01 มีนาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 01/03/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

01/03/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

ความฉลาดทางปัญญาของสมอง
เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของท่านทั้งหลายจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาส่วนตน
ตามบททดสอบในชะตากรรมหรือชะตาชีวิต
หากขาดทักษะความสามารถในการใช้สติปัญญา
ชีวิตท่านก็จักเป็นไปตามยถากรรม
เปรียบเหมือนดั่งขยะที่ล่องลอยไปตามสายน้ำ
เพราะไม่มีเครื่องมือจัดการปัญหา
เพื่อนำพาตนเองออกไปจากปัญหานั้นๆได้
หรือจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดที่เผชิญอยู่
อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ของตนเองได้ เป็นต้น

นอกจากนั้น
หากท่านขาดทักษะในการใช้ปัญญา
มันจะยังผลให้ความฉลาดดำเนินชีวิต
ความฉลาดในการตัดสินใจ
ความฉลาดในการมองโลกและมองผู้อื่น
ความฉลาดด้านการเรียนรู้
พลอยอาภัพอับจนอีกต่างหากด้วย

ตัวอย่างเช่น
ความฉลาดด้านการเรียนรู้ตำราหรือพระคัมภีร์
ที่ถูกบันทึกไว้โดยศิษย์สาวกของพระศาสดา
จากการรับฟังและจากการเล่าสืบต่อกันมา
แล้วนำมาบันทึกรวบรวมกันไว้ในภายหลัง
นอกจากท่านต้องอ่านด้วยปัญญาแล้ว
ยังต้องพิจารณาด้วยเหตุและผลอีกต่างหากด้วย

สาเหตุที่ท่านต้องอ่านด้วยปัญญา
เพราะว่าความในพระคัมภีร์นั้น
พระศาสดาท่านกล่าวสอนไว้เป็นอุปมาอุปมัย
ถ้าอ่านแล้วไม่คิดพิจารณาเพื่อทำความเข้าใจ
ท่านก็จะไม่เข้าใจหรือไม่ก็อาจเข้าใจผิดได้

จนแม้กระทั่งการฟังคำกล่าวของ คนนำทาง
ที่อ้างว่าเอาธรรมะพระศาสดาจากคัมภีร์หรือตำรา
นำมาอบรมสั่งสอนท่านทั้งหลายก็เช่นกัน
นอกจากเราเตือนท่านแล้วว่าพวกเขามิใช่ศาสดา
ท่านจึงต้องใช้ปัญญารับฟังรับรู้เอาไว้ให้มาก
เพราะพวกเขาแค่ใช้ปัญญาส่วนตัวของเขา
กับความเชื่อส่วนตัวที่เขาเชื่อตามสอนตามกันมา
แล้วนำมันมากล่าวสอนต่อจนถึงหูของท่าน
ซึ่งข้อธรรมะนั้นๆอาจมีเบี่ยงเบนบิดเบือนได้

เราจึงขอย้ำเตือนว่า
ในการเรียนรู้สิ่งใดก็ตาม
ในการรับรู้สิ่งใดก็ตาม
ในการรับเอาสิ่งใดก็ตาม
ในการตัดสินใจเลือกรับเอาสิ่งใดก็ตาม

จงอย่าใช้ความรู้สึกที่เป็นกิเลส
จงอย่าใช้พวกมากลากไปเพราะถูกจูงใจ
จงอย่าใช้ความเชื่อสืบต่อกันมาเพราะงมงาย
จงอย่าใช้คนจำนวนมากเข้าว่าเพราะหลงผิด
จงอย่าใช้ศรัทธาที่มีต่อคัมภีร์ของพระศาสดา
เพราะพระศาสดามิได้ทรงเขียนพระคัมภีร์เอง

จงอย่าใช้ความศรัทธาที่มีต่อองค์พระศาสดา
ที่ประดาคนนำทางมักจะนำพระองค์มาอ้างอิง
เพื่อมุ่งหมายให้ท่านเชื่อตามอย่างว่าง่าย
โดยปิดมิติในการคิดและการใช้ปัญญาของท่าน
เพราะอ้างว่าจะเป็นการก้าวล่วงพระศาสดา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การจะอ่านพระคัมภีร์ให้รู้ความ
และการฟังธรรมที่คนนำทางสั่งสอนท่านนั้น
ท่านจึงควรมอบความไว้วางใจ
ให้กับความสามารถทางปัญญาของสมอง
ไว้เป็นลำดับแรกและลำดับท้ายสุดเถิด
ท่านจะได้ไม่ถูกหลอกลวงให้หลงทาง
ท่านจะไม่งมงายไปกับความไม่ถูกต้อง

หากจะเป็นไปได้
หน้าที่ของท่านที่ควรกระทำเพื่อตนเองก็คือ
จงแบ่งเวลาค้นหาความฉลาดทางปัญญา
ที่มีอยู่ในตนเองให้พบให้เร็วที่สุด
แล้วพยายามยกระดับมันให้สูงขึ้นเรื่อยๆ

