19 มกราคม 2563

อนุตรธรรมที่คนนำทางตาบอดไม่รู้




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ได้รับโอกาสจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
คือ องค์จิตจักรวาล
พระผู้เป็นใหญ่เหนือสิ่งทั้งปวง
ให้เดินทางข้ามมิติเข้ามาในอนันตจักรวาล
เพื่อมาเกิดเป็น "มนุษย์" ในระบบโลกเสรีนี้

พระองค์มิได้ทรงอนุญาตให้แก่นแท้ของท่าน
ซึ่งสู้อุตส่าห์เดินทางข้ามมิติเข้ามาตั้งไกล
เพื่อที่จะมาเกิดเป็นเทพพรหมบนสวรรค์มายา
โดยหาทางหนีออกไปจากภพภูมิมนุษย์
ตามการชี้นำของคนนำทางตาบอดแต่อย่างใด

เพราะคนนำทางตาบอด
ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของพวกตน
ที่มาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
ทุกรูปธรรมต่างขันอาสากันมาเอง
พระบิดามิได้ทรงบังคับขับเข็นใครให้มา

นอกจากนั้น
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ยังมี #ภารกิจ ที่ต้องทำให้ลุล่วงด้วย
เพราะได้ให้สัจจะเป็นพันธะสัญญา 6 ข้อ
ต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณไว้ว่า
ตนจะกระทำภารกิจทั้ง 6 ให้สำเร็จ
ภายในเวลาก่อนสิ้นยุคคือ 60,000 ปีโลก
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว

แต่เพราะว่าพวกเขา
ยึดติดศาสดาที่มาจากโลกพระองค์เดียว
ยึดติดพระคัมภีร์แค่เพียงเล่มเดียว

โดยปฏิเสธพระเจ้าหรือพระบิดา
ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนเอง

โดยปฏิเสธพระบุตรเอก
ซึ่งเป็นศาสดาที่มาจากพระเจ้า

จึงยังผลให้คนนำทางตาบอดทั้งหลาย
ไม่รู้ว่าตนไม่รู้ในอนุตรธรรมความจริง
ที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้น

พวกเขาจึงไม่รู้ว่า
ทำไมจิตวิญญาณต้องมาเกิดเป็นมนุษย์
ทำไมต้องมีการเกิดแก่เจ็บตาย
ทำไมต้องมีภพชาติต้องมีสังสารวัฏ
ซึ่งพวกเขามองว่า
มันล้วนแล้วแต่เป็นความทุกข์ทั้งสิ้น

เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า
ความทุกข์ทั้งหลายในการดำเนินชีวิตนั้น
มีสาเหตุจากการที่เขาต้องเผชิญกับปัญหา
ที่จะต้องเรียนรู้เพื่อการแก้ไขหรือตัดสินใจ
ด้วยความฉลาดทางปัญญา
ของสมองสองซีกที่ตนเองมีอยู่

แต่เป็นเพราะว่า
คนนำทางตาบอดเข้าถึง "ปัญญา" มิได้
จึงพากันเกลียดกลัวปัญหาที่ตนเผชิญ
อันเป็นที่มาแห่ง "ความทุกข์" ไปในที่สุด
จึงยังผลให้พวกเขาไม่สามารถ
หยิบปัญญามาดับทุกข์ได้ดังที่รู้เห็นกันอยู่

นอกจากนั้น
คนนำทางตาบอดยังไม่รู้ด้วยว่า
แท้แล้วปัญหาทุกปัญหาในชีวิตมนุษย์นั้น
มันล้วนเป็นเงื่อนไขบททดสอบในบทเรียน
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของแต่ละคน
ต่างร่วมกันขีดเขียนหรือนิพนธ์กันขึ้นมาเอง
เพื่อแสดงร่วมกันเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์

บทละครที่เขียนมาแสดงต่อกันนั้น
ไม่ว่ามันจะเป็นเงื่อนไขด้านดีหรือร้าย
ก็เพื่อใช้เป็นกุศโลบายในการช่วยเหลือกัน
ให้สั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวกทั้งสิ้น
เพื่อให้จิตหยาบช่วยสั่นสะเทือนจิตวิญญาณ
ให้ปลดปล่อยพลังงานความรักออกมา
มอบให้แก่กันและกันแล้วแบ่งปันให้โลก
เพื่อช่วยให้แกนโลกบิดตัวต่อเนื่อง
จนยังผลให้โลกหมุนรอบตัวเองได้
ซึ่งพระบิดาทรงเรียกว่า "หมุนธรรมจักร"

แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ต้องการจะมอบพลังงานความรักให้โลก
ในปริมาณค่อนข้างสูงกว่าปกติ
จึงได้เลือกกำหนดบทละครที่สลับซับซ้อน
สร้างบททดสอบที่ค่อนข้างยาก
ส่วนมากจะเป็นด้านร้ายๆและรุนแรง
พอมาเกิดเป็นมนุษย์เข้าจริงๆจึงทนไม่ได้
จึงพากันสอบตกจึงรับไม่ได้
ในสิ่งที่ตนเองเป็นผู้กำหนดกันมาเองแท้ๆ

ดังนั้น
พวกเขาจึงมองว่าถ้าตายแล้ว
ไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
เพราะสามารถดับการมีสังสารวัฏได้
พวกตนก็คงจะสิ้นทุกข์หมดทุกข์พ้นทุกข์

โดยไม่รู้สำนึกว่าการคิดทำเช่นว่านี้นั้น
นอกจากจะเป็นการผิดพันธะสัญญา
ที่เคยให้ไว้กับพระบิดาแห่งตนแล้ว
ยังเป็นความเหลวไหลในการละทิ้งภารกิจ
ที่จิตวิญญาณถือมาเกิดเป็นมนุษย์อีกด้วย

คนนำทางตาบอดเหล่านี้
จึงพยายามสอนท่านให้วันๆหนึ่งปลีกวิเวก
เพื่อปิดซุกอายตนะภายนอกทั้งห้าไว้
หันมาเล่นกับจิตที่เป็นอายตนะภายในแทน

เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการก่อกรรมใหม่
และพยายามไม่เกี่ยวกรรมกันกับใคร
โดยเชื่อว่าถ้าไม่ก่อกรรมใหม่
กับการมีทักษะในการควบคุมจิตตนเองได้
จะทำให้จิตเป็นสมถะ
จนมีพลังอำนาจทางจิตสูงกว่าคนทั่วไป
มันก็จะช่วยให้จิตวิญญาณของพวกเขา
สร้างทางเบี่ยงหลุดลอยไปเกิดเป็นเทพพรหม
แขวนอยู่บนสวรรค์มายาที่พระบิดามิได้สร้างไว้

โดยเข้าใจผิดคิดว่า
การลอยไปค้างอยู่บนสวรรค์มายานั้น
สูงส่งกว่าการกลับมาเกิดเป็นมนุษย์
ทั้งๆที่ความจริงแล้วอยู่บนนั้น
มันยิ่งทุกข์กว่าตอนที่เป็นมนุษย์อีก
เพราะไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนจะไปไหนต่อ
ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงทราบเรื่่องนี้ดี
จึงกลับมาดับขันธปรินิพพานเมื่อเป็นมนุษย์
แต่พวกคนนำทางตาบอดก็ไร้สติ
มิได้ฉุกคิดกันในเรื่องนี้เลย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การศึกษาเรียนรู้สัจธรรม
โดยอาศัยแค่ความเชื่อความชอบความชิน
ที่ปราศจากการใช้ปัญญาของสมอง
ซึ่งตนเองล้วนมีอยู่นั้น
มันจะเป็นความงมงายที่ยากจะแก้ไข
จนอาจทำให้ท่านเดือดร้อนเพราะหลงผิด
จนอาจทำให้เสียหายเพราะตัดสินใจผิด

ที่เรากล่าวมาในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่าน
ก็เพราะความรักและปรารถนาดีต่อพวกท่าน
ไม่ประสงค์ให้ท่านก้าวตามคนนำทางตาบอด
อย่างงมงายเพราะไร้สติปัญญาต่อไปอีก

เวลาสำหรับท่านที่จะนำจิตวิญญาณหลุดพ้น
เหลือน้อยเต็มทีแล้วเพราะภัยพิบัติกำลังมา
หากปรารถนาจะได้รับความรอดปลอดภัย
และมีจิตใจฝักใฝ่การหลุดพ้นอย่างแท้จริง

ท่านจงขยันเข้าห้องเรียนนี้
แล้วอ่านพระโอวาทอย่างคนฉลาดเรียนรู้
อ่านหลายเที่ยว อ่านช้าๆ แล้วคิดตาม
อย่าอ่านลวกๆเพียงเพื่อแค่กด "ไล้ค์" เท่านั้น
เพราะการตั้งใจอ่านพระโอวาทในห้องเรียนนี้
มันเป็นการลงทุนของท่านด้วยเวลา
โดยกำไรที่ท่านจะได้รับก็คือ #การหลุดพ้น

ซึ่งมรรควิถีจิตจักรวาลเป็นทางเลือกเดียว
สำหรับมนุษย์ปลายยุคพลังงานเก่านี้
ผู้ที่ต้องการหลุดพ้น
ออกไปจากอนันตจักรวาล
ที่เปรียบดั่ง "กะลา" ซึ่งคว่ำครอบพวกท่าน
มาเนิ่นนานหลายพันปีแล้ว

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19/01/2020