28 มกราคม 2563

จงอย่าเชือนแชกับข่าวร้ายด้านภัยพิบัติ





#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า


โลกทุกวันนี้
ถ้าท่านเป็นคนช่างสังเกตแล้ว
จะพบว่าโลกมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น
ทั้งวันทั้งคืนในทุกๆวันโดยไม่มีวันหยุด
ซึ่งมีการสั่นไหวเกิดขึ้นทุกภูมิภาคทั่วโลก
เกิดขึ้นได้ทั้งบนบกและในทะเล

โดยเฉพาะตามหมู่เกาะ
ซึ่งเป็นประเทศใหญ๋ๆทั้งหลาย
และประเทศที่อยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ
จะสั่นสะเทือนให้เป็นข่าวอยู่เป็นประจำ
อีกทั้งแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
ก็มีแนวโน้มว่าจะยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

หากท่านยอมรับความจริงได้ว่า
ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหว
อุทกภัย ไฟป่า วาตภัย แผ่นดินยุบแยก
โคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก ภูเขาสไลด์
ภูเขาไฟใหม่เก่าปะทุรุนแรงอยู่เนืองๆ
รวมทั้งเรื่องฝุ่นควันไอพิษ
ไปจนถึงเรื่องโรคระบาดแพร่เชื้อ

ล้วนเป็นภัยที่อยู่ในแผนปฏิบัติการชำระโลก
ของฑูตสวรรค์หรือช่างเท็กนิค
ที่ได้รับพระบัญชาจากพระบิดา
ให้เข้ามาทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงโลก
เพื่อนำมนุษย์กับโลกสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว

ปรากฏการณ์แห่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเหล่านั้น
ล้วนเป็นความต้องการสร้างแรงสั่นสะเทือน
ให้เกิดขึ้นกับดาวเคราะห์โลกและมวลมนุษย์
ให้มีความถี่สูงขึ้นทางด้านบวก
โดยเพิ่มค่าความถี่ของการสั่นให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้เพื่อ "เตือนภัย" ให้มนุษย์รู้ล่วงหน้าว่า
อีกไม่ช้าภยันตรายจะเข้ามาหาจนถึงตัว
จักได้เตรียมตัวและจิตวิญญาณไว้ผจญภัย
ในวันที่สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นจะมาถึง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ท่านจะสังเกตได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา


ปรากฏการณ์แห่งการเกิดภัยพิบัติทุกรูปแบบ
จะเน้นที่การสร้างแรงสั่นสะเทือนด้านลบ
ให้มนุษย์โลกรับรู้จำเพาะพิกัดพื้นที่
โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เกิด #ความกลัว
เพราะความกลัวจากจิตมนุษย์ทั้งหลาย
ที่สั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อยามมีภัยมาถึงตัวนั้น
มันหมายถึงการ "กลัวตาย" นั่นเอง

นอกจากกลัวว่าตัวเองจะตายแล้ว
ยังจะกลัวว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องบุตรบริวาร
รวมทั้งคนที่ตนเอง "รัก" ต้องตายด้วย

ดังนั้น
อาการสั่นสะเทือนเป็น "ความกลัวตาย"
จึงหมายถึงการสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด
เป็น "ความรัก" ที่แท้จริงและบริสุทธิ์
เพราะเป็นความรักเพื่อให้
โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนนั่นเอง
ซึ่งมนุษย์โลกเสรีล้มเหลวกันมาตลอด


เนื่องจากยังรักกันแบบมีเงื่อนไข
จึงไม่อาจหมุนธรรมจักรมอบรักให้โลกได้
จนยังผลให้โลกเสียสมดุลเพราะหมุนช้าลง
ทำให้ภูมิอากาศและอำนาจแม่เหล็กโลก
เกิดการวิปริตรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ภัยธรรมชาติจึงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงหนักหน่วง
ทับซ้อนกับแผนการชำระโลกของพระบิดา
ที่ใช้มหันตภัยพิบัติเป็นเครื่องมือเช่นกัน
จนบัดนี้ก็แทบจะแยกกันไม่ออกแล้วว่า
ไหนคือภัยพิบัติตามแผนการชำระโลก
ไหนคือภัยธรรมชาติอันเกิดจากโลกเสียสมดุล
เพราะมนุษย์เองเป็นผู้ก่อเหตุนั้น

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

นอกจากภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลก
จะเป็นเงื่อนไขที่ฑูตสวรรค์หรือช่างเท็กนิค
ฉวยใช้กระตุ้นจิตสำนึกแห่งรักของมนุษย์
ให้บังเกิดขึ้นแก่จิตใจผู้คนเป็นจำนวนมาก
ที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่รู้เลยว่าความรักคืออะไร
ให้สอบผ่านบททดสอบบทสุดท้าย
ซึ่งเป็นบทเรียนแห่งความกลัวตายแล้ว

