สนทนาประสาจิตจักรวาล
10/12/2020
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พวกท่านจงอย่าสงสัยในตัวเราเลย
เพราะว่าเรามาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ซึ่งทรงเป็นพระบิดาฯของท่านเช่นกัน
พระองค์ทรงใช้เรามา
ให้นำความรักและแสงสว่างทางปัญญา
มาช่วยนำพาท่านทั้งหลายกลับบ้าน
ที่จากกันมาปฏิบัติภารกิจบนโลกนี้นานแล้ว
บัดนี้สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
พระองค์ทรงพิพากษาโลกและทุกสรรพสิ่ง
เพื่อคืนสมดุลทุกมิติให้แก่ระบบโลก
ที่สูญเสียไปเพราะจิตสามนึกมนุษย์ตกต่ำ
กับที่สูญเสียไปเพราะมนุษย์ทำลายสิ่งแวดล้อม
ก่อนจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
ตามพันธะสัญญา 6
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
ได้ให้สัจจะต่อพระบิดาฯไว้หนึ่งในหกนั้น
นั่นคือ เมื่อถึงกาลสิ้นยุคครบหกหมื่นปีโลก
ท่านทั้งหลายได้ให้สัญญาต่อพระองค์ว่า
จะนำพาจิตวิญญาณของท่านกลับบ้าน
บ้านที่อยู่นอกอนันตจักรวาลหรือเอกภพ
เพื่อกลับไปกราบพระบาทพระองค์ที่ทรงรออยู่
แต่เนื่องจากพระองค์ทรงพบว่า
พวกท่านทั้งหลาย
มีแนวโน้มว่าจะกลับบ้านไม่ได้เสียมากกว่า
แม้คนส่วนใหญ่จะปฏิบัติธรรมมานานแล้วก็ตาม
พระองค์จึงส่งเรามากล่าวพระโอวาทแทน
เพื่อชี้ทางกลับบ้านและแนะวิธีปฏิบัติให้หลุดพ้น
ด้วยการชี้ข้อผิดพลาดในการคิดเข้าใจ
จนนำไปสู่การปฏิบัติตนที่ไม่ถูกต้องตลอดมา
ให้ท่านทั้งหลายได้รู้ได้เข้าใจ
เป็นต้นว่า
1.ให้เรามาเตือนสติท่านทั้งหลาย
ให้หยุดก้าวตาม "คนนำทางตาบอด"
ที่พาพวกท่านหลงทางกลับบ้านมานานแล้ว
โดยเฉพาะเรื่องการหลง สวรรค์มายา
คิดเข้าใจว่าเป็นแดนนิพพานของผู้หลุดพ้น
ทั้งๆที่สวรรค์มายาน่ะพระบิดามิได้ทรงสร้าง
มันเป็นแค่ที่ว่างโล่งอยู่ในอนันตจักรวาลเท่านั้น
2.ให้เรามาเตือนให้รู้ว่า
จิตวิญญาณพวกท่านต้องการเกิดเป็นมนุษย์
มิได้ปรารถนาจะมาเกิดเป็นเทพเทวดาแต่อย่างใด
พวกท่านจึงต้องดำเนินชีวิตเป็น "สัตว์สังคม"
ที่จะพากันเดินแตกฝูงออกไปปลีกวิเวกมิได้
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม
เพราะภารกิจของจิตวิญญาณมนุษย์จะสำเร็จได้
ท่านทั้งหลายต้องร่วมมือกันทำเป็นสังคมเท่านั้น
เช่น ท่านจะเข้าถึงจิตสามนึกแห่งการเป็นมนุษย์ได้
ก็ต้องอาศัยคนรอบข้างช่วยสร้างเงื่อนไขให้
ด้วยเงื่อนไขทั้งที่ดีๆหรือที่ร้ายๆคละกันไปในชีวิต
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
เงื่อนไขเหล่านี้เท่านั้นที่มันจะปลุกจิตสามนึก
คือ นึกออก นึกเอา และนึกเอง
ให้แก่พวกท่านทั้งหลายได้ไม่มีเหตุอื่น
ดังนั้น
การปลีกวิเวกเสมือนจะสร้างเงื่อนไข
ปลุกจิตสามนึกให้ตนเองโดยไม่แคร์สังคม
มันจึงเป็นไปไม่ได้เลย
นอกจากจะคอยตามดูจิตตนเองขณะอยู่คนเดียว
เพื่อฝึกให้มันอยู่ในโอวาทของท่าน
