29 มกราคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 29/01/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

29/01/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ภพภูมิสวรรค์มายา ที่ท่านคุ้นชินกันมานาน
มันมิใช่ดินแดนแห่งผู้ นิพพาน ที่แท้จริง

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
"นิพพาน" ตาม มรรควิถีจิตจักรวาล
เส้นทางการนำพา จิตวิญญาณ ผู้เป็นแก่นแท้
ที่ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์ในระบบโลกเสรีนี้
มันหมายถึงการ "หลุดพ้น" เพื่อกลับบ้าน
โดยไม่ต้องตายแล้วเกิดใหม่อีก
ซึ่งพวกท่านเรียกว่าหยุด วัฏสงสาร ได้นั่นเอง

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
รูปธรรมจิตวิญญาณของท่านจะหลุดพ้นได้
จักต้อง ดับการเกิดดับ ทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิงก่อน
หมายความว่าต้อง "นิพพาน" ทุกสิ่งแล้วเท่านั้น
จึงจะสามารถ "หลุดพ้น" ได้อย่างสิ้นเชิง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

คำว่า บ้าน ในที่นี้เราหมายถึง
บ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณของท่าน
ที่ องค์จิตจักรวาล คือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้สร้างจิตวิญญาณของพวกท่านขึ้นมา
ทรงเรียกว่า "ดินแดนแห่งจิตจักรวาล"
อันหมายถึงพระอาณาจักรของพระเจ้านั่นเอง
โดยแรกเริ่มเดิมทีพวกท่านล้วนสถิตกันอยู่ที่นั่น
อยู่กันอย่างนิ่งสงบด้วยความอิ่มเอิบในความว่าง
บ่อยครั้งเราเรียกพระอาณาจักรนี้ว่า แดนสุญตา

แดนสุญตาที่เป็นพระอาณาจักรแห่งพระเจ้า
เป็นสนามพลังงานที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก
กว้างใหญ่จนเสมือนหนึ่งว่าไร้ขอบเขตสิ้นสุด
ซึ่งภายในสนามพลังงานอันไพศาลที่ว่านี้
จะมีพระผู้เป็นเจ้าหรือองค์จิตจักรวาล
ทรงเป็นดั่งจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานนี้
โดยมี "ตัวตนภาคแรกที่สูงส่ง"
ของจิตวิญญาณผู้ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
ล้วนสถิตดำรงอยู่อย่างมากมายนับไม่ถ้วน
พระบิดาทรงเรียกพวกเขาว่า พระบุตร
อันหมายถึง จิตจักรวาลดวงเล็ก นั่นเอง

นอกจากนั้น
องค์จิตจักรวาลหรือพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
ยังได้ทรงกำหนดสร้างห้องทดลองขึ้นไว้
ภายในสนามพลังงานของพระองค์ด้วย
เพื่อจะทรงเรียนรู้ด้วยตนเองว่า
พระองค์จะสามารถทำอะไรได้บ้าง

"ห้องทดลอง" ที่ว่านี้
คือ เอกภพ หรือ อนันตจักรวาล นั่นเอง

เพราะจิตวิญญาณของพวกท่าน
คือผู้ขันอาสาเข้ามาจุติในห้องทดลองนี้
พวกท่านคือตัวแทนของพระองค์
ที่มาจากบ้านเกิดนอกอนันตจักรวาล
ผู้เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์
ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่ที่ว่านี้

โดยทรงประทานอำนาจของพระองค์ให้แก่ท่าน
ด้วยการให้เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
เพื่อใช้พลังงานความรักบริสุทธิ์ที่แบกขนเข้ามา
เป็นดั่งเชื้อเพลิงสำหรับการสร้างจิตสำนึก
ในการค้ำจุนดาวเคราะห์โลกและเอกภพให้สมดุล

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องจำไว้ว่า

1.พวกท่านเป็นจิตวิญญาณผู้สูงส่ง
ผู้ข้ามมิติเข้ามาในอนันตจักรวาลหรือเอกภพนี้
มิใช่รูปธรรมพเนจรที่มาจากไหนไม่รู้
แล้วเกิดการพลัดหลงเข้ามา
ก่อกำเนิดเกิดกายเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้

2.พวกท่านเป็นจิตวิญญาณผู้สูงส่ง
ซึ่งขันอาสาพระผู้เป็นเจ้าหรือองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานสากล
เข้ามาปฏิบัติภารกิจสำคัญแทนพระผู้เป็นเจ้า
ภายในอนันตจักรวาลหรือห้องทดลองของพระองค์
โดยพิกัดที่ตั้งในการปฏิบัติภารกิจคือ "โลกเสรี" นี้

