดรู้คนหนึ่งเข้ามากล่าวก้าวล่วงเรา
โดยแสดงตนว่าเป็นผู้รู้ธรรมะเยอะ
เพราะคำกล่าวของเขานั้นดูเลอะเทอะไปหมด
พยายามเอาธรรมส่วนตัวที่ตนรู้มากอยู่
มาวิพากษ์วิจารณ์พระโอวาทของพระเจ้า
ในเรื่องความรักบริสุทธิ์กรณีที่ว่านี้หน้าตาเฉย
แสดงความอวดรู้แบบร้อนวิชาหรือทำนองนั้น
เราขอกล่าวความจริงต่อพวกคุณว่า
“ปัญญาวิสุทธิ์” มิได้อวดรู้เองแต่เรากล่าวตาม
เท่าที่พระเจ้าทรงสื่อมาให้เรากล่าว
พระองค์ตรัสมาว่าอย่างไรเราก็กล่าวไปตามนั้น
เราไม่เคยทำพระโอวาทหกเลอะเทอะ
เราไม่เคยเติมความเชื่อส่วนตัวในพระโอวาท
เพราะเราเป็นผู้สื่อเราจึงเป็นทางผ่านที่ดีที่สุด
ที่พวกคุณจะไปถึงพระองค์ได้ถ้าผ่านมาทางเรา
เราจะยกตัวอย่างเรื่องไร้สาระ
ที่นายคนนี้บอกว่าเราสอนผิดที่ยกตัวอย่างว่า
รักบริสุทธิ์คือรักของพ่อแม่ลูก
เขาอ้างว่าไม่บริสุทธิ์เพราะเป็นรักที่มีอัตตาอยู่
หรือเพราะยังมีอัตตาจึงทำให้เป็นรักไม่บริสุทธิ์
เราไม่อยากช่วยทำให้เขาหายโง่หายอวดดีหรอก
เพราะสันดานเคยตัวและหลงตัวเองของคนนั้น
มันแก้ไขได้ง่ายเสียที่ไหนกันล่ะคุณ
แต่เราจะบอกความจริงให้ทุกคนในห้องนี้รู้ว่า
คำว่า “รักบริสุทธิ์” ของพระบิดานั้น
มิได้ทรงหมายถึงว่าต้องว่างไปจากการมีอัตตา
การมีอัตตาตัวตนของทุกสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง
ล้วนมีตัวตนที่เป็นมายารูปลักษณ์ด้วยกันทั้งนั้น
แม้สรรพสิ่งที่เป็นพลังงานซึ่งไม่มีมายาให้เห็น
ซึ่งเป็นสรรพสิ่งที่เป็น “อนัตตา” ก็มีอัตตาอยู่
แม้แต่พระเจ้าหรือ “ก๊อด” ที่ทรงเป็นอนัตตา
ก็ยังทรงเป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่มีอัตตาเช่นกัน
ดังนั้น
นายคนนี้รู้มากเกินไปจนเลอะเทอะ
ที่ก้าวล่วงเราว่า “สอนผิด” ว่าเราอวดทำเป็นรู้มาก
เพราะความรักที่บริสุทธิ์ต้องไม่มีอัตตาเข้ามาเกี่ยว
ซึ่งคนที่เอามาเกี่ยวคือคนที่ก้าวล่วงเราแต่มิใช่เรา
เนื่องจากคนทุกคนมีจิต 189 ดวงหรือ 189 กลุ่ม
หนึ่งใน 189 กลุ่มจะมีจิตตัวหนึ่งทำหน้าที่พิเศษ
คือ “รู้สำนึกว่า” ในจักรวาลนี้เวลานี้ยังมี “กู” อยู่
การที่พ่อกับแม่จะรักลูกต้องรักด้วยจิตรู้สำนึกเสมอ
โดยรู้สำนึกในการเป็นกูคือเป็นพ่อเป็นแม่ของลูก
รู้สำนึกในการเป็นลูกของกูคือลูกของพ่อและแม่
ทั้งหมดนี้คือการ “สำนึกรู้” มิใช่การยึดติดอัตตา
จนขลาดกลัวอัตตากันแบบอุจจาระขึ้นสมอง
ที่เขาห้ามไว้คือห้ามยึดติดมายารูปลักษณ์ทั้งปวง
ถ้าจิตคุณหลงยึดติดมันเข้าจะเกิดเป็นอัตตาขึ้นได้
เมื่อสิ่งนั้นมีอัตตาขึ้นมาในจิตของคุณเมื่อไหร่
กิเลสก็จะมาตัณหาก็จะเกิดตามกันมาเป็นขบวน
เราหวังว่าถ้าใครไปอ่านเจอคำก้าวล่วงของคนๆนี้
ก็จงอโหสิกรรมให้เขาไปแบบกรรมใคร “กำ” มัน
ปล่อยให้เขาไปตามทางของแกะหลงฝูงเถิด
เพราะเขาจำเสียงเรียกของคนเลี้ยงแกะไม่ได้แล้ว
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
11/04/2566