สนทนาประสาจิตจักวาล
01/03/2021
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
ไม่ว่าท่านจะพูดจาภาษาอะไร
ไม่ว่าท่านจะเป็นคนชาติไหน ศาสนาใด
ไม่ว่าท่านจะประพฤติตนเป็นคนชอบธรรมแบบใด
ท่านทั้งหลายจักต้องอาศัยสัจธรรมในพระคัมภีร์
ของพระศาสดาที่ท่านยอมรับนับถือ
เป็นคู่มือประจำตัวของท่านด้วยกันทั้งสิ้น
แต่เนื่องจากท่านทั้งหลาย
เลือกที่จะเป็น นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
ด้วยการครองตนเป็นฆราวาสเป็นชาวบ้าน
จึงมีเวลาศึกษาเรียนรู้สัจธรรมในพระคัมภีร์
ที่เป็นคำสอนของพระศาสดากันค่อนข้างน้อย
จึงต้องอาศัย คนนำทาง ผู้อาสาสืบทอดศาสนา
ผู้มีเวลาเรียนรู้หลักธรรมมากกว่าพวกท่าน
ช่วยเป็นครูผู้สอนและช่วยเป็นคนนำทางให้
เราจึงจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ไว้ว่า
"คนนำทาง" ผู้เป็นครูสอนศาสนาแก่ท่านนั้น
พวกเขาทั้งหลายมิใช่องค์พระศาสดา
จึงมิใช่เจ้าของคำสอนคำกล่าวใดๆในพระคัมภีร์
ดังนั้น
คำสอนคำกล่าวใดๆที่คนนำทางกล่าวต่อท่าน
แม้พวกเขาจะอ้างว่าอัญเชิญมาจากพระคัมภีร์
ท่านทั้งหลายก็จงอย่าเชื่อตามพวกเขาทันที
โดยไม่ใช้สติปัญญาของท่านคิดตามให้เข้าใจก่อน
เนื่องจากพวกเขาอ่านพระคัมภีร์แล้วตีความ
ด้วยความสามารถทางปัญญาส่วนตัวที่มีอยู่
จึงมีโอกาสตีความข้อธรรมะในพระคัมภีร์ผิดได้
นอกจากนั้น
กลุ่มคนนำทางทั้งหลายในยุคหลังๆนี้
ก็จะมีคำสอนคำกล่าวที่เป็นมรดกตกทอดกันมา
ในลักษณะของมรดกบาปเพราะเป็นคำสอนผิดๆ
ผสมผสานปนเปกันอยู่ไม่น้อย
องค์จิตจักรวาลผู้เป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงเรียกคนนำทางผู้อาสาสืบทอดศาสนา
ที่แปลความในพระคัมภีร์ผิดพลาดจากความจริง
ไม่ว่าจะเป็นเพราะบกพร่องในการใช้สติปัญญา
จึงเข้าใจคำสอนพระศาสดาไม่ถูกต้องตรงจริง
หรือจะเป็นพวกท่องจำตามที่สอนกันมารุ่นสู่รุ่น
โดยมิได้ใช้สติปัญญาของตน
ขบคิดพิจารณาก่อนว่า คนนำทางตาบอด
ถ้าท่านซึ่งเป็นผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจสัจธรรม
อันเปรียบได้ดั่ง "คนตาบอด" มองไม่เห็นทาง
หากไปหลงเดินตามหลังคนนำทางตาบอดเข้า
พวกเขาก็จะพาท่านหลงทางที่จะไปสถานเดียว
เช่น พาพวกท่านหลงทางนิพพาน
หรือพาพวกท่านเข้าใจธรรมะในพระคัมภีร์ผิดๆ
จนยังผลให้พระศาสดาทรงได้รับความเสื่อม
และอาจจะยังผลให้พี่ๆน้องๆศาสนิกชนคนทั้งโลก
เข้าใจคำสอนของพระศาสดาผิดจนเชื่อผิด
เหตุเพราะเกิดการเข้าใจผิดกันนั่นเอง
ซึ่งปัญหาเหล่านี้โลกยุคปัจจุบันมันได้เกิดขึ้นแล้ว
ตัวอย่างที่ 1.
