18 มกราคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

18/01/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ระหว่างการรอโอกาสที่จะมีภพชาติใหม่นั้น
จิตวิญญาณของท่านก็คือ กล่องพลังงาน
ซึ่งเป็น "ตัวตนที่แท้จริง" ผู้ขันอาสาพระบิดา
เข้ามาจุติเป็นมนุษย์บนดาวเคราะห์โลกเสรีนี้

แต่ในทุกภพชาติของการกลับมาเกิดใหม่
"จิตวิญญาณ" ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของท่านนั้น
จะแบ่งภาคตนเองออกมาเป็น "กลุ่มพลังงาน"
ซึ่งเรียกว่า #จิตหยาบ หรือ "จิตมนุษย์"
เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่เรียกว่า กายสังขาร หรือกายหยาบแทนตนเอง
โดยตัวตนที่แท้จริงแต่เดิมจะซ่อนเร้นอยู่ข้างใน

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ความจริงนี้ไว้ด้วยว่า
จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่าน
ที่เป็นตัวแทนของ "จิตวิญญาณ" นั้น
ไม่ต่างจาก "เงา" ของแก่นแท้ของท่านเอง

สิ่งที่จิตวิญญาณหรือตัวท่านเองต้องการก็คือ
ต้องการให้ "จิตหยาบ" ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงาน
ที่ตนเองแบ่งภาคออกมาให้ช่วยทำหน้าที่แทน
เรียนรู้ที่จะยกระดับการสั่นสะเทือนของจิต
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกในระดับสูงสุดให้จงได้
อันหมายถึง ความรักเพื่อให้ ในทุกรูปแบบ

การยกระดับแรงสั่นสะเทือนสูงสุดด้านบวก
เป็นกุศโลบายเดียวที่จะทำให้จิตหยาบของตน
ที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
มีสถานภาพเหมือน "จิตวิญญาณ" ที่เร้นอยู่ข้างใน
เป็นผู้ออกมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง
เพราะจิตวิญญาณของท่านจะสั่นสะเทือนด้านบวก
เป็นคุณสมบัติเฉพาะตนเท่านั้นไม่มีสั่นเป็นอื่น

ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อจิตหยาบเข้าถึงจิตวิญญาณของตนได้แล้ว
ภารกิจการงานใดก็ตามที่จิตหยาบทำในสองมิติ
คือ มิติของกายสังขารกับมิติของจิตหยาบนั้น
จึงเสมือนจิตวิญญาณกระทำด้วยตนเองโดยแท้

ถ้า "จิตหยาบ" คือตัวท่านขณะเป็นมนุษย์อยู่นี้
จะเข้าถึงการเป็น ตัวแทนของตัวจริง ได้
ก็เพียงแค่สั่นสะเทือนทางจิตด้านบวกเท่านั้น
โดยต้องยกระดับจิตให้อยู่เหนือโลภโกรธหลง
อย่างสิ้นเชิงให้จงได้

วิธีที่จิตหยาบคือตัวท่านจะทำสำเร็จได้
จำต้องอาศัยเงื่อนไขจากบทละครชีวิต
ที่คนรอบข้างหยิบยื่นเป็น "บททดสอบ" มาให้
ทั้งเงื่อนไขในบททดสอบที่ดีและร้าย
โดยตัวท่านจะต้องสอบผ่านมันไปให้ได้
ในแบบที่ว่า ถึงร้ายก็รัก ไม่ร้ายก็รัก
ยอมรักอย่างไม่มีเงื่อนไข และ รักได้ทุกคน
ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม

นอกจากนั้น "จิตหยาบ" คือ ตัวแทนของแก่นแท้
ยังต้องเรียนรู้ที่จะยกระดับความฉลาดทางปัญญา
ในการสั่นสะเทือนสมองทั้งสองซีกให้เต็มพลัง
เพื่อเข้าถึงสติปัญญาและปัญญาญาณให้จงได้

