สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ดาวเคราะห์โลกเสรี ดวงนี้
จะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ด้วยอัตราความเร็วคงที่มาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้
1.ถ้าไม่มีมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายดำรงอยู่
ในจำนวนที่เหมาะสมตามที่พระองค์กำหนดไว้
เพื่อให้น้ำหนักมวลรวมบนพื้นผิวโลก
สมดุลกันกับน้ำหนักมวลภายในแกนโลก
เพื่อมิให้โลกแกว่งส่ายขณะหมุนรอบตัวเอง
2.ถ้ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกนี้
ไม่ยอมสั่นสะเทือนแก่นแท้ในตนเองด้านบวก
เพื่อผลิตสร้างพลังงานแห่งรักออกมาในรูปของ
คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ที่เป็นพลังงานร่วมจาก จิตสามนึกด้านบวก
อันเป็นพลังงานความรักในแบบที่โลกต้องการ
3.ถ้าพี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
นอกจากจะรักกันไม่ได้ให้อภัยกันไม่เป็น
เมื่อพบเจอบททดสอบร้ายๆจากคนรอบข้างแล้ว
ยังสั่นสะเทือนจิตสามนึกเป็น จิตไร้สามนึก
ทำการผลิตสร้างพลังงานร้ายที่โลกไม่ต้องการ
เช่น อารมณ์ขยะรายวันจำพวกโทสะโลภะโมหะ
ผลิตออกมาเป็นขยะพลังงานจนรกโลกไปหมด
ผลลัพธ์ด้านร้ายในข้อนี้ก็คือ
นอกจากโลกจะไม่ได้รับประโยชน์แล้ว
พลังงานขยะจากอารมณ์ขยะของจิตไร้สามนึกนี้
มันยังจะก่อให้เกิด มหันตภัยพิบัติ บนโลกนี้ด้วย
ซึ่งมันมิได้เป็นผลดีต่อมวลมนุษย์โลกเลย
เช่น จะเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินยุบแยก
ภูเขาถล่ม แผ่นดินสไลด์
อุทกภัย วาตภัย คลื่นอากาศหนาว-ร้อน
ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวน
พายุลูกเห็บ พายุหิมะ คลื่นสึนามิ เป็นต้น
4.การตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่า
การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตสัตว์ประจำโลกทั้งหลาย
การทำศึกสงครามฆ่ากันตายเองก็เช่นกัน
มันคือการ "ลดจำนวน" เครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่พระบิดาทรงกำหนดติดตั้งไว้ให้ในระบบโลก
เพื่อให้ช่วยกันผลิตความรักมอบให้โลกนั้น
ทำให้โลกมี "กลไก" ในการผลิตลดน้อยลงด้วย
เมื่อมาเกิดแล้วให้ความรักกับโลกก็ไม่ได้
แถมยังฆ่ากันตายเองเพื่อนำมากินเป็นอาหาร
และยังมีการล่าสังหารเพื่อล้างแค้นเพื่อกีฬา
แล้วจะมิให้โลกนี้มีปัญหาไม่เสียสมดุลได้อย่างไร
ทั้งหมดที่เรากล่าวมาตั้งแต่ต้นนี้
เป็นความเลวร้ายจากการที่ท่านทั้งหลาย
มอบความรักในแบบที่โลกต้องการให้กันไม่ได้
โดยภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจนพวกท่านกับโลกเอง
ต้องเผชิญกับความวิบัติแบบแผ่นดินสะเทือน
ความวิบัติแบบมีการตายหมู่ที่นั่นที่นี่อยู่เนืองๆ
จากภัยพิบัติแบบต่างๆที่ท่านเองก็มองออกบอกได้
แต่ยังมีปัญหาใหญ่ในมิติทางจิตวิญญาณ
ที่พวกท่านทั้งหลายยังไม่รู้ว่าท่านไม่รู้
ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังมิได้รับการแก้ไขเยียวยา
เพราะว่าไม่มีใครสามารถให้สติทางวิญญาณ
แก่พวกท่านได้จนตลอดนับพันๆปีที่ผ่านมา
เพราะว่ามันเป็นความจริงระดับ อนุตรธรรม
นั่นคือ
จิตหยาบของพวกท่านแต่ละคน
ไม่เคยรู้มาก่อนว่า
ถ้าท่านสั่นสะเทือนสูงสุดทางด้านบวกไม่ได้
ไม่ว่าใครจะยื่นเงื่อนไขบททดสอบจิตสามนึก
เป็นด้านบวกที่ชอบหรือด้านลบที่ไม่ชอบมาให้
