สนทนาประสาจิตจักรวาล
23/03/2021
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จิตวิญญาณ ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่าน
ที่ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้
แม้จะเป็นผู้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาเกิด
เพื่อปฏิบัติภารกิจของจิตวิญญาณ
ตาม พันธสัญญา 6 ประการให้ลุล่วงก็จริงอยู่
แต่จิตวิญญาณก็มิได้ขับเคลื่อนความเป็นมนุษย์
เมื่อได้รับโอกาสมาเกิดด้วยตนเองแต่อย่างใด
พระบิดาผู้ทรงอนุญาตให้แก่นแท้ของท่านมาเกิด
ได้ทรงออกแบบให้ท่านแบ่งภาคพลังงานออกมา
เพื่อให้เป็นผู้รับมอบอำนาจทำหน้าที่แทน
ขณะดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์ในทุกภพชาติที่เกิด
โดย "ตัวแทน" ของจิตวิญญาณที่เป็นตัวจริงนั้น
มิได้มีรูปธรรมเป็นกล่องพลังงานที่สมดุล
เหมือนกับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้แต่อย่างใด
แต่จะเป็นกลุ่มคลื่นพลังงานหลายๆความถี่
จำนวนรวมทั้งสิ้น 189 กลุ่มย่านความถี่
เพื่อให้แบ่งกันทำหน้าที่ขับเคลื่อนกายสังขาร
ทั้งในมิติทางกายภาพและมิติทางพลังงาน
โดยกลุ่มพลังงานที่ถูกแบ่งภาคออกมาเหล่านี้
แต่ละกลุ่มก็จะทำหน้าที่ตามคุณสมบัติเฉพาะตน
ที่พระบิดาได้ทรงกำหนดบทบาทนั้นๆไว้ให้แล้ว
ทรงเรียกกลุ่มพลังงานเหล่านี้ว่า จิตหยาบ นั่นเอง
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ในการเป็นมนุษย์ของท่านทั้งหลายนั้น
นอกจากท่านจะเป็นคนที่มีสองมิติ
คือมิติทางกายหยาบกับมิติทางจิตวิญญาณแล้ว
ท่านก็เป็นคนที่มี 2 ภาคในตัวเองอีกด้วย
ภาคแรก คือ "จิตวิญญาณ" ตัวตนแก่นแท้
ผู้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งจิตวิญญาณของท่านที่เรากล่าวถึงนี่แหละ
คือ "ตัวตนที่แท้จริง" ของพวกท่านใช่ใครอื่น
และก็จิตวิญญาณหรือตัวท่านที่แท้จริงนี่แหละ
ก่อนสิ้นยุคพลังงานเก่าจะต้อง "หลุดพ้น" กลับบ้าน
เพื่อไปกราบพระบาทพระบิดาที่ทรงรอพวกท่านอยู่
ภาคที่สอง คือ "จิตหยาบ"
หรือจิตมนุษย์
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจิตวิญญาณที่เป็นตัวจริง
เพื่อให้ทำหน้าที่แทนทุกสิ่งในการเป็นมนุษย์
โดยจิตวิญญาณที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของท่าน
ถูกจัดให้เป็น ประธาน ลึกเร้นอยู่ในกายสังขาร
คอยช่วยเหลือและรับรู้การกระทำของจิตหยาบ
ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า จิตใต้สำนึก ตลอดอายุขัย
โดยจิตหยาบของท่านที่เราเปิดเผยให้รู้นี้
จะได้รับมอบอำนาจแห่งการสำนึกรู้จากพระบิดา
ในการมีอยู่จริงของตนเองและสิ่งแวดล้อม
ผ่านการสัมผัสรู้ดูเห็นของกลไกอายตนะทั้งหมด
เพื่อให้จิตวิญญาณที่เป็นตัวจริงคือตัวท่าน
ยกเอาอำนาจการมีอยู่ของตนให้จิตหยาบแทน
ดังนั้น
พวกท่านที่เป็นมนุษย์ทุกคน
จึงถูกออกแบบให้เป็นคนที่มีสองภาคในตนเอง
คือจิตหยาบกับจิตวิญญาณดังกล่าวแล้ว
แต่ที่ผ่านมาพวกท่านไม่รู้ความจริงในเรื่องนี้
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบมาอย่างแยบยล
เพื่อเรียนรู้ว่าพระองค์สามารถจะทำอะไรได้บ้าง
เพราะไม่มีใครเปิดเผยให้ท่านรู้ความจริงนี้ได้
มีแต่พระบิดาพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงรู้
เพราะทรงเป็นพระผู้สร้างผู้ออกแบบไว้นั่นเอง
สัจธรรมความจริงที่เป็นความลับดังกล่าวนี้
จึงถูกเรียกว่า อนุตรธรรม ที่ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้
เมื่อไม่มีใครรู้ความจริงนี้
จึงยังผลให้ท่านทั้งหลาย
เข้าใจผิดเรื่องนิพพาน
เข้าใจผิดเรื่องการหลุดพ้นของจิตวิญญาณ
เข้าใจผิดเรื่องจิตวิญญาณว่าเป็นผู้พเนจร
เข้าใจผิดว่าจิตวิญญาณเป็นบุตรกำพร้า
เพราะไม่มีผู้ให้กำเนิด
เข้าใจผิดว่าตนเองนั้นมีจิตเดียวคือจิตวิญญาณ
ทั้งๆที่พวกท่านใช้จิตหยาบดำเนินชีวิต
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราเคยกล่าวต่อท่านทั้งหลายเสมอมาว่า
เอกภพหรืออนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
เป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระผู้สร้าง
ซึ่งยุคนี้เราถวายพระนามว่า องค์จิตจักรวาล
ทุกรูปธรรมทุกสรรพสิ่งทุกปรากฏการณ์
ล้วนเป็นไปตามการออกแบบของพระองค์
เพื่อเรียนรู้ว่าทรงสามารถจะทำอะไรได้บ้าง
แม้แต่การเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรี
ของจิตวิญญาณตัวตนที่แท้จริงของพวกท่าน
ล้วนเป็นไปตามแผนการของพระองค์ทั้งสิ้น
แผนการของพระผู้สร้างเริ่มต้นจาก
จิตจักรวาลดวงเล็ก หรือ
"พระบุตร" ในแดนสุญตา
ซึ่งเป็นสนามพลังงานสากลนอกระบบเอกภพ
แบ่งภาคตนเองออกมาเป็นจิตวิญญาณหรือ "พระจิต"
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตน
ในการข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ยังโลกเสรีนี้
เมื่อเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรี
จิตวิญญาณก็จะแบ่งภาคตนเองออกมาอีก
เพื่อให้ทำหน้าที่แทนตนอย่างเต็มรูปแบบ
ซึ่งเรียกตัวแทนของตนว่า จิตหยาบ
ไม่ว่าจิตหยาบจะทำดีหรือทำชั่วก็ตาม
จิตวิญญาณจะต้องรับผิดชอบในกรรมนั้นๆไว้
จะลงนรก จะหลุดลอยขึ้นสวรรค์มายา
จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติใหม่
จะกลายเป็นสัมภเวสีแบบจ้าวไม่มีศาล
จิตวิญญาณของพวกท่านแต่ละคน
จะปฏิเสธความรับผิดชอบในชะตากรรม
อันเกิดจากการกระทำของจิตหยาบไม่ได้
นอกจากนั้น
พระองค์ยังทรงออกแบบไว้ให้จิตหยาบ
เรียนรู้ที่จะสร้างสมคุณสมบัติของจิตวิญญาณ
คือ สั่นสะเทือนเป็นความรักเพื่อให้ให้จงได้
สั่นสะเทือนทางจิตสามนึกด้านบวกให้ได้
และสั่นสะเทือนทางจิตปัญญาของสมองให้ได้
จากเงื่อนไขบททดสอบที่คนรอบข้างยื่นให้
ทั้งดีทั้งร้ายทั้งยากทั้งง่ายโดยมิให้รู้ล่วงหน้า
หลังจากจิตหยาบสามารถทำหน้าที่เป็นมนุษย์
ในนามของจิตวิญญาณจนประสบผลสำเร็จ
ซึ่งต้องยกระดับหรือพัฒนากันหลายภพชาติแล้ว
จิตหยาบหรือจิตปัจจุบันที่เป็น "เงา" ของตัวจริง
จักต้องนำพาจิตวิญญาณหรือตัวจริงกลับบ้าน
ในสภาวะหลุดพ้นนิพพานออกไปจากเอกภพ
หรือที่เรียกว่า "อนันตจักรวาล" ให้จงได้ด้วย
แผนการเรียนรู้ในห้องทดลองของพระบิดา
ที่ทรงออกแบบไว้อย่างสลับซับซ้อนเช่นว่านี้
จึงจะบรรลุผลสำเร็จได้อย่างเต็มภาคภูมิ
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เพราะความจริงมันสลับซับซ้อนและยุ่งยาก
ตามที่เรากล่าวเปิดเผยมาทั้งหมดนี้แหละ
จิตวิญญาณคือตัวท่านที่แท้จริงของทุกๆคน
จึงต้องเป็นผู้ ขันอาสา มาทำหน้าที่ในระบบโลก
คำว่า "ขันอาสา" แปลว่ายินยอมพร้อมใจเอง
มิได้ถูกบังคับขืนใจให้มาหรือถูกสั่งถูกใช้ให้มา
ในสุดท้ายปลายยุคพลังงานเก่านี้
พระบิดาทรงทราบดีว่า
นอกจากจิตสามนึกของคนทั้งโลก
พากันสั่นสะเทือนในทางต่ำลงมากขึ้น
เพราะล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณ
โดยจิตหยาบ "หลงทาง" และ "หลงธรรม" แล้ว
มนุษย์ยังคลั่งแต่โลกิยธรรมกับโลกุตรธรรม
กลับไม่ใส่ใจใน อนุตรธรรม ความจริงชั้นสูง
ที่พระบุตรเอกในยุคที่ผ่านมา
ถูกส่งมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อให้กล่าวความจริง
ที่เป็นความลับของจิตวิญญาณของพวกท่าน
ดังบางเสี้ยวส่วนที่เรานำมากล่าวไว้ข้างต้นนั้น
พระองค์ถูกปฏิเสธเพราะทรงกล่าวความจริง
ในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า
เรื่องของพระผู้สร้าง
เรื่องของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เพราะหลงผิดคิดว่าพระบุตรเอกผู้กล่าวความจริงนี้
เป็นพวกลัทธิ "เทวะนิยม" ที่ชวนให้เชื่อว่า
พระพรหมเป็นผู้สร้างโลกสร้างจักรวาล
จึงเกิดอคติทันทีที่ได้ยินคำว่า "พระบิดา"
หรือได้ยินคำว่า "พระเจ้า" เท่านั้น
นี่จึงเป็น ปมด้อย ทางปัญญาของมนุษย์
แต่เป็น ปมใหญ่ ทำให้จิตวิญญาณนิพพานไม่ได้
เพราะมิจฉาทิฐิกับการหลงตัวเองของจิตหยาบ
บั้นปลายจะทำให้จิตวิญญาณคือตนเองเดือดร้อน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23/03/2021