28 มกราคม 2563

การช่วยเหลือคนอื่น




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า


การช่วยเหลือคนอื่นนั้น
ถ้าท่านไม่ใช้สติปัญญา
ถ้าท่านไม่ใช้ #ปริญญาโมเดล ว่าด้วย 6 ถูก
คือ ถูกคน ถูกวิธี ถูกที่ ถูกเวลา
ถูกต้อง และ ถูกใจ
ให้ครบถ้วนทั้ง 6 ถูกแล้ว

การยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นของท่าน
มันอาจกลายเป็น "เผือก"
คือ ก้าวก่ายล่วงเกินเขาแทน
เพราะอาจทำให้เขาเกิดการเสียสมดุลขึ้นได้
จะกลายเป็นทำบาปไปทันที

ท่านก็จะหลุดออกไป
จากเส้นทางสาย "หลุดพ้น" โดยไม่รู้ตัว
เพราะขาดมหาสติ

นี่แหละ...ที่ว่าทำไมใจบุญจัง
แต่กลับเดินถอยหลัง
จนหลุดพ้นออกนอกอนันตจักรวาลไม่ได้
เพราะเที่ยวไป "เผือก" เขานี่แหละท่าน

ดังนั้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
คนทุกคนต้องพึ่งตนเองก่อน

เขาคนนั้นก็เช่นกัน
เมื่อเผชิญอุปสรรคปัญหาใดๆ
เขาจะต้องใช้เวลาเพื่อจัดการเองก่อน
จงอย่าไปคิดแทนทำแทนเขา
มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา

จงอย่าไปดูแคลนว่าเขาจะทำไม่ได้
อย่าไปดูแคลนว่าเขาจะแก้ปัญหาไม่เป็น
จึงเข้าไปจุ้นจ้านวุ่นวายกับเขาด้วย
หรือเข้าไปบงการเขาให้ทำตามใจเรา
ซึ่งเป็นการเข้าไปสอดแทรก
บททดสอบและบทเรียนของเขา
ในขณะที่การเรียนรู้ของเขานั้นยังไม่สิ้นสุด

โดยหลงผิดคิดว่า
ตนเองน่ะ...#สงสารเขา #เวทนาเขา
จึงใจบุญใจดีปรี่เข้าไปให้การช่วยเหลือ
โดยอ้างว่าเห็นแล้ว "อดไม่ได้"
ทั้งๆที่แท้แล้ว มันคือ #เผือก นั่นเอง

เพราะตัวเขา
ก็ยังไม่ต้องการความช่วยเหลือ

เพราะตัวเขา
ก็ยังมิเคยเอ่ยปากกล่าวคำ
เพื่อร้องขอให้ใครช่วยเหลือแต่อย่างใด

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

แม้ว่าท่านยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะถูกร้องขอ
ซึ่งฟังดูแล้วเสมือนว่าไม่มีปัญหาอะไร
แต่ท่านจงระลึกเอาไว้เสมอว่า
การช่วยเหลือนั้นมีขอบเขตจำกัด
ถ้ากระทำล้ำเส้นเกินการช่วยเหลือแล้ว
มันจะกลายเป็นทำบุญได้บาป
มันจะกลายเป็นทำคุณบูชาโทษ

กรอบของการช่วยเหลือมีดังนี้ คือ
1.ชี้แนวทาง
2.สร้างแนวคิด
3.ให้กำลังใจ
4.ให้อุปกรณ์วัสดุ ให้เวลา ให้โอกาส
5.ส่งเสริมการกระทำนั้น
6.สนับสนุนให้กระทำ

ถ้าท่านทำนอกเหนือไปจากนี้
เช่น การยื่นมือเข้าไปทำแทนเขาเสียเอง
ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของท่าน

อย่างนี้คือการเข้าไปสอดแทรก
การทำหน้าที่ทางโลกและทางจิตวิญญาณ
ของคนที่ท่านยื่นมือเข้าไปช่วย
ซึ่งมันเหมือนการเอามือเข้าไปซุกหีบ
หีบใบนั้นมันก็จะ "หนีบ" มือท่านจนบาดเจ็บ
อันหมายถึงการเข้าไปเกี่ยวกรรมกับเขา
โดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นเลยก็ได้

ดังนั้น

ถ้าปรารถนาจะเป็นคนดี
ที่พร้อมจะอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ
ท่านก็ต้องใช้สติปัญญาให้รอบคอบรัดกุม
โดยแยกแยะให้ออกว่าไหน "ช่วยเหลือ"
แยกแยะให้ออกว่าไหนคือ "เผือก" ร้อน

เมื่อรู้แล้ว....ต่อนี้ไป
เราหวังว่าท่านทั้งหลาย
คงฉลาดที่จะเป็นคนดีกันมากขึ้น
จากองค์ธรรมความรู้ที่เรานำเสนอไว้ในบทนี้

โดยพึงระวัง "ความเคยตัว" ของท่านไว้
จะได้ไม่ไปเที่ยวจุ้นจ้านกับบทเรียน
และบททดสอบจิตสามนึกของคนรอบข้าง
จนสร้างพันธะกรรมขึ้นเป็นร่างแหหรือตาข่าย
ครอบคลุมตนเองไว้กับคนอื่นๆ

จนยังผลให้จิตวิญญาณของพวกท่าน
ขาดอิสรภาพและไร้เรี่ยวแรงที่จะหลุดพ้น

เอเมน  สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/01/2020