13 ธันวาคม 2563

 สนทนาประสาจิตจักรวาล

13/12/2020





พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ไม่มีสิ่งใดในจักรวาลอันไพศาลนี้
ไม่มีเหตุแห่งการถือกำเนิด
หรือไม่มีผู้ให้กำเนิด

เพราะทุกสิ่งล้วนเกิดจาก "เหตุ"
หากไม่มี "ผู้ก่อเหตุ" แห่งการเกิด
หรือไม่มี "สาเหตุแห่งการเกิด" แล้ว
จักรวาลอันไพศาลนี้จะไม่มี "สรรพสิ่งใด"
อันเป็น "ผล" ของ "เหตุ" เลยสักสิ่งเดียว

ถ้าพวกท่านไม่มีใครอาสาเป็นพ่อแม่
ก็จะถือกำเนิดเป็นรูปธรรมมนุษย์ไม่ได้

ถ้าไม่มีมวลหมู่เมฆฝนบนฝั่งฟ้า
โลกก็จะไม่มีน้ำฝนตกลงมาให้พื้นดินฉ่ำชื้น

ถ้าไม่มีสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์และมนุษย์บนโลก
ช่วยกันผลิตสร้างพลังงานความรัก
ในรูปของพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ที่เป็น ความรักเพื่อให้ แก่กันและกันแล้ว
โลกก็จะไม่มีพลังงานที่จะใช้บิดแกนแม่เหล็ก
ซึ่งเป็นก้อนธาตุออกซิเจนขนาดใหญ่
ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ตรงแกนโลก
ที่จะช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้

ถ้าไม่มีสปอร์ของเชื้อรา
ล่องลอยอยู่ในอากาศแล้ว
ขนมปังที่วางทิ้งไว้ข้ามคืน
ก็จะไม่มีเชื้อราขึ้นบนขนมปังนั้นได้

ถ้าแรงระเบิดในแกนโลกเกิดขึ้นไม่สม่ำเสมอ
เพราะมนุษย์โลกมีจิตสามนึกตกต่ำ
จนผลิตพลังงานความรักที่โลกต้องการ
มีปริมาณไม่สม่ำเสมอหรือไม่คงที่
แรงดันภายในแกนโลกก็จะไม่คงที่ตามไปด้วย
ก็จะยังผลให้แผ่นเปลือกโลกเสียสมดุล
จนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงต่างๆกันไป

ถ้ามนุษย์ระเบิดทำลายภูเขาทิ้ง
แล้วนำเอาหินดินทราย
ย้ายไปสร้างป่าคอนกรีตในเมืองใหญ่
คือย้ายภูเขาไปอยู่ที่อื่นแล้ว
มันจะเป็นเหตุให้
การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของโลก
เกิดอาการ "แกว่ง-ส่าย" เสียสมดุลไป

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นตัวอย่างอ้างอิงถึงกฎแห่งเหตุและผล
อันเป็นกฎเกณฑ์ของ ธรรมชาติ
ซึ่งทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
จักเป็นไปภายใต้กฎเกณฑ์ที่ว่านี้ทั้งสิ้น
มิได้มีข้อยกเว้นใดๆ

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

จิตวิญญาณ ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่าน
ก็เป็นรูปธรรมทางพลังงานซึ่งเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ดังกล่าวนี้เช่นเดียวกัน
นั่นคือ จิตวิญญาณของท่านก็มีผู้ให้กำเนิด
จิตวิญญาณของท่านจะเกิดขึ้นมาเองมิได้
อีกทั้งจิตวิญญาณของท่านยังมีเหตุให้เกิดด้วย

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านนั้น
ก็คือ องค์จิตจักรวาล หรือพระผู้สร้าง
ทรงเป็นผู้กำหนดสร้างหรือให้กำเนิดพวกท่าน
และสาเหตุที่ต้องให้กำเนิดพวกท่าน
เพราะทรงต้องการให้มี "ตัวแทน" ของพระองค์
เดินทางข้ามมิติเข้ามาใน อนันตจักรวาล
เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญอยู่ในระบบโลก

ภารกิจสำคัญก็คือ
เข้ามาทำหน้าที่เป็น เพื่อนร่วมงาน กับโลก
ตามที่ระบุไว้ในพันธะสัญญา 6 นั่นเอง

ที่เรากล่าวมาพอเป็นสังเขปนี้
ก็เพื่อจะยืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านก็มีผู้ให้กำเนิด
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ก็มีเหตุแห่งการมาเกิดเป็นมนุษย์ทั้งสิ้น
มิได้มีข้อยกเว้นใดๆเลย

ดังนั้น
การตั้งข้อรังเกียจคำว่า พระเจ้า
ซึ่งเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
หรือปฏิเสธผู้ให้กำเนิดแก่นแท้ของท่านเอง
โดยทำตนเหมือน บุตรกำพร้า
จึงเป็นพฤติกรรมที่เหลวไหลไร้สำนึกยิ่งนัก

เพื่อให้ท่านไม่สับสนกับคำว่า "พระเจ้า"
เราจึงถวายพระนามผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณว่า
"องค์จิตจักรวาล" ผู้ทรงเป็น "พระจิตแห่งจักรวาล"
เพราะทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งแทน
ซึ่งดูจะเป็นกลางและเป็นทางการมากกว่า

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราทราบดีว่าพวกท่านไม่รู้จักพระองค์
เหตุเพราะจำพระองค์ไม่ได้
แต่เรารู้จักพระองค์เพราะเรามาจากพระองค์
และพระองค์ทรงใช้ให้เรากลับมา

ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เป็นใคร
นอกจากพระบุตรเอกที่ทรงส่งมายังโลกนี้
และไม่มีใครรู้ดีว่าพระบุตรเอกนั้นเป็นใคร
นอกจากพระองค์ผู้ทรงใช้ให้กลับมา

ดังนั้น
ในฐานะที่พระองค์รู้จักเรา
เพราะเราเป็นผู้ที่พระองค์ทรงใช้ให้กลับมา
แม้ว่าเราจะเป็นพยานแก่ตนเองก็ได้
แต่พระองค์ก็ทรงเมตตาเป็นพยานให้แก่เรา

ในขณะเดียวกัน
เรารู้ว่าพระองค์เป็นใคร
เพราะเราเป็นผู้ที่มาจากพระองค์
แม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นพยานให้ตนเองได้
แต่เราก็พร้อมที่จะเป็นพยานของพระองค์

เราจึงขอยืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า
พระเจ้ามีจริง

คำพยานของเราที่มีต่อพระเจ้า
ล้วนบันทึกอยู่ในคัมภีร์นิพนธ์เล่มนี้แล้ว
ซึ่งพระคัมภีร์เล่มนี้
มิใช่เป็นเพียงการกล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
แต่ทุกคำที่เรากล่าวและบันทึกไว้ในพระคัมภีร์
ล้วนเป็นความจริงระดับ อนุตรธรรม
ที่คนรักพระเจ้าหรือไม่รักพระเจ้าจักต้องรู้

กราบพระบาทพระบิดาฯ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13/12/2020