16 มกราคม 2563

คนสองมิติ




#สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า


การเป็น #คนสองมิติ นั้น หมายถึง
ในความเป็นมนุษย์ของท่าน
จะสามารถสั่นสะเทือนให้เกิด "กรรม"
หรือสั่นสะเทือนให้เกิดเป็นการกระทำ
ของ "จิตและใจ" ใน 2 มิติคู่ขนานกันเสมอ

โดยมีจิตหยาบกับกายหยาบ
ในมิติโลกทางกายภาพมิติหนึ่ง
กับ "จิตวิญญาณ" หรือใจ
ที่เป็นตัวตนแก่นแท้ด้านมิติทางพลังงาน
ในอีกมิติหนึ่งด้วย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

1.
รูปธรรม #จิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ในกายสังขารของท่าน
คือ ผู้ขันอาสาพระบิดาฯลงมาจุติเป็น "คน"
ซึ่งมีจิตหยาบกับกายหยาบเป็นเปลือกนอก

2.
รูปธรรมจิตวิญญาณ
แบ่งภาคทางพลังงานของตนออกมา
เป็น "จิตหยาบ" หรือจิตปัจจุบันของท่าน
โดยมีที่ตั้งอยู่ตรงต่อมไร้ท่อ "ไพเนี่ยล"
เพื่อให้จิตหยาบทำหน้าที่ทุกอย่างแทนตน
ในขณะที่ดำรงชีวิตเป็น "คนสองมิติ" อยู่
ส่วนจิตวิญญาณหรือ "ใจ" นั้นจะเร้นอยู่ข้างใน
โดยมีที่ตั้งอยู่ตรงต่อมไร้ท่อ "พิทูอิทารี่"

3.
รูปธรรมจิตวิญญาณ
ได้มอบหน้าที่สำคัญให้ "จิตหยาบ" ต้องทำ
ไม่ทำไม่ได้และทำไม่สำเร็จก็ไม่ได้ด้วย
นั่นคือการ "คน" ทั้งสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
เพื่อยกระดับจาก "คน" สู่การเป็น "มนุษย์"

หมายความว่า
"
จิตหยาบ" จะต้องสั่นสะเทือนตนเอง
ร่วมกับกายสังขารหรือเครื่องยนต์แห่งกรรม
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับ "ใจ" คือจิตวิญญาณ
ที่เร้นตนเองอยู่ข้างในให้สำเร็จให้จงได้
ถ้าทำให้สองมิติเป็นหนึ่งเดียวกันได้เมื่อใด
ท่านผู้นั้นก็จะเปลี่ยนจาก "คน" เป็น "มนุษย์"
เพราะสามารถยกระดับตนเองเป็นผู้มีจิตใจสูง
เหนือความเป็นสัตว์เดรัจฉานได้แล้ว

แน่นอนว่า
ผู้ที่สามารถคนตนเองจนเป็นมนุษย์ได้
ก็คือผู้ที่มีจิตหยาบกับกายหยาบ
สั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณได้
อันหมายถึงสามารถ "หมุนธรรมจักร"
ด้วยการแทรกแซงขันธ์ 5 ได้สำเร็จแล้วนั่นเอง

4.
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ภารกิจหลักของจิตวิญญาณของท่าน
ที่ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์บนดาวโลกเสรีนี้
คือการปฏิบัติตามพันธะสัญญา 6 ประการ
ซึ่งเราได้นำมากล่าวย้ำกันอยู่บ่อยๆแล้ว

โดยท่านทั้งหลายจะมิอาจปฏิบัติภารกิจ
ในนาม "จิตวิญญาณ" ได้เลยตลอดชีวิตนี้
ถ้าท่านยังไม่สามารถยกระดับตนเอง
จากการเป็น "คน" สู่การเป็น "มนุษย์" ได้
ทั้งนี้เพราะ "จิตหยาบ" หรือ "จิตปัจจุบัน" นั้น
ไม่มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะจัดการใดๆได้เอง
นอกจากจะคอยปลุกเร้าให้จิตวิญญาณข้างใน
ลุกตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น

5.
เนื่องจากจิตหยาบหรือจิตปัจจุบัน
ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
เป็น "พลังงาน" ที่ได้จากการสั่นสะเทือนเท่านั้น
เพราะจิตหยาบไม่มี "อำนาจ" ใดเป็นคุณสมบัติ
จึงไม่มีศักยภาพพลานุภาพในตนเอง
ที่จะปฏิบัติภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณได้

ตัวอย่างเช่น

จิตวิญญาณผู้ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อน "พลังงานความรัก"
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่เป็นด้านบวกให้กับแกนโลก
เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการบิดตัวของแกนโลก
ในการช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้นั้น
จิตวิญญาณเองจะไม่สามารถขับเคลื่อน
"พลังงานความรัก" ที่แบกขนมาจากพระบิดา
ออกมาสู่ภายนอกเพื่อมอบให้แก่แกนโลกได้
ทั้งๆที่แบกความรักติดตัวมาเกิดจนล้นเปี่ยม