พระศาสดาทรงตรัสว่า
"คบคนพาล พาลจะพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บันฑิตจะพาไปหาผล"
คนนำทางตาบอดแปลความแล้ว
ก็นำมากล่าวสอนต่อท่านทั้งหลายว่า
อย่าคบคนพาลหรือคนชั่ว
เพราะคนชั่วจะทำร้ายท่านหรือพาท่านชั่วตามได้
แต่ให้คบบัณฑิตซึ่งเป็นคนชอบธรรมหรือคนดี
เพราะคนดีจะไม่ทำร้ายท่าน
และคนดีจะพาท่านเป็นคนดีตามพวกเขาไปด้วย
ซึ่งเป็นการแปลความข้อธรรมะนี้ผิดพลาด
ความหมายที่แท้จริงที่พระศาสดาทรงสั่งสอนไว้
หมายความแค่ว่าถ้าท่านคบกับคนชั่ว
ท่านก็จะได้เรียนรู้แต่เรื่องชั่วๆเท่านั้น
เพราะคนชั่วจะเป็นครูสอนแต่เรื่องชั่วๆ
ถ้าท่านคบกับบัณฑิตที่เป็นคนดีและเป็นปราชญ์
ท่านก็จะได้เรียนรู้แต่สิ่งดีๆเช่นเดียวกัน
เพราะบัณฑิตเป็นทั้งผู้รอบรู้และเป็นคนดี
ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องคบหาทั้งคนชั่วและคนดีไว้
เพื่อให้ท่านมีครูผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านดีและด้านชั่ว
จึงจะทำให้ท่านฉลาดต่อการเป็นมนุษย์
สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมอย่างสันติสุขได้
พระศาสดามิได้ต้องการให้พวกท่าน
เลือกคบแต่คนดีๆผู้ที่เป็นคนชอบธรรม
แล้วให้ปฏิเสธการปฏิสัมพันธ์กับคนชั่ว
พระศาสดาผู้ทรงกล่าวคำสอนไว้
มิได้ระบุตรงไหนเลยว่าอย่าคบคนชั่ว
เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อตามคนนำทางตาบอด
จึงยังผลให้คนดีๆส่วนใหญ่โง่กว่าคนชั่ว
เพราะไม่เคยคบคนชั่วมาก่อน
จึงไม่รู้ว่าคนชั่วเป็นภัยอันตรายเช่นไรบ้าง
คนดีๆจึงถูกคนชั่วปอกลอกหลอกลวงทุจริต
เพียงเพราะไม่รู้เท่าทันคนชั่วนั่นแหละ
ซึ่งคนดีมิได้ฉลาดน้อยกว่าคนชั่วแต่อย่างใด
ตัวอย่างที่ 2
ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า
พระศาสดาทรงรักษาคนป่วยด้วยโรคเรื้อน
ซึ่งสมัยนั้นวิชาโลกมิอาจรักษาเยียวยาได้
แต่พระศาสดาเป็นผู้ทรงฤทธิ์
จึงสามารถรักษาคนป่วยโรคเรื้อนให้หายได้
คนนำทางตาบอดถอดความหมาย
ตามข้อความนี้ในพระคัมภีร์โดยเชื่อว่า
พระศาสดาสามารถรักษาคนป่วยโรคเรื้อน
ให้หายขาดได้ด้วยพระอำนาจฤทธิ์จริงๆ
จนยังผลให้ศาสนิกชนทั้งหลายมองว่า
พระศาสดาพระองค์นี้เป็น "ผู้วิเศษ" เหนือมนุษย์
จึงยังผลให้ผู้คนทั้งหลายเชื่อและศรัทธา
ในความเป็นผู้วิเศษของพระองค์อย่างงมงาย
แทนที่จะเชื่อและศรัทธาในสัจธรรมคำสอน
ด้วยจิตตปัญญาหรือจิตสามนึกของตนเอง
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
คำกล่าวในพระคัมภีร์บทที่ว่านี้นั้น
แท้จริงแล้วทรงหมายความว่า
พระศาสดาทรงมีพระปรีชาญาณเป็นเลิศ
โดยทรงสามารถสื่อสอนให้คนชั่วๆ
ที่เคยทำตนให้คนรอบข้างรังเกียจเดียดฉัน
จนพากันเมินหน้าหนีไม่คบหาไม่มาเข้าใกล้
คล้ายดั่งรังเกียจคนเป็นโรคเรื้อน
ให้สามารถเปลี่ยนแปลงตนเป็นคนดีได้
ให้ประพฤติตนเป็นคนชอบธรรมได้
จนยังผลให้คนที่เคยห่างหายไปจากตน
กลับมาคบหาสมาคมดังเดิมได้อีก
แสดงว่าคนเคยชั่วที่ทำตัวน่ารังเกียจ
เหมือนดั่งคนเป็นโรคเรื้อนนั้นหายขาดแล้ว
จึงมีแต่คนเข้ามาคบหาเหมือนเดิมนั่นเอง
ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆเหล่านี้
คงพอจะช่วยให้ท่านทั้งหลายได้รู้ว่า
ความฉลาดทางปัญญาในตนเองเท่านั้น
ที่จะช่วยท่านให้เข้าถึงสัจธรรมความจริงได้
จงอย่าเชื่อคนนำทางทันทีโดยไม่ได้คิดพิจารณา
เพราะเขาอาจเป็น "คนนำทางตาบอด"
ผู้บกพร่องในความสามารถด้านการใช้ปัญญา
ที่จะชักพาท่านให้หลงทางได้
จงระลึกไว้เสมอว่า
ไม่มีพระศาสดาพระองค์ใดหรอก
ที่ไม่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
แต่พระองค์จะมิทรงแสดงให้ประจักษ์
เพราะมันมีแต่จะชักพาให้พวกท่าน "งมงาย"
อันเป็นภัยเป็นอุปสรรคบนเส้นทางนิพพาน
เพื่อการหลุดพ้นของจิตวิญญาณพวกท่าน
พระศาสดาทุกพระองค์
จึงทรงแสดงแต่ ปัญญาปาฏิหาริย์ เท่านั้น
โดยทรงสั่งสอนพวกท่านด้วยการอุปมาอุปมัย
มิได้กล่าวสอนอะไรตรงๆ
เพราะต้องการติดอาวุธทางปัญญาแก่ท่าน
ซึ่งทรงช่วยให้พวกท่านฉลาดยิ่งขึ้นโดยแท้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1/03/2021