ภารกิจสำคัญคือ
มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อใช้พลังงานความรัก
ที่เป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
จากการสั่นสะเทือนทางจิตสามนึกด้านบวก
เมื่อจิตหยาบซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
สามารถสอบผ่าน บททดสอบจิตสำนึก ได้

ดังนั้น
ที่พวกท่านพยายามปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์
แล้วพยายามจะหยุดการมีสังสารวัฏให้ได้
เพราะเกิดการหลงทุกข์ ติดทุกข์ ติดสุข
เนื่องจากหลงมายาของบทละครในชะตาชีวิต
ที่จิตวิญญาณของพวกท่านขีดเขียนกันมาเอง
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์

ท่านหลงทุกข์เพราะเผชิญปัญหาหลากหลาย
ที่จิตวิญญาณของท่านเขียนบททดสอบนั้นไว้
เพื่อให้จิตหยาบคือตัวท่านนี่แหละได้เผชิญ
โดยต้องรักคนที่ไม่น่ารักให้ได้
ต้องอภัยคนที่ทำตัวไม่น่าอภัยให้ได้
เพราะมันเป็นกลอุบายที่จิตหยาบจะช่วยให้
จิตวิญญาณข้างในปล่อยพลังงานรักออกมาได้

3.พวกท่านเป็นจิตวิญญาณผู้สูงส่ง
ที่มีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือองค์จิตจักรวาล
เป็นพระบิดาผู้ให้กำเนิดพวกท่านขึ้นมา
ทั้งทรงรักพวกท่านและเฝ้ามองพวกท่านเสมอมา

ดังนั้น
พวกท่านทุกคนจึงมิใช่ บุตรกำพร้า
ที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ผู้ให้กำเนิดแต่อย่างใด
ท่านจึงต้องไม่ทำตนเป็นบุตรอกตัญญู
ที่ลืมผู้บังเกิดเกล้าของท่านเองที่รักท่านมาก
ลืมบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองในแดนสุญตา
จนทำตนเป็นดั่งคนร่อนเร่พเนจรไปวันๆ

4.พวกท่านเป็นจิตวิญญาณผู้สูงส่ง
ที่ขันอาสาพระบิดาฯว่าจะมาเกิดเป็น มนุษย์
เพื่อช่วยกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกให้สมดุล

ดังนั้น
จิตวิญญาณของพวกท่านทั้งหลาย
จึง มีหน้าที่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์โลก เท่านั้น
จะตกชั้นไปเกิดเป็นสัตว์ประจำโลกไม่ได้
จะหนีไปเกิดเป็นรูปธรรมอื่นบนดาวดวงอื่นไม่ได้
จะหลงมิติไปเกิดเป็นทวยเทพเทวดาก็ไม่ได้
ท่านทั้งหลายจึง อย่าหาทำ โดยเด็ดขาด

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ความจริงที่เรากล่าวมาทั้ง 4 ประการนี้
เป็นสัจธรรมความจริงระดับ อนุตรธรรม
ซึ่งพระศาสดาที่เกิดจากโลกกล่าวให้ท่านรู้ไม่ได้
นอกจาก พระบุตรเอก ผู้มาจากพระเจ้าเท่านั้น
เพราะเรามากล่าวพระโอวาทในพระนามพระองค์
เพื่อเติมเต็มอนุตรธรรมที่ขาดพร่องให้แก่ท่าน
ถ้าไม่รู้อนุตรธรรมที่เรานำมากล่าวไว้นี้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของใครก็จะ "หลุดพ้น" มิได้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การที่ท่านพยายามจะนำพาจิตวิญญาณ
หนีทุกข์ออกไปจากการเกิดเป็นมนุษย์โลก
เพราะพวกท่านไม่รู้ความจริงทั้งสี่ประการเหล่านี้
จึงพากันละทิ้งหน้าที่ทางจิตวิญญาณตลอดมา

วิธีหยุดการเวียนว่ายตายเกิดในระบบโลก
ที่ท่านพยายามปลีกวิเวกอยู่ลำพังคนเดียว
เพื่อปิดโอกาสการก่อเวรเกี่ยวกรรมกับผู้อื่น
กับวิธีปฏิบัติธรรมโดยเน้นเพียงอายตนะเดียว
คือการ "ฝึกจิต" ให้อยู่ในโอวาทของตนเอง
โดยปิดอายตนะอื่นๆเอาไว้ทั้งหมด
เพื่อป้องกันจิตไม่ให้ตกเป็นทาสสิ่งเร้าภายนอก
จะทำให้สามารถควบคุมจิตมิให้ก่อกรรมได้ง่าย

เป้าหมายของท่านที่ปฏิบัติตนเช่นว่านี้
ก็เพื่อจะหนีทุกข์ออกไปจากวัฏสงสารนั่นเอง
แต่ผลปรากฏว่ามันคือการสร้างปัญหาใหม่
ให้จิตวิญญาณของท่านเองโดยไม่รู้ตัว
นั่นคือการหลงมิติและหลงทางนิพพานโดยแท้