จิตหยาบก็จะยกระดับแรงสั่นสะเทือนของตน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณไม่ได้
นอกจากนั้นพวกท่านยังไม่รู้อีกด้วยว่า
จิตหยาบต้องช่วยให้จิตวิญญาณของท่าน
ออกมาทำหน้าที่สั่นสะเทือนร่วมกัน
ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ให้เป็นการกระทำที่ถูกต้องทั้ง 2 มิติให้จงได้
มิใช่จิตหยาบลุแก่อำนาจจากความหลง
ยึดเอาเครื่องยนต์แห่งกรรมนี้ไว้เป็นสมบัติตน
ด้วยการคิดพูดหรือทำอะไรๆเพื่อจิตหยาบเอง
แล้วกักขังทอดทิ้งจิตวิญญาณเอาไว้ข้างใน
ไม่ใส่ใจความต้องการของจิตวิญญาณบ้างเลย
ท่านจึงต้องรู้ว่าถ้าในภพชาตินี้
ท่านยังจำไม่ได้ว่าตนมีจิตวิญญาณอยู่ข้างใน
ยังทำอะไรๆตามใจตัวเองอยู่ร่ำไปแล้ว
ท่านคือผู้ที่ทำให้จิตวิญญาณเสียชาติเกิด
เพราะ "ล้มเหลว" ในการมาเกิดเป็นมนุษย์
เนื่องจากจิตหยาบเป็นอุปสรรคเสียเอง
ในที่สุดตัวท่านคือจิตวิญญาณนั่นแหละ
จะไม่สามารถหลุดพ้นนิพพานกลับบ้านได้
ต้องตายแล้วย้อนกลับมาเกิดในภพชาติใหม่
เพื่อหวังพึ่ง "จิตหยาบ" กลุ่มใหม่ในภพชาติใหม่
เป็นตัวแทนของตนที่จะช่วยให้ตนสำเร็จผลได้
แม้ว่ามันอาจเป็นความหวังลมๆแล้งๆอยู่ก็ตาม
เพราะว่าจิตหยาบหรือจิตมนุษย์
ไม่รู้ความจริงที่เป็น "อนุตรธรรม" นี้
เนื่องจากศาสดาที่เกิดจากโลกทั้งหลาย
ไม่เคยกล่าวความจริงเรื่องนี้ให้ได้รู้มาก่อน
อีกทั้งพวกท่านทั้งหลายมีนิสัย "ยึดติด" ว่า
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
สิ่งที่เป็นเลิศที่สุด
สิ่งที่ประเสริฐที่สุด
สิ่งที่ชอบที่สุด
จะต้องมีเพียงสิ่งเดียว
จะต้องมีเพียงชิ้นเดียว หรือคนเดียวเท่านั้น
ทั้งๆที่ตนเองลืมตัวไปว่า
ตนนั้นมีหน้าที่รักบิดามารดาของตนทั้งคู่
จะรักคนใดคนหนึ่งเพียงแค่คนเดียว
แล้วปฏิเสธอีกคนหนึ่งไปไม่ได้
เพราะทั้งคู่เป็นผู้ให้ชีวิตแก่บุตรร่วมกัน
แล้วช่วยกันเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูกมาด้วยกัน
จะเลือกรักแค่คนที่ตนถูกใจกว่าย่อมไม่ได้
เรื่องของศาสดาก็เช่นกัน
พระองค์ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันสำคัญเช่นกัน
แม้บางพระองค์จะเป็นศาสดาที่มาจากพระเจ้า
ขณะที่พระองค์อื่นๆเป็นศาสดาที่เกิดจากโลก
พวกท่านจะเลือกรักศรัทธาพระองค์เดียว
แล้วปฏิเสธพระองค์อื่นๆไปดั่งไร้ค่าไม่ได้
เช่น พระศาสดาที่เกิดจากโลก
จะทรงกล่าวสอนโลกียธรรมและโลกุตรธรรม
ให้ท่านทั้งหลายเรียนรู้และก้าวตามได้
ขณะที่พระบุตรเอกซึ่งเป็นศาสดามาจากพระเจ้า
ก็ถ่ายทอด "อนุตรธรรม" จากพระเจ้า
เข้ามาบอกกล่าวให้มนุษย์โลกทั้งหลาย
ผู้ไม่รู้ให้ได้รู้เพื่อเติมภูมิธรรมให้เต็มล้น
อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการหลุดพ้นได้หรือไม่ได้
ของจิตวิญญาณท่านทั้งหลายในชาตินี้ด้วย
ดังนั้น
ถ้าชาตินี้ท่านยังใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อย
ยังทำอะไรตามความต้องการของจิตหยาบอยู่
โดยไม่รู้หน้าที่ว่าตนต้องทำอะไรบ้าง
ขณะที่เวลาสุดท้ายแห่งการชำระโลก
เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
กำลังใกล้มาถึงแล้ว
โอกาสเพื่อการอยู่รอด
กับโอกาสเพื่อการหลุดพ้นของจิตวิญญาณ
มันยิ่งริบหรื่ลงทุกวันๆ
สำหรับการทำตนงมงายไม่เอาไหน
ของใครต่อใครอีกเป็นจำนวนมากล้น
บนดาวโลกเสรีดวงนี้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
15/01/2021