เพราะขณะที่จิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์
ต้องขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ต้องทำหน้าที่ทั้งสองมิติให้ถูกต้องสมบูรณ์
ต้องสอบผ่านบททดสอบทุกบทจากคนรอบข้าง
เพื่อยกระดับตนเองให้เป็นดั่งจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงที่เร้นอยู่ข้างในให้ได้นั้น

นอกจากจะต้องมี ความรัก เพื่อให้แล้ว
จิตวิญญาณของท่านยังต้องการให้ใช้ ปัญญา
ในการเรียนรู้ คิดรู้ ตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เป็นเงื่อนไขด้วย

จิตหยาบซึ่งเป็นดั่งเงาของจิตวิญญาณ
จึงต้องยกระดับทั้งจิตและปัญญาของสมอง
ขณะดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์ไปจนตลอดอายุขัย
โดยจะทำตัวเหลวไหลจะทำตนไม่เอาไหน
หรือทำตนเป็นคนเกียจคร้านไม่เอาถ่านไม่ได้

ทุกวันเวลานาทีที่ได้โอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์
จิตวิญญาณตัวจริงของท่านที่เร้นอยู่ข้างใน
เสมือนถูกกักขังเอาไว้มิให้แสดงบทบาทอะไร
จึงทำได้แค่เพียง 2 สิ่งเท่านั้นก็คือ

1. การอดทนรอคอยเวลา
ที่จิตหยาบจะสามารถเข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียว
ระหว่าง "ตัวแทน" กับ "แก่นแท้" ของตนได้

เพราะถ้าจิตหยาบสามารถเข้าถึงได้เมื่อใด
มันคือความสำเร็จของจิตวิญญาณ
ที่ขันอาสาพระบิดาว่าจะมาเกิดเป็น มนุษย์
อันหมายถึงมาเกิดเป็น "คนสองมิติ" ได้เมื่อนั้น

2. การคอยลุ้นให้ผ่านทุกบททดสอบ
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่าจิตวิญญาณแก่นแท้
ซึ่งเป็นตัวจริงของท่านที่เร้นอยู่ข้างในนั้น
จะรู้ล่วงหน้าเสมอว่าจิตหยาบของตนนั้น
กำลังจะต้องเผชิญกับบททดสอบอะไรบ้าง

แต่เขาทำได้อย่างเดียวเท่านั้นก็คือ
คอยลุ้นให้ "จิตหยาบ" ตัวแทนของตนเอง
สามารถใช้ปัญญาตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
สามารถใช้ความรักตอบสนองบททดสอบนั้นๆ
เพื่อให้ผ่านบททดสอบนั้นๆไปให้ได้

ขณะเดียวกันถ้าจิตวิญญาณแก่นแท้ข้างใน
พบว่าจิตหยาบของตนคิดตัดสินใจผิดพลาด
ก็จะเกิดอาการหวาดเสียว เศร้าหมอง ทุกข์ระทม
จนเกิดความลุ้นระทึกอยู่ข้างในเสมอ
เนื่องจากไม่สามารถออกมาช่วยเหลืออะไรได้

ยกเว้นในสถานการณ์ที่จิตหยาบของตน
เกิดอาการลังเลสับสนไม่รู้ว่าตนจะตัดสินอย่างไร
จิตวิญญาณแก่นแท้ก็จะฉวยโอกาสแค่แว๊บๆ
ขณะที่จิตหยาบกำลัง "ลังเล" จน "โลเล"
ทำการส่ง สัญชาตญาณ ชี้นำออกมาจากข้างใน
ถ้าจิตหยาบหลงตัวเองจนลืมจิตวิญญาณของตน
หรือจิตหยาบเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิสูงจนเกินขนาด
ก็จะไม่สามารถรับฟังสัญชาตญาณที่ส่งออกมาได้
การสอบตกบททดสอบนั้นๆจึงเลี่ยงไม่พ้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