ในขณะที่ไม่มีคนรอบข้างยั่วยุเย้ายวนใจเท่านั้น
ซึ่งเมื่อใดที่ท่านต้องพบปะสัมพันธ์กับผู้คน
ที่มีนิสัยสันดานต่างจากท่านอย่างหลากหลาย
บางท่านเองก็รู้ตัวกันแล้วมิใช่หรือว่า
ที่ฝึกฝนมาคนเดียวตั้งนมนานหลายพรรษา
พอออกจากป่าเข้าเมืองมาเมื่อถูกยั่วยุเข้า
ก็พากันน้อตหลุดสติแตกกระจายเลยทีเดียว
เนื่องจากท่านขาดความชำนาญ
เพราะมิได้ฝึกจิตในท่ามกลางคนหมู่มากมาก่อน
ท่านมิได้มีคนรอบข้างช่วยเป็น "ครู"
คงมีแต่ตัวกูของกูเป็น "ครูกู" อยู่เพียงผู้เดียว
สติของท่านมันจึงไม่แข็งแรงนั่นเอง
3.ให้เรามาเตือนท่านให้รู้ว่า
อย่าหลงผิดคิดที่จะหนึทุกข์ออกไปจากโลก
ด้วยการหาทางไม่กลับมาเกิดอีก
โดยหลุดลอยไปเกิดบนสวรรค์มายาแทน
การหลุดลอยไปติดค้างอยู่บนนั้นได้
อย่าเข้าใจว่าบนนั้นมันประเสริฐกว่าโลกมนุษย์
เพราะเชื่อเอาเองว่า "พ้นทุกข์" ไปได้แล้ว
ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเชื่อที่ผิดๆ
เพราะจิตวิญญาณพวกท่านเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์
ได้ถือเอาพันธะสัญญา 6 ติดตัวมาด้วย
พร้อมกับ "ชะตาชีวิต" ซึ่งเป็นบทละคร
ที่พวกท่านจักต้องแสดงร่วมกันในครอบครัว
ต้องร่วมกันแสดงในสังคม
ให้บรรลุภารกิจของจิตวิญญาณอย่างดียิ่ง
พวกท่านจึงไปหลงมายาของละครชีวิต
ที่ขีดเขียนกันขึ้นมาแสดงร่วมกันเองบนโลก
ด้วยเงื่อนไขดีๆชั่วๆที่ยั่วยุเย้ายวนใจ
ให้สั่นสะเทือนจิตสามนึกแห่งรักขึ้นมาให้ได้
ตามแผนการของจิตวิญญาณพวกท่านนั่นเอง
พวกท่านจึงพากัน "ติดทุกข์ติดสุข" แทน
จนพยายามจะหนีไปจากการเป็นมนุษย์โลก
ตลอดมานับพันๆปีจนบัดนี้
เพราะพวกท่านไม่รู้ความจริง
ในระดับ อนุตรธรรม ที่เรากล่าวมานี้
เนื่องจากพระศาสดาที่เกิดจากโลกมิได้กล่าวให้รู้
และท่านทั้งหลายยึดติดพระศาสดาองค์เดียว
ท่านทั้งหลายยึดติดพระคัมภีร์เล่มเดียว
จึงปฏิเสธ พระบุตรเอก ซึ่งเป็นผู้มาจากพระเจ้า
เมื่อปฏิเสธผู้มาจากพระเจ้า
จึงมิอาจรู้สัจธรรมระดับอนุตรธรรมที่ต้องรู้เหล่านี้
เพราะสัจธรรมความจริงระดับนี้นั้น
มีเพียงพระบิดาฯพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงรู้
พระองค์จึงส่งเรามาช่วยบอกความจริงนี้
ให้ท่านเลิกเดินปิดตาก้าวตามคนนำทางตาบอด
พาท่านหลงทางกันต่อไปอีก
จะได้นำพาจิตวิญญาณนิพพานให้ถูกทาง
ก่อนเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคจะมาถึงในอีกมินาน
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
สัจธรรมระดับอนุตรธรรม
ที่พวกท่านยังไม่รู้ว่าไม่รู้
ที่พวกท่านยังรู้ผิดเข้าใจผิด
นอกจากสามประการที่เรากล่าวมานั้น
มันยังมีอยู่อีกมากมายนัก
( ยอห์น 12:46 )
เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง
เพื่อทุกคนที่วางใจในเรา
จะไม่อยู่ในความมืด
กราบพระบาทพระบิดา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
10/12/2020