สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
แม้จะมีใครบางคนบนโลกนี้
กล่าวประณามเหยียดหยามเราว่าเป็นคนไม่ดี
เมื่อเราบอกความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เราเป็นพระบุตรเอกแห่งองค์จิตจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง
พระผู้ทรงบัญชาให้เรากลับมาจุติเป็นมนุษย์
เพื่อมากล่าวพระโอวาทประกาศอนุตรธรรม
แก่มวลมนุษย์โลกเสรีทั้งหลาย
และชี้ทางหลุดพ้นนิพพานกลับคืนบ้านเกิด
ของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของพวกท่านด้วย
โดยพวกเขาเหล่านี้
กล่าวเท็จใส่ร้ายเราว่าเป็นคนหลอกลวง
ในสามประการ คือ
1.หลอกลวงว่าเราเป็นบุตรเอกแห่งพระบิดา
2.หลอกลวงว่าเราคือคนเฝ้าประตูคอกแกะ
ผู้เคยสัญญาว่าจะมาจูงเจ้าสาวเข้าประตูเรือนหอ
เมื่อถึงวันที่พระบิดาทรงพิพากษาโลกและมนุษย์
3.หลอกลวงว่าเราสามารถชี้ทางหลุดพ้นนิพพาน
เพื่อนำพาจิตวิญญาณพวกท่านกลับบ้านเกิด
ให้ทันก่อนกาลสิ้นยุคพลังงานเก่านี้ได้
ทั้งสามเรื่องเหล่านี้
เราถูกพวกเขากล่าวหาว่าหลอกลวง
โดยมิได้ใช้สติปัญญาพิจารณาให้ถ่องแท้ก่อน
โดยไม่เคยศึกษาเรียนรู้พระโอวาทพระบิดา
ที่ทรงสื่อผ่านเรามาเพื่อพวกท่านเลย
คนที่ก้าวล่วงเราเหตุเพราะพวกเขาไม่เชื่อ
เหตุที่พวกเขาไม่เชื่อก็เพราะพวกเขาไม่รับฟัง
เหตุที่พวกเขาไม่รับฟังเพราะพวกเขามีอัตตาสูง
เพราะมีอัตตาสูงพวกเขาจึงเป็นคนใจแคบ
จนไม่ยอมเปิดใจรับฟังความรู้ใหม่
เนื่องจากยึดติดความเชื่อเดิมของตนอยู่
การที่พวกเขาเหล่านี้
จะยอมรับหรือปฏิเสธความจริงของเรา
ในข้อหาว่าหลอกลวงทั้งสามประการที่ว่านั้น
ตัวเรามิได้ใส่ใจแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เพราะสัจธรรมความจริงไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้
แต่ที่เราจะขอนำมากล่าวไว้ในที่นี้ซึ่งสำคัญกว่า
ก็คือคำหยามหมิ่นของพวกเขาที่มีต่อเราว่า
ถ้าเป็นบุตรเอกแห่งพระบิดาจริงแท้แล้ว
ก็แสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์แบบพระเยซูให้ดูหน่อยสิ
นี่ต่างหากที่เราจำเป็นจะต้องกล่าวไม่กล่าวไม่ได้
เพราะผู้ที่กล่าวก้าวล่วงเราท้าทายเรานี้
ถ้าเขาเป็นคนนับถือพระบิดาศรัทธาพระเยซูแล้ว
เราจะกล่าวความจริงว่าแท้แล้วพวกเขางมงาย
เพราะไปหลงในฤทธิปาฏิหาริย์ของพระองค์
โดยไปเชื่อตามคนนำทางตาบอดนั่นเอง
เราจึงจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
พระเยซูคริสต์นั้นทรงเป็นพระบุตรเอก
ผู้เสด็จลงมาจุติตามพระบัญชาแห่งพระเจ้า
ซึ่งจิตวิญญาณของเราก็มีพันธสัญญาหน้าที่
และมาจากพระบิดาเช่นเดียวกันกับพระองค์
เราจึงขอยืนยันว่าพระเยซูเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีวันจะสำแดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่อมนุษย์
เพื่อจูงใจให้หันหน้ามาหาพระองค์หรือพระเจ้าแน่ๆ
แม้จะทรงสำแดงได้แต่พระองค์จะไม่ทำแน่นอน
เพราะทรงรู้ว่ามนุษย์จะงมงายไม่ใช้สติปัญญา