เพราะจิตวิญญาณถูกติดตั้งไว้ที่ต่อมพิทูอิทารี
ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อที่อยู่บนสุดในกายสังขาร
ขณะที่ต่อมไร้ท่อที่เป็นจักระทั้งเจ็ดนั้น
จะสั่นสะเทือนจากจักระล่างสุดขึ้นสู่เบื้องบน

ดังนั้น
จิตหยาบหรือจิตปัจจุบันตรงต่อมไพเนียล
ที่ตนเองไม่มีพลังงานความรักเป็นเสบียง
จึงมีหน้าที่สร้างคลื่นความถี่ด้านบวกสูงสุด
เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่องสู่ด้านบน
จากต่อมไพเนียลขึ้นสู่ต่อมพิทูอิทารี
เพื่อให้จิตวิญญาณตรงต่อมพิทูอิทารีรับรู้
แล้วขับพลังงานความรักที่ตนมีอยู่ออกมา
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
เพื่อมอบให้กับโลกและทุกสรรพสิ่ง

6.
กระบวนการที่จิตหยาบตรงต่อมไพเนียล
สั่นสะเทือนตนเองทางด้านบวกสูงสุด
เพื่อส่งพลังไปกระตุ้นให้จิตวิญญาณ
ที่ดำรงอยู่ตรงต่อมพิทูอิทารี่
เกิดการสั่นสะเทือนตามไปด้วย
เพื่อปลดปล่อยพลังงานความรักออกมานี้

ท่านทั้งหลายจะต้องกระทำผ่าน
การ "หมุนธรรมจักร" นั่นเอง

หลักการหมุนธรรมจักรก็คือ
จิตหยาบหรือจิตปัจจุบันของท่าน
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นด้วยตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส
ทั้งที่เป็นเรื่องดีและเรื่องร้ายๆก็ตาม
ท่านจักต้องสั่นสะเทือนจิตในปัจจุบันขณะ
ให้เป็นคลื่นความถี่ด้านบวกตอบสนองเท่านั้น
นั่นคือ ต้องรักให้ได้ ให้อภัยให้เป็น
ไม่ก้าวล่วงใคร ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้านใคร
แม้ใครคนนั้นจะทำชั่วต่อตัวท่านก่อนก็ตาม

กระบวนการที่ว่านี้
เป็นการสั่นสะเทือนของจิตหยาบด้านบวก
ที่จะกระตุ้นจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเอง
ให้ปลดปล่อยพลังแห่งรักที่โลกต้องการ
ออกมาอย่างต่อเนื่องและไม่มีจำกัด

ดังนั้น
จิตหยาบหรือจิตปัจจุบัน
จึงทำหน้าที่เหมือนดั่ง #มอเตอร์ไฟฟ้า
ซึ่งตัวมันเองผลิตพลังงานไฟฟ้าออกมาไม่ได้
แต่ตัวมอเตอร์ก็สามารถฉุดดึงให้ #ไดนาโม
อันหมายถึง "จิตวิญญาณ" แก่นแท้ของท่าน
เหวี่ยงหมุนไปตามความเร็วความเร่งของตน
เพื่อช่วยให้ไดนาโมทำการผลิตพลังไฟฟ้า
ออกมาตามที่ท่านต้องการได้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เพราะคนนำทางตาบอด
พาท่านหลงทางนิพพานเพราะกลัวความทุกข์

แทนที่จะมองเห็นปัญหาแล้วแก้ปัญหา
เพื่อพัฒนาจิตตปัญญาในตนเองให้สูงขึ้น
ด้วยการเรียนรู้โลกไปตามความจริง
เรียนรู้ที่จะยอมรับในความแตกต่าง
เรียนรู้ที่จะปรับตนเองเข้าหาคนรอบข้าง
โดยมันจะทำให้จิตใจใสสว่าง
เพราะว่างไปจากความทุกข์ได้อย่างยั่งยืน

แต่กลับเพียรหาทางหนีทุกข์ออกไปจากโลก
เพื่อดับการมีสังสารวัฏบนโลก
แล้วหลุดลอยไปเกิดเป็นเทพเทวดาบนนั้นแทน
ซึ่งทำได้แค่เพียงนิพพานเทียมเท็จเท่านั้น

เพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับทุกข์
จนต้องหาทางหนีทุกข์กันนี่แหละ
วันๆจึงได้แต่คิดและทำทุกสิ่งเพื่อตนเองเท่านั้น
จนจิตกับสมองไม่มีที่ว่างพอ
ที่จะทำอะไรๆเพื่อโลกของตนเลย
ทุกคนจึงมีส่วนทำให้จิตวิญญาณตนเอง
ล้มเหลวในการมาเกิดเป็นมนุษย์กันทั้งสิ้น

คนส่วนใหญ่ไม่หมุนธรรมจักร
คือ ไม่คนตนเองในสองมิติให้เป็นมนุษย์

เพราะไม่รู้ว่าตนจะต้อง "คน" ก็มี
เพราะไม่รู้ว่าตนจะต้อง "คนอย่างไร" ก็มาก
เพราะไม่รู้ว่าตนจะต้อง "คนทำไม" ก็เยอะ


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

16/01/2020