จงอย่าสงสัยสับสนเลย
ถ้าตอนที่ท่านเกิดเป็นมนุษย์อยู่นี้
เราบอกว่าตัวตนแก่นแท้ตัวจริงของท่านนั้น
ก็คือกล่องพลังงานจิตวิญญาณที่เร้นอยู่ข้างใน

โดยแก่นแท้คือตัวจริงของท่านนั้น
ได้แบ่งภาคออกมาเป็น "กลุ่มพลังงาน"
จำนวนรวมทั้งสิ้น 189 กลุ่มเพื่อแยกกันทำหน้าที่
ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
โดยทั้งหมดรวมๆกันเรียกว่า จิตหยาบ
และจิตหยาบที่ว่านี้ก็คือ ตัวตนของท่านเช่นกัน
แต่เป็นตัวตนที่แท้จริงขณะแสดงบทบาทมนุษย์
ส่วนตัวตนแท้จริงที่ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์นั้น
จะหยุดแสดงบทบาทของตนเอาไว้ชั่วคราว

เมื่อถึงวันเวลาที่จิตวิญญาณนั้นต้องตาย
ก่อนทิ้งกายสังขารไว้เพียงไม่กี่นาที
จิตวิญญาณจะทำการก้อปปี้คุณสมบัติทั้งหมด
จากจิตหยาบผู้เป็นดั่งเงาของตนมาเป็นของตัว
ไม่ว่าจะเป็นจริตสันดานและผลกรรมที่ก่อไว้
ตัวตนที่แท้จริงจะรับไว้ทั้งหมดไม่มีขาดพร่อง
เสมือนหนึ่งตนเองเป็นผู้ก่อเองสร้างเองทั้งสิ้น

เพราะความจริงมีอยู่ว่า
สิ่งใดที่ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ
ได้กระทำลงไปไม่ว่าจะถูกจะผิดจะดีจะชั่ว
ผู้มอบอำนาจต้องรับผิดชอบโดยไม่มีเงื่อนไข

ด้วยเหตุนี้เอง
การที่จิตวิญญาณเมื่อตายแล้วต้องเกิดใหม่
โดยมีเงื่อนไขจากการมีกรรมเป็นกำเนิดนั้น
กรรมที่ว่านี้จิตหยาบของตนในอดีตชาติ
เป็นผู้ก่อมันขึ้นมาให้เป็นภาระของแก่นแท้
จนจิตวิญญาณต้องไปลงนรกบ้าง
จนต้องหลงทางไปค้างบนสวรรค์มายาบ้าง
จนต้องไปเกิดเป็นสัตว์ประจำโลกบ้าง
จนต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกบ้าง เป็นต้น

เราจึงขอเปิดเผยความลับเหล่านี้ให้ท่านรู้
จักได้รู้จักตนเองใน 2 ภาคให้กระจ่าง
เพราะเป็นความจริงระดับ อนุตรธรรม
ที่พระองค์ทรงเมตตาต่อพวกท่านทั้งหลาย
ให้เรานำมากล่าวไว้เป็นบทเรียนของวันนี้

ถ้าท่านไม่รู้ว่าจิตหยาบของตนเป็นใคร
เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณอย่างไร
เราก็จะกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้ว่า
กรรมทั้งหมดที่จิตหยาบคือตัวท่านก่อไว้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเมื่อตายไป
ก็คือ "ตัวท่านเอง" นี่แหละ
ที่จะทำการถ่ายโอนคุณสมบัติทั้งหมดไป
เพื่อรับมันเอาไว้ทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ

ดังนั้น
จิตหยาบคือตัวท่านเอง
จึงต้องฉลาดในการดำเนินชีวิต
โดยต้องไม่กระทำสิ่งใดให้จิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของตนเองเดือดร้อน
คนโง่และคนสติไม่ดีเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าตนเป็นคนที่มี สองภาค ในตนเองแล้ว
ก็ยังคนตนเองให้เป็นมนุษย์
เพื่อการหลุดพ้นทางจิตวิญญาณไม่ได้

กราบพระบาทพระบิดา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18/01/2021