การสร้างภัยพิบัติที่รุนแรงน่ากลัวมากขึ้น
นำภัยพิบัติเข้ามาใกล้ตัวท่านทั้งหลายมากขึ้น
ทำให้เกิดภัยถี่ขึ้นๆจนถึงขั้นทำให้หวาดผวา
เพราะไม่รู้ว่าภัยอะไรจะมาถึงตัวเองเมื่อไหร่
และในแต่ละครั้งที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น
ก็จะเกิดความสูญเสียวอดวายหายนะมากยิ่งขึ้น
ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่
ท่านทั้งหลายจักได้เผชิญกันจนชินแน่นอน

สิ่งสำคัญสุดท้ายที่เราจะกล่าวต่อท่าน
เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้ว่า

ภัยพิบัติทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในทุกภูมิภาค
ตั้งแต่หลายขวบปีที่ผ่านมาจนปัจจุบันนี้นั้น
เป้าประสงค์หลักที่สำคัญยังมิใช่ขั้นชำระจริง
แต่เป็นการสั่นสะเทือนเพื่อ #เตือนสติ ชาวโลก
ให้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบและไม่ประมาท
โดยมุ่งเน้นที่ "การตื่นตัว" มิใช่ "ตื่นตูม"
เน้นที่การ "กลัวตาย" อย่างมีสติ


โดยให้หันมารับฟังข่าวสารจากจิตจักรวาลบ้าง
เพราะไม่มีใครบนโลกที่จะบอกข่าวนี้แก่ท่านได้
นอกจาก "เรา" ผู้ได้รับพระบัญชาให้กลับมา
เพื่อช่วยฉุดช่วยแกะพวกท่านจากการยึดติด
ให้หลุดพ้นออกไปจาก #อนันตจักรวาล
ให้ทันก่อนโลกสิ้นยุคพลังงานเก่าเท่านั้น


ด้วยเหตุนี้เอง
จงอย่าเชือนแชกับข่าวร้ายด้านภัยพิบัติ
ที่มันจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าอีก
ไม่ว่าภัยนั้นจะเกิดตรงพิกัดใดแบบใดก็ตาม

ขอให้ท่านสอบผ่านบททดสอบจิตสามนึก
ด้วยความรักและเมตตาต่อผู้ประสบภัยให้ได้
ด้วยการตื่นสติรักตัวกลัวตาย
อย่างไม่ขี้ขลาดกันไว้ล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ
ซึ่งสักวันหนึ่งภัยร้ายจะมาเยี่ยมท่านจนถึงที่
ในแบบที่ท่านไม่ชอบใจอย่างแน่นอน
จักได้ไม่ตื่นตกใจจน "สติแตก" เอ๋อเหรอ
เพราะระบบไฟฟ้าในเครื่องยนต์แห่งกรรมชำรุด

ซึ่งมันจะน่าเสียดายมากถ้าท่านเป็นคนดี
ที่พระองค์ทรงประทานความรอดให้
แต่กลับทำตัวอวดดีดื้อดึงไม่ฟังข่าวสารของเรา
จนถึงขั้นสติแตกเอ๋อเหรอไปในวันนั้น
วันเวลาที่ภัยพิบัติใหญ่มาถึงนั่นแหละ

ท่านรู้หรือไม่ว่า
กว่าจะฟื้นคืนสติเป็นผู้คนปกติดังเดิมได้
หลังปฏิบัติการชำระโลกสิ้นสุดลงแล้ว
ผู้นั้นจะต้องเป็นดั่ง #วัตถุล่องลอย ที่มีชีวิต
โดยจิตวิญญาณจะถูกกักขังอยู่ข้างใน
อย่างยาวนานไม่น้อยกว่า 6 ปีโลกเลยทีเดียว

ท่านทั้งหลายจงอย่าเชื่อเรา
ทันทีที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
โดยที่ท่านมิได้คิดพิจารณาคำกล่าวของเรา

ท่านจงอย่าปฏิเสธคำกล่าวของเรา
ทันทีที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
โดยที่ท่านเองก็ยังอธิบายไม่ได้ว่า
ทำไมจึงท่านจึงปฏิเสธคำกล่าวข่าวสารของเรา

เพราะการเชื่อหรือไม่เชื่อ
โดยไม่ใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง
มันล้วนเป็น #ความงมงาย ทั้งนั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/01/2020