ผลจากการเคร่งครัดปฏิบัติทำเพราะหลงผิด
มันยังผลให้จิตวิญญาณของท่าน
สามารถหยุดการก่อกรรมใหม่อย่างได้ผล
แต่เพราะละทิ้งสังคมโดยชอบอยู่คนเดียว
จึงปิดโอกาสการชำระกรรมเก่า
ที่จิตวิญญาณถือติดตัวมาแต่อดีตชาติไปเลย

จึงยังผลให้จิตวิญญาณของพวกท่าน
ยังมีผลกรรมเก่าที่ค้างชำระค้างแก้ไขติดตัวอยู่
ทำให้น้ำหนักของจิตวิญญาณแม้จะเบากว่าปกติ
แต่ก็ยังมีน้ำหนักตัวมากเกินกว่าภพชาติแรก
ที่ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้อยู่ดี

เมื่อเบากว่าจิตวิญญาณมนุษย์ผู้ยังมีบาปอยู่
จิตวิญญาณจึงต้องหลุดลอยไปค้างอยู่ในอวกาศ
เพราะโลกดึงดูดเหนี่ยวรั้งลงมาไม่ได้
พวกท่านทั้งหลายจึงหลุดลอยไปค้างอยู่บนนั้น
จนต้องพากันสมมติว่ามันคือแดนสวรรค์
ใครมีน้ำหนักน้อยก็ลอยไปติดค้างอยู่ชั้นสูงกว่า
ใครมีน้ำหนักมากกว่าก็พากันลอยค้างอยู่ต่ำๆ
ทำให้สวรรค์มายาที่ว่านี้มีหลายชั้นอย่างที่ท่านรู้

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความผิดพลาดมหันต์มันเกิดขึ้นเพราะว่า
ไม่รู้ความจริงระดับอนุตรธรรมสี่ประการข้างต้น
จึงทำให้หลายคนเชื่อว่าแดนสวรรค์มายา
เป็นแดนของผู้นิพพานไปเลย
โดยนิยามคำว่านิพพานกันเอาเองว่า
สามารถหยุดการมีสังสารวัฏในระบบโลกได้
ซึ่งเป็นการหลงทางนิพพานดังกล่าวแล้ว

ทั้งๆที่หากท่านจะหยุดการมีสังสารวัฏแท้จริง
ท่านจะต้องนิพพานทุกสิ่งตั้งแต่ยังไม่ตาย
มิใช่ตายหายไปจากโลกมนุษย์ได้แล้ว
ก็เหมาเอาเองว่าพวกท่านนิพพานแล้ว

เพียงแค่ท่านนำพาจิตวิญญาณของท่าน
หนีแรงดึงดูดของโลกและอนันตจักรวาล
ออกไปจากห้องทดลองของพระบิดาได้
ด้วยการเป็นมนุษย์ให้เป็น
ด้วยการทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณให้สำเร็จ
ด้วยการจำพระบิดาทางจิตวิญญาณได้
ด้วยการตั้งเป้าหมายว่าจะกลับบ้าน
เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดแล้ว
หากพวกท่านทำสำเร็จ

นอกจากนั้นท่านยังจะเป็นมนุษย์ที่สง่างาม
เพราะไม่ขี้ขลาดจนต้องหนีทุกข์
เพราะไม่งมงายอยู่กับความไม่รู้
เพราะทำหน้าที่คนสองมิติได้อย่างไร้ตำหนิ

จงรีบกลับตัวกลับใจเสียเถิด
ถ้าปรารถนาการหลุดพ้นกลับบ้าน
ท่านต้องปฏิบัติในบทบาทของการเป็นมนุษย์
ด้วยการปฏิบัติตนตามธรรมชาติ
ผ่านจิตสามนึกของท่านเท่านั้น

จงอย่าหาทำอื่นใดเพื่อหมายว่าจะนิพพาน
ด้วยวิธีการอุตริอวิชชามายาสาไถย
ที่เชื่อว่าจะช่วยให้ตนอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้
ที่เชื่อว่าจะถอดรหัสยกเลิกกรรมที่ติดตัวอยู่ได้

ด้วยวิธีพึ่งพาผู้วิเศษ
ด้วยวิธีพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนไม่รู้จัก
ด้วยหวังว่าจะช่วยตนให้หลุดพ้นนิพพานได้
หรือวิธีการอื่นใดก็ตามที่งมงาย
เพราะมันคือการหลงทางจนห่างออกไป
จากเป้าหมายที่ถูกต้องไกลออกไปเรื่อยๆ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29/01/20