จนมิอาจสั่นสะเทือนจิตสามนึกในการเป็นมนุษย์ได้
เนื่องจากทรงเน้นให้พี่ๆน้องๆผู้ก้าวตาม
ฉลาดคิดรู้ด้วยปัญญามากกว่าเชื่อตามอย่างงมงาย
ศาสนาของพระองค์จึงเป็น #ศาสนาคิด มิใช่ "คริสต์"
คำสอนและพระโอวาทจึงเต็มไปด้วยอุปมาอุปมัย
ผู้ใดไม่ใช้ปัญญาจะไม่เข้าใจในคำสอนของพระองค์
ผู้ใดขาดทักษะการใช้ปัญญาของสมองของตน
ก็จะแปลรหัสคำสอนที่เป็นอุปมาอุปมัยผิดพลาด
ดังเช่นคนนำทางตาบอดทั้งหลายนั่นเอง
ซึ่งผลิตผลผ่าเหล่าของคนนำทางตาบอดคนหนึ่ง
ก็คือคนที่เข้ามาท้าทายเราให้แสดงปาฏิหาริย์
ในแบบพระเยซูตามความเชื่อของเขานั่นแหละ
เหตุเพราะคนนำทางตาบอดสอนพวกเขาว่า
พระเยซูจะกลับมาไถ่บาปให้แก่ผู้ศรัทธาในพระองค์
พวกเขาจึงได้แต่รอคอยพระองค์กลับมาอย่างจดจ่อ
เพราะเข้าใจว่าพระองค์จะเสด็จมาแบกรับบาป
ที่พวกเขาทั้งหลายก่อไว้ทั้งหมดแทนให้
ซึ่งถ้าเป็นได้จริงก็เป็นปาฏิหาริย์ของพระองค์แล้ว
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
แท้แล้วคำว่าพระองค์จะกลับมา "ไถ่บาป" ให้นั้น
หมายความว่าจะกลับมาสอนให้พวกท่านรู้ว่า
การกระทำแบบใดบ้างที่ผิดบาปไม่สมควรทำ
การกระทำแบบใดบ้างที่ถูกต้องดีงามที่สมควรทำ
เพราะเมื่อท่านรู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำแล้ว
การก่อกรรมทำผิดบาปก็จะไม่เกิดขึ้นอีกตลอดไป
นั่นเท่ากับว่ามนุษย์โลกเสรีที่เชื่อฟังพระองค์
ต่างจะได้รับการ "ไถ่บาป" โดยทั่วหน้ากันนั่นเอง
นี่คือความหมายที่ถูกต้องตรงจริง
อีกตัวอย่างหนึ่ง
ซึ่งคนนำทางตาบอดพาให้ศาสนิกงมงายกันอยู่
โดยอ้างว่าพระองค์รักษาคนป่วยโรคเรื้อนให้หายได้
ถ้าพระองค์ทำได้จริงตามความเชื่อดังกล่าวนี้
ก็นับว่าเป็นฤทธิปาฏิหาริย์ได้อีกเรื่องหนึ่งแล้ว
แต่สำหรับกรณีนี้เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
พระศาสดาที่เป็นพระบุตรเอกในยุคนั้น
ทรงมีปัญญาปาฏิหาริย์ที่สามารถสอนธรรมะ
ให้กับมนุษย์ทุกระดับวุฒิภาวะเข้าถึงสัจธรรมได้
แม้กระทั่งคนชั่วที่ไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย
ที่ไม่ต่างจากคนเป็นโรคเรื้อนซึ่งเป็นโรคติดต่อ
ถ้าใครเป็นแล้วจะรักษาไม่หายต้องตายทุกคน
ผู้คนจึงรังเกียจคนที่ป่วยด้วยโรคเรื้อนกันทั้งนั้น
พระองค์ก็สามารถสอนให้คนชั่วที่ทำตัวน่ารังเกียจ
ให้เปลี่ยนจากคนชั่วมาเป็นคนดีได้
นี่คือความหมายที่แท้จริงที่ท่านต้องรู้
ดังนั้น
การที่ท่านเยาะหยันเรามาว่า
เราสามารถแสดงปาฏิหาริย์
แบบพระเยซูได้หรือไม่นั้น
ตัวอย่างที่เรายกมาข้างต้นนั้นคือคำตอบ
โดยเราขอสรุปไว้สั้นๆในที่นี้ว่า
คำตอบแรกก็คือ
จงอย่าหลงผิดบิดเบือนพระคัมภีร์
โดยหลงในอุตริอัศจรรย์กันไปเองต่อไปอีกเลย
คำตอบสุดท้ายก็คือ
ถ้าพระเยซูทรงแสดงปัญญาปาฏิหาริย์ได้
พระบุตรเอกเช่นเราก็ย่อมแสดงได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งเราสำแดงในการกล่าวพระโอวาทเสมอมา
ใครมีตาก็จงดูใครมีหูก็จงฟังกันเอาเองเถิด
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23/03/2021