จงเลิกนิสัยเชื่อตามคนอื่นอย่างว่าง่าย
จงเลิกนิสัยลอกเลียนแบบคนอื่น
จงเลิกนิสัยหลงตัวเองว่าตนน่ะเก่งแล้ว
จงเลิกนิสัยหลงตัวเองว่าตนน่ะดีแล้ว
จงเลิกนิสัยชอบวานให้คนอื่นคิดแทน
เพราะนิสัยเหล่านี้มันทำให้ท่านโง่มากขึ้น
และมีความฉลาดน้อยลงนั่นเอง

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายจักต้องเข้าถึง
ความสามารถในการใช้สมองทั้งสองซีก
เพื่อการบรรลุสัจธรรมความจริงที่จริงแท้
ในมิติโลกทางกายภาพด้วยพลังสติปัญญา
และความจริงในมิติของจิตวิญญาณ
ด้วยพลังปัญญาญาณของสมองซีกขวาให้ได้

ท่านลองพิจารณาคำสอนของพระบุตรเอก
ที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์นับพันปีมาแล้ว
ที่ทรงกล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งว่า

ถ้าใครก้าวตามพระองค์มา
พระองค์จะช่วยให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพได้

ความทั้งสองบรรทัดนี้
ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
คนนำทาง (ตาบอด) สอนท่านว่าอะไรล่ะ

มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นนั่นคือ
ความเชื่อว่าพระศาสดาคือผู้วิเศษ
ที่สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนนั่นเอง
แม้ความคิดแบบจิตมนุษย์จะยกย่องว่า
ทรงเป็นพระศาสดาที่เหนือกว่าศาสดาใดๆ
ตรงที่ทรงมีฤทธิอำนาจอันวิเศษเหนือใคร
เพื่อหมายจะให้มีสาวกมาสวามิภักดิ์มากๆ

แต่พวกท่านต้องรู้ว่า
แท้แล้วความคิดความเชื่อเช่นนั้น
รังแต่จะนำความเสื่อมมาสู่พระองค์เท่านั้น
เพราะผู้คนจะเฝ้าตั้งตาชูคอรอคอย
การกลับมาอีกครั้งของพระองค์อย่างจดจ่อ
ด้วยหวังว่าจะทรงช่วยให้ตนตายแล้วฟื้นได้
ทั้งๆที่ "สัจธรรม" ก็คือความจริงเท่านั้น
แต่การช่วยให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพได้นี้
ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปได้แน่หรือ
มันชวนให้งมงายกับความอุตริมากไปหรือเปล่า

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

แท้จริงแล้วการช่วยคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้นี้
ทรงหมายความว่าถ้าใครปฏิบัติตามพระโอวาท
ที่ทรงสื่อมาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
อันหมายถึงพระผู้เป็นเจ้าหรือพระเจ้าแล้ว
จะสามารถหยุดการมีภพชาติหรือวัฏสงสารได้
แปลความว่าจิตวิญญาณผู้นั้นจะไม่ตายอีก

การหยุดการตายแล้วเกิดใหม่ของจิตวิญญาณได้
แปลความว่าจิตวิญญาณนั้นสามารถฟื้นคืนชีพได้
การคืนชีพได้หมายถึงจิตวิญญาณนั้น
เมื่อทิ้งกายสังขารไปจากการเป็นมนุษย์แล้ว
จิตวิญญาณนั้นจะไม่มีเหตุให้ต้องมาเกิดใหม่อีก
นั่นคือหลุดพ้นนิพพานออกไปจากอนันตจักรวาล
เพื่อกลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณในแดนสุญตา
ตามที่เรากล่าวให้ท่านได้รู้กันมานานแล้วนั่นเอง

นี่คือความจริงที่พวกท่านต้องใช้สมองทั้งสองซีก
ทำการถอดรหัสพระโอวาทออกมาให้ได้
จงอย่านำพระศาสดาที่ท่านยอมรับและศรัทธา
มาทำให้พระองค์ทรงเสมอเป็นแค่เจ้าลัทธิเลย
เพราะนิสัยมนุษย์โลกมักเป็นคนชอบ "งมง่าย"
ก็จะพากันหลงทางไปกันใหญ่
ด้วยการขาดพลังอำนาจทางปัญญาที่ท่านมีอยู่

จงรีบหาครูที่จะสอนท่านให้ฉลาดเถิด
อย่าริอ่านแสวงหาแต่ความรู้ความรวยอย่างเดียว
ความรู้ที่อุตริที่ช่วยให้นิพพานไม่ได้จงงดได้แล้ว
เพราะเวลาสำหรับท่านทั้งหลายเหลือไม่มาก
เนื่องจากพระองค์ทรงพิพากษาโลกแล้ว
ท่านทั้งหลายกับโลกจะถูกเปลี่ยนแปลง